วัตถุประสงค์ นำเสนอลักษณะของการแพทย์แผนไทยตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงตัวอย่างยาและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
การแพทย์แผนไทย (Thai Traditional Medicine) คือ วิถีการดูแลสุขภาพของคนไทยที่มีการใช้สมุนไพรในการรักษา มีการวินิจฉัยโรคเป็นแบบความเชื่อแบบไทย โดยมีพื้นฐานทางมาจากพระพุทธศาสนาผสมกลมกลืนกับความเชื่อทางพิธีกรรมด้วย
เดิมการแพทย์แผนไทยคล้ายคลึงกับการแพทย์พื้นเมือง มีความเชื่อเกี่ยวกับสาเหตุสำคัญของการเจ็บป่วย 3 กลุ่ม ดังนี้
การรักษาอาจเป็นพิธีกรรมตามความเชื่อ การใช้สมุนไพรการกินอาหารปรับสมดุลของร่างกาย การนวด การอบ การประคบ และการปรับสมดุลทางจิตด้วยสมาธิ หมอแผนไทยในอดีตมีความรู้มากมายหลายสาขาเป็นทั้งผู้ชำนาญการประกอบพิธีกรรม การใช้ยา การนวด และโหราศาสตร์ บางคนเคยบวชเรียนจึงเก่งในเรื่องการนั่งสมาธิ การแพทย์แผนไทยเคยรุ่งเรืองมากจนมีผู้ชำนาญเฉพาะทางในสมัยอยุธยา ทำให้มีตำราคัมภีร์เฉพาะโรคมากมาย
นอกเหนือจากความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งที่เหนือธรรมชาติแล้ว การแพทย์แผนไทยเชื่อว่าสาเหตุแห่งการเจ็บป่วยเกิดจากอิทธิพลดังต่อไปนี้
เภสัชกรรมแผนไทย คือ การปรุงยาคือการนำวัตถุตั้งแต่ ๒ ชนิดขึ้นไป นำมาแปรสภาพโดยแพทย์ หรือเภสัชกร เพื่อใช้บรรเทาหรือบำบัดและรักษาโรค หรือเป็นปฏิกิริยาต่อ ต้านอาการของโรคได้ การปรุงยา รักษาโรคนั้นเป็นหน้าที่ของเภสัชกรผู้ซึ่งจะต้องรู้หลัก ๔ ประการคือ
รูปแบบของยาสมุนไพรนั้นแบ่งออกได้ ๗ ประการดังนี้
สูตรตำรับ:
1) เปลือกอบเชย 50 กรัม
2) เปลือกสมุลแว้ง 50 กรัม
3) ชะเอมเทศ 50 กรัม
4) ดอกกานพลู 50 กรัม
5) การบูร 1 ช้อนชา
6) เมนทอล 1 ช้อนชา
7) น้ำ 7,000 ซีซี
วิธีเตรียม: น้ำสมุนไพรทั้ง 4 อย่าง ต้มน้ำประมาณ 15 นาที จากนั้นตั้งทิ้งไว้พออุ่น จึงเติมการบูรและเมนทอล
วิธีใช้:ผู้ใหญ่ ครั้งละ 2-3 ช้อนโต๊ะ เด็กลดลงตามส่วน รับประทานหลังอาหาร หรือทุก 2-3 ชั่วโมง เมื่อมีอาการปวดท้อง จุกเสียด แน่นเฟ้อ
หลักการ: ธาตุ 4 ที่มีชีวิตจึงมีชื่อเรียกเป็นพิเศษว่า “มหาภูตรูป” หมายถึง รูปอันยิ่งใหญ่ที่บังเกิดขึ้นแล้วโดยธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ มาคุมกันเข้าเป็นรูปมนุษย์ ซึ่งมีความละเอียดซับซ้อนพิสดารกว่าธาตุ 4 ของสิ่งไม่มีชีวิต ตามทฤษฎีธาตุสมุฏฐานนั้น หากธาตุทั้ง 4 ตั้งอยู่ในสมดุล สุขภาพของเราก็จะเป็นปกติ เมื่อมีอาการอาหารไม่ย่อย หรืออาหารผิดสำแดง คืออาการที่เสียสมดุลของธาตุดิน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ให้แปรปรวนและเสียสมดุลไปด้วย นับแต่โบราณกาลมา หมอไทยรู้จักใช้ตำรับยาขนานหนึ่งเพื่อใช้คุมธาตุดินมิให้กำเริบนั่นคือ ยาคุมธาตุหรือที่เรียกกันสั้นๆว่า “ ยาธาตุ ”
การวิจัย: คณะวิจัยกลุ่มใหญ่ประกอบด้วยทีมแพทย์ เภสัชกรพยาบาลวิชาชีพ เจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน เจ้าพนักงานเภสัชกรรม และแพทย์แผนไทยประยุกต์จากโรงพยาบาลชุมชนถึง 6 แห่ง รวมทั้งคณะแพทย์ศิริราชพยาบาล และกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกของกระทรวงสาธารณะสุขได้ร่วมมือกันทำวิจัยทางคลีนิกในหัวข้อเรื่อง “ ประสิทธิผลและความปลอดภัยของยาธาตุอบเชยในการรักษาภาวะอาหารไม่ย่อยที่ ไม่ทราบสาเหตุ (functional dyspepsia)” ผลการวิจัยคือ ผู้ป่วยร้อยละ 82.3 ที่ได้รับยาธาตุอบเชย พึงพอใจต่อผลการักษา และและผู้ป่วยร้อยละ 86 ที่ได้รับยาไซเมธิโคนก็พึงพอใจต่อผลการรักษาเช่นกัน แต่ค่ารักษาด้วยธาตุอบเชยมีราคาถูกกว่าเกือบ 3 เท่า
ฟ้าทะลายโจร เป็นพืชล้มลุก โดยในตำรายาโบราณของไทย จัดให้เป็นสมุนไพรพื้นบ้าน ที่สามารถหามารับประทานแก้โรคได้เอง
สูตรตำรับ:
1) ยาชงมีวิธีทำดังนี้
- เอาใบสดหรือแห้งก็ได้ ประมาณ 5-7 ใบ แต่ใบสดจะดีกว่า
- เติมน้ำเดือดลงจนเกือบเต็มแก้ว
- ปิดฝาทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง หรือพอยาอุ่น แล้วรินเอามาดื่ม ขนาดรับประทาน ครั้งละ 1 แก้ว วันละ 3-4 ครั้ง ก่อนอาหาร, ก่อนนอน
2) ยาเม็ด (ลูกกลอน) มีวิธีทำดังนี้
- เด็ดใบสดมาล้างให้สะอาดผึ่งในที่ร่ม ห้ามตากแดด ควรผึ่งในที่มีลมโกรก ใบจะได้แห้งเร็ว
- บดเป็นผงให้ละเอียด
- ปั้นกับน้ำผึ้ง หรือน้ำเชื่อม เป็นเม็ดขนาดเท่าเม็ดถั่วเหลือง (หนัก 250 มิลลิกรัม) แล้วผึ่งลมให้แห้ง เพราะถ้าปั้นรับประทานขณะที่ยังเปียกอยู่จะขมมาก ขนาดรับประทานครั้งละ 4-10 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง ก่อนอาหาร, ก่อนนอน
ข้อควรระวัง
บางคนรับประทาน ยาฟ้าทะลายโจร จะเกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย ปวดเอว เวียนหัว แสดงว่าแพ้ยา ให้หยุดยา และเปลี่ยนไปใช้ยาอื่น หรือลดขนาดรับประทานลง
วิธีใช้: 1. ถ้าใช้แก้ไข้เป็นหวัด ปวดหัวตัวร้อน ใช้ใบและกิ่ง 1 กำมือ (แห้งหนัก 3 กรัม สดหนัก 25 กรัม) ต้มน้ำดื่มก่อนอาหารวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น หรือเวลามีอาการ
2. ถ้าใช้แก้ท้องเสีย ท้องเดิน เป็นบิดมีไข้ ใช้ทั้งต้นหรือส่วนทั้ง 5 ของฟ้าทะลายโจร ผึ่งลมให้แห้ง หั่นชิ้นเล็ก ๆ ประมาณ 1 กำมือ (หนักประมาณ 3-9 กรัม) ต้มเอาน้ำดื่มตลอดวัน
สรรพคุณ:
1. แก้ไข้ทั่ว ๆ ไป เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่
2. ระงับอาการอักเสบ พวกไอ เจ็บคอ คออักเสบ ต่อมทอนซิล หลอดลมอักเสบ ขับเสมหะ รักษาโรคผิวหนังฝี
3. แก้ติดเชื้อ พวกทำให้ปวดท้อง ท้องเสีย บิด และแก้กระเพาะลำไส้อักเสบ
4. เป็นยาขมเจริญอาหาร
เนื่องจากการรักษาของแพทย์แผนปัจจุบันในบางครั้งก็ไม่สามารถรักษาโรคที่ไม่ทราบสาเหตุการเกิดอย่างแน่ชัดอย่างเช่น โรคมะเร็งตามส่วนต่างๆของร่างกายหรือโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นต้น ทำให้แพทย์แผนไทยมีบทบาทเข้ามาในการรักษาโรคจำพวกนี้โดยเราสามารถบอกถึง ข้อดี-ข้อเสีย ของแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนปัจจุบันได้ดังต่อไปนี้
แม้ว่าในปัจจุบันจะมีพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542 เพื่อคุ้มครองและรับรองผู้ประกอบอาชีพหมอนวด และหมอพื้นบ้านแล้วก็ตาม แต่การแพทย์แผนไทยก็ยังมิได้รับการส่งเสริมและเป็นที่ยอมรับเท่าที่ควรนายอร่าม อามระดิษ นายกสมาคมแพทย์แผนไทยแห่งประเทศไทย จึงได้ดำริถึงการสร้างรากฐานอันมั่นคงให้กับวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ด้วยการรวบรวมรายชื่อสมาชิกของสมาคมแพทย์แผนไทยแห่งประเทศไทยและประชาชนทั่วไปได้ประมาณ 30,000 คน ร่วมกันเข้าลงชื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพแพทย์แผนไทย ต่อประธานรัฐสภา โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2555 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 2 สมัยสามัญทั่วไป มีนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุมได้มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพแพทย์แผนไทย ท้ายที่สุดได้มีการลงมติเห็นชอบด้วยคะแนน 348 ต่อ 6 เสียงจากนั้นที่ประชุมจึงได้ส่งเรื่องให้วุฒิสภาพิจารณาก่อนประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป
ส่งเสริมการใช้การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกในระบบบริการสาธารณสุขทุกระดับ โดยมีการส่งเสริมดังนี้
1.พัฒนาระบบบริการสุขภาพ ทั้งการแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือกให้อยู่ในแนวเดียวกัน
2.พัฒนาอัตรากำลังในกรม ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยต้องมีแผนพัฒนากำลังคนให้ก้าวหน้า พัฒนาโครงสร้างกรมให้เหมาะสมกับงาน และต้องกำหนดเส้นทางความก้าวหน้าให้ชัดเจน
3.การพัฒนาตำหรับยาไทย และสมุนไพรไทย กรมต้องเป็นหลักในการพัฒนายาไทยให้มีมาตรฐาน และเป็นที่ยอมรับของแพทย์ปัจจุบัน โดยตั้งเป้าในปี ค.ศ. 2015 ประเทศไทยต้องช่วงชิงความเป็นผู้นำในตลาดสมุนไพรระดับอาเซียนให้ได้ “สมุนไพรไทย สมุนไพรอาเซียน” รวมทั้งส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียน
4.การคุ้มครองภูมิปัญญาไทย
5.การจัดการความรู้ทางแพทย์แผนไทยให้ถูกต้องมากยิ่งขึ้นเพื่อป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์จากผู้ใช้ความรู้แบบผิดๆ
ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2555 มีการลงนามของคณะสาธารณสุขในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย เตรียมปรับการให้บริการของโรงพยาบาล ให้บริการครอบคลุม พัฒนาแนวทางการเบิกค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วย โดยจะมีการร่วมกันพัฒนาบริการโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย โดยบูรณาการบริการให้สอดรับกับการแพทย์แผนปัจจุบันอย่างเหมาะสม โดยมีการศึกษาวิจัยประสิทธิผล คุณภาพความปลอดภัยของการแพทย์แผนไทย ทั้งเรื่องการรักษาโรคอาการเจ็บป่วยต่างๆ ยาสมุนไพร การผดุงครรภ์ และการนวดไทย การพัฒนาบุคลากรและกรอบอัตรากำลังการแพทย์แผนไทยที่เหมาะสมในสถานพยาบาลทุกระดับ และพัฒนาให้เป็นแหล่งศึกษา ฝึกปฏิบัติงานของนักเรียน นักศึกษาด้านการแพทย์แผนไทยและสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
สรุปเป้าหมายในปี 2555 ได้แก่
จะเห็นได้ว่า ในปี 2555 นี้ กระทรวงสาธารณสุขได้มีการวางแผนบูรณาการแพทย์แผนไทยเข้าสู่ระบบสุขภาพอย่างเป็นทางการ โดยการออกมาตรการและนโยบายส่งเสริมการแพทย์แผนไทยในโรงพยาบาลของรัฐ รวมถึงการนำยาสมุนไพรต่างๆมาใช้ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลทั่วไปที่ผู้ป่วยจะเข้าได้รับการรักษาเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชน อีกทั้งยังส่งเสริมด้านค่ารักษาพยาบาลซึ่งอาจช่วยให้ประชาชนหันมาสนใจการรักษาแพทย์แผนไทยมากขึ้นด้วย
สถาบันการแพทย์แผนไทย
http://ittm.dtam.moph.go.th/
การแพทย์แผนไทย
http://th.wikipedia.org/wiki/การแพทย์แผนไทย
มารู้จักแพทย์แผนไทยกันเถอะ
http://www.ttmed.psu.ac.th/read.php?8
ข้อมูลสมุนไพรฟ้าทลายโจร ตำรับยา วิธีการใช้ และข้อควรระวัง
http://thanyanan.com/index.php?option=com_content&view=category&layout=blog&id=38&Itemid=77&lang=th
สธ.ลุยปรับโหมดบริการโรงพยาบาลแพทย์แผนไทย
http://www.thairath.co.th/content/edu/239229
ยาธาตุเปลือกอบเชย
http://www.thaihof.org/main/article/detail/1953
สมาคมแพทย์แผนไทยฯ ผลักดัน 'พ.ร.บ.วิชาชีพแพทย์แผนไทย'ส่งเสริมให้เป็นมรดกโลก
http://www.ryt9.com/s/bmnd/1455507
หลักการตรวจวินิจฉันโรคตามทฤษฎี
http://www.horokengkard.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539081282&Ntype=2
สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
http://bps.ops.moph.go.th/
ประเด็นของการรักษาด้วยแผนปัจจุบันและแผนไทย
http://www.pharmacy.cmu.ac.th/web2553/n45.php
ข้อดี-ข้อเสียของการรักษาแบบแพทย์แผนไทย
http://www.learners.in.th/blogs/posts/346640
นายตุลยณัฐ วรรณกุล 553070027-9
นางสาวพรรณปพร นำไพศาล 553070055-4
นายกฤตภาส จงเจริญใจ 553070004-1
นายธชย ศรีนพรัตนกุล 553070028-7
นายภาณุพงศ์ แสงศรี 553070063-5
นายอภิสิทธิ์ นาเมืองรักษ์ 553070081-3
นางสาวณภัชนันท์ วิสิทธิ์เจริญ553070122-5
นางสาวสุดาภัทร เทียมเก่า 553070209-3
นางสาวสุนิษา ศรีสะอาด 553070212-4
นางสาวจิตตราพร นิธิพรเดชะ 553070111-0
นางสาวรุ่งทิวา คงแสนคำ 553070191-6
นางสาวภัทราพร เอื้อพงศ์การุณ 553070228-9
นายวัชรพงษ์ เพียะวงศ์ 553070197-4
นายชานนท์ เกษทอง 553070119-4
นางสาวสุธิดา สนบ้านเกาะ 553070211-6
นางสาวทวิณัฐ ศรคำ 553070133-0
นายกิตติภณ กิจกวีพจน์ 553070248-3
นายยศ วีระวัฒนตระกูล 553070261-1
นายคามิน กุลกระจ่าง 553070239-4
การแพทย์แผนไทยก็มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพไม่แพ้การแพทย์แผนปัจจุบันเลย :)
ดีมากมากเลย
ขอบคุณครับ สมุนไพรดีจริง
เนื้อหาเยอะดีนะคะ แพทย์แผนไทยนี่เป็นแพทย์ทางเลือกที่น่าสนใจมากๆเลยค่ะ มีประโยชน์มากๆ
เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากจ้า
ข้อมูลเจาะลึกละเอียดดีมากเลย
ประวัติศาสตร์และการพัฒนาการแพทย์แผนไทย มีมายาวนาน ศึกษาไว้ใช่ว่าจะเสียหาย
แพทย์แผนไทยมีประโยชน์มากๆเลย
การแพทย์แผนไทยเข้าถึงธรรมชาตดีจัง ถ้าใช้ควบคู่กับแผนปัจจุบัน น่าจะเป็นการรักษาที่ยอดเยี่ยมมากเลยทีเดี่ยวว > <
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะคะ !!
การแพทย์แผนไทย กับยาสมุนไพรไทย น่าสนใจจริงๆครับ
อ่านแล้วเข้าใจ รูปสวย รวมๆ แล้ว >> สวดยอด !!
มีโอกาสเห็นสมุนไพรมีขายทั่วไป แต่ไม่เคยทราบประโยชน์ของมันเลย ขอบคุณมากครับ
เป็นภูมิปัญญาไทยที่สั่งสมมานาน ผ่านการคิดค้น ใช้จริงมาหลายยุคหลายสมัย น่าภูมิใจและน่าสนใจจริงๆคับ :D
ได้ความรู้ใหม่เยอะแยะเลย ดีมากๆ
แพทย์แผนไทยกว่าจะมาถึงวันนี้มีประวัติมายาวนานจริงๆ :]
แพทย์แผนไทยมีประโยชน์มากจริงๆ ชอบการใช่สมุนไพรค่ะ ดูเข้าถึงธรรมชาตดี^ ^ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะคะ !!
เป็นความรู้ที่น่าสนใจมากเลยค่ะ คนไทยต้องรู้ไว้
oh!!!! it's fantastic.
ได้รับข้อมูลดีๆมากมายเลยย
พอได้รู้แล้วภาคภูมิใจจริงๆกับภูมิปัญญาไทย
ได้ความรู้เยอะแยะเลยหล่ะ
ฉลาดขึ้นเยอะเลย 5 55+
ชอบมากครับที่นำเรื่องประวัติศาสตร์ด้านการแพทย์และสุขภาพมาร่วมเผยแพร่นะครับ...เพราะประวัติศาสตร์ในหลายแง่มุมสามารถนำมาดูแนวโน้มของอนาคตได้ด้วยครับ....ประวัติศาสตร์ทางการแพทย์และสุขภาพมีความสำคัญ....แต่ยังมีศึกษาอย่างจริงจังน้อยมากเมื่อเทียบกับต่างประเทศ.....ผมอยากเห็นว่า...รัฐบาลน่าจะพัฒนาด้านนี้บ้าง เช่น ส่งแพทย์ไปเรียนด้านประวัติศาสตร์ หรือนักประวัติศาสตร์ไปแพทย์...เพื่อศึกษาและทบทวนด้านนี้อย่างจริงจังครับ
พึ่งรู้ว่าอบเชยเป็นยา แต่อยากบอกว่า เอาไปใส่แกงบ่อยมาก เพราะมันห๊อมหอม =_,=+
ชอบกลิ่นสมุนไพรไทย ><
เเพทย์เเผนไทยสุดยอดดด