คิดได้ไงวะ


   อันที่จริงเรื่องราวนี้ในตอนแรกว่าจะไม่กล่าวถึงนะแต่พอพิจารณาไปมาแล้วมันก็น่าจะมาบันทึกในความโง่ของตัวเองนะจะได้เป็นเรื่องราวไว้วันข้างหน้าว่าวันหนึ่งในตอนนี้เราเคยผ่านเรื่องอย่างนี้ได้อย่างไร

    ซึ่งต้องย้อนไปก่อนวันที่ 12 สิงหาคมอีกประมาณ 7 - 10 วันเป็นประมาณช่วงต้นเดือนก่อนเข้าพรรษาซึ่งพระภิกษุสามเณรโดยทั่วไปท่านก็จะได้ปฎิบัติศาสนกิจตามสมควรแต่ละรูปที่จะฝึกฝนอบรมตนเองกันได้อย่างไร

    แต่ตัวเราเองกับมีภารกิจที่หลวงปู่มอบให้ในอย่างประจำคือดูแลสมาชิกศูนย์แต่ก็มีภารกิจเร่งด่วนเพื่อให้ทันงานวันที่ 12 สิงหาคม คือการต่อเติมด้านหน้าศาลา 2-3-4 เพื่อให้ญาติโยมที่มาทำบุญได้พักอาศัย ก็ทำกันตั้งแต่เสร็จภารกิจเช้าจากเป็นสังกะลีวัดปัดกวาดทำความสะอาด,รับบิณฑบาตร,ถวายอาหารและสมาชิกล้างถ้วยในโรงครัวเสร็จ ก็จะเปลี่ยนชุดมาทำงานเป็นประโยชน์กันในเวลากลางวันจนถึงสี่โมงครึ่งห้าโมงเสร็จแล้วก็ปัดกวาดทำความสะอาดทำกิจกรรมเพื่อชีวิตส่วนตัวกันละ แต่ในช่วงเร่งๆแบบนี้ทำโอทีกันแบบสองทุ่มสามทุ่มกันเลยละทั้งต่อหลังคาเทปูนทำร่องน้ำ ใหนต้องขุดหลุมแล้วก็ต้องมาขนดินไปถมพอได้ที่ก็ต้องเทปูนเพราะต้องเหลือเวลาให้มันแห้งหากชาวบ้านมาตอนเช้า

   เหนื่อยจนแทบที่จะเรียกว่ากระดูกแทบหลุดกันเลยตอนเช้าก็ลุกยากมากปวดตามตัวกันแทบทุกคนเรี่ยวแรงก็แทบหมดอาศัยแต่แรงใจกันละใครจะหมดแรงยังงัยเราก็ต้องไปคอยกระตุ้นก็ต้องให้มันทันตามที่หลวงปู่สั่งต้องพยายามไว้ก่อนเสร็จไม่เสร็จทำไว้ก่อน แต่ก็มีกิจจกรรมอื่นๆที่ประกอบเข้ามาและไม่ได้สำคัญต่องานวันนั้นสักเท่าไรหากแต่บริวารต่างๆก็พากันแห่ไปทั้งๆที่หลวงปู่มักมาอยู่ที่บริเวณต่อเติมนี้

   ซึ่งเหตุการหลายเหตุการที่เกิดกับตนเองเลยก็มีบ้างอยู่ว่าตอนเช้าหลังจากกลับจากบิณฑบาตรเราจะดูแลให้สังกะลีวัดที่อุปการะสองคนเก็บอาหารมาทานเพื่อไปโรงเรียนแล้วก็เดินหันหลังเพื่อออกจากศาลาแบบถ่านอ่อน แต่พอหันมากลับเจอแม่ชีที่บวชใหม่เดินมาแบบไม่สนใจว่าเรากำลังถอยหลังก็เลยต้องผลิกตัวหลบเกือบล้มแบบปวดกระดูกแต่ก็ช่างมันเถอะวะบวชไม่กี่วันคงไม่รู้ว่าแม่ชีมันต้องหลบพระนะเว้ย

   ก็ผ่านไปให้หลังประมาณหนึ่งวันในเวลาบ่ายๆกำลังพากันเทปูนอย่างเอาเป็นเอาตายสามเณรที่เป็นลูกหลานชาวกรุงเทพเรียนโรงเรียนนานาชาติที่มาบวชอยู่วัดในตอนปิดเทอมแบบแม่บังคับและยังไม่ได้ข้อวัตรปฏิบัติอะไรเลยนั่งพับเพียบยังจะไม่นั่งตื่นจากการนอนกลางวันออกมาเดินเผ่นผ่าน สมาชิกเลยพูดว่า"อาจารย์คือบ่บอกเณรมาเฮ็ดงานส่อยแน่" เลยตอบว่า"เฮ้ยมันกวาดตาดยังบ่มีแฮงมือโพงเบิดมาเล่นปูนคือสูตายพอดี"ในขณะที่ผ่านไปนั้นแม่ชีคนที่เกือบชนเราและอีกหนึ่งแม่ชีก็นั่งลงให้สามเณรนั้นผ่านไป สมาชิกมันก็เลยพูดว่า "จาร จารเขาถอนสายบัวให้กันแล้ว" "บัดยามนั้นคือเกือบสิตำอาจารย์"เลยพูดว่า "ฮ่านี่แมะสิว่าเฮาบ่เป็นตะนับถือบ่วะอย่าไปหาสนใจสุมบ่ได้เวียกซะละฟ่าวเฮ็ดงานเจ้าของเป็นหยังเดี๋ยวเจ้านาย(หลวงปู่)ก็มาตรวจ"ไม่นานเจ้านายก็มา

   มันก็ผ่านไปอีกวันเจ้านายมานั่งคุมเราเองก็ทั้งทำด้วยตรวจงานสมาชิกด้วยยังไม่ทันใจเจ้านายเลยจนเจ้านายจะมาจับจอบเคลี่ยดินเองเลยได้พากันแย่งจอบในขณะที่สาละวนกับการทำงานตีแบบที่เจ้านายสั่งให้ปิดที่ระบายน้ำในช่วงข้อต่อก็วนซ้ายขวาทั้งหาแบบหาตะปูหาฆ้อนเดี๋ยวคนนั้นมันถามก็ได้บอกไม่แน่ใจก็เดินไปเช็คดูในขณะนั้นเองมันจะมีไม้วางอยู่ใกล้ๆกับที่เจ้านายนั่งอยู่ก็โซเซขึ้นจากหลุมแม่ชีบวชใหม่คนนั้นมาจากใหนไม่รู้เดินกำลังจะข้ามไม้ที่วางพาดร่องน้ำไว้ดึงเชือกหาแนวแทนที่่จะหยุดให้เราเป็นเราต้องหยุดแทบล้มแล้วเขาก็ผ่านไปแถมเตะแนวเชือกขยับอีกแววตาเราเป็นแบบโทสะเกิดเลย(สมาชิกบอก)นึกในใจเลยที่เดินตั้งหลายที่มันยังมาข้ามไม้แถมเตะเชือกอีกถีบอีห่านี่ซะบ่หนอ แล้วหันไปเห็นเจ้านายนั่งอยู่เลยสแยะยิ้มออกมาแต่เจ้านายนะหน้าแบบไม่มีอารมณ์เลยพอแม่ชีไปกราบและพูดด้วยเจ้านายก็ไม่เอ่ยอะไรได้แต่พยักหน้าเราก็เลยทำเป็นเดินผ่านไปและยิ้มแฮ่ๆไปจนสมาชิกที่ขนดินอยู่ถาม "จารเป็นหยังคือยิ้ม" เลยตอบว่า"บักฮ่านี่แมะยิ้มก็บ่ได้เฮายิ้มดีกว่าอาละวาดเด้"แล้วก็กลับมาทำงานต่อแล้วเจ้านายก็ยิ้มให้โอ้ยังกะขึ้นสวรรค์

   ก่อนหน้างานประมาณหนึ่งวันในขณะที่เรากำลังเร่งทำงานและทำความสะอาดอยู่นั้นคณะแม่ชีสี่ห้าคนได้เดินไปหาเจ้านายในขณะนั้นเองพระดูแลหลวงปู่อยู่ซึ่งบวชได้ประมาณห้าหกเดือนและเข้าพรรษานี้เป็นพรรษาแรกออกมาคณะแม่ชีนั้นก็พากันนั่งตอบมอบลง ไอ้โกสมาชิกเราก็เลยเรียกเรามาหยอกกัน"จารเห็นนั่นบ่เขาถอนสายบัวให้กันอีกแล้วให้ฮู้จักแน่เขาเป็นผู้ใหญ่เด้นั่นเฮามันผู้น้อยบวชหลายพรรษาแต่เขายังบ่ถอนสายบัวให้จักเถื่อ" ในอารมณ์เหนื่อยๆอยู่นั้นเลยพูดว่า"ให้ถอนฮอดฮากไทรวะคั่นสิคิดแต่เรื่องสอพอหาแต่ประโยชน์ตนหลงในโตเจ้าของอย่ามาใกล้วะ"แล้วไม่นานจากนั้นเจ้านายก็มาที่บริเวณทำงานเราเพราะเป็นเจตนารมณ์ท่านต้องการให้มันเสร็จ

   ยิ่งไปกว่าเมื่อเราคุยกับชาวบ้านคนหนึ่งในขณะเตรียมงานซึ่งรู้ๆกันอยู่ว่าท่านอยากให้มาเตรียมงานส่วนหนึ่งบริเวณนี้แต่คนนั้นบอกว่าตกลงกันแล้วไอ้คนนั้นคนนี้นัดแนะแล้วอ้าวเฮ้ยไอ้คนนั้นคนนี้เป็นเจ้าอาวาสหรือหลวงปู่กันแน่เป็นเจ้าอาวาสวะซึ่งในความเป็นจริงเราเองพึ่งพาบารมีหลวงปู่ท่านสั่งอย่างไรเราก็ต้องทำตาม

    ในเรื่องราวทั้งหมดสิ่งที่เราพิจารณาได้ก็มีอย่างแรกเลยว่า ใครๆจะไม่สนใจให้ความสำคัญอย่างก็ไม่รู้ละแต่คนที่ใครๆเหล่านั้นให้ความสำคัญให้ความสำคัญเรานะ(คิดเข้าข้างตัวเองป่าววะ) อย่างต่อมาเราเองมามีความเป็นภิกษุที่ไม่น่านับถือกระมังอย่าไปโทษใครเขาเลยโทษตัวเองที่เป็นคนห่ามๆดีกว่าประจบใครไม่เป็น สุดท้ายสงสัยมันโง่เขาเหล่านั้นคงไร้ปัญญา

ยังงัยก็แล้วแต่เจ้านาย

สู้ตายครับ

คำสำคัญ (Tags): #thinnabho#พ.ทินนาโภ
หมายเลขบันทึก: 499601เขียนเมื่อ 22 สิงหาคม 2012 00:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 สิงหาคม 2012 00:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท