Storyline Method
การสอนแบบเดินเรื่อง
Story Line คือการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญโดยมีการผูกเรื่องแต่ละตอนให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและเรียงลำดับเหตุการณ์หรือเรียกว่ากำหนดเส้นทางการเดินเรื่อง และใช้คำถามหลักเป็นตัวนำสู่การให้นักเรียนทำกิจกรรมอย่างหลากหลายเพื่อสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง
องค์ประกอบสำคัญของ Story Line มีอยู่ 4 องค์ประกอบ คือ
1. ฉาก โดยระบุสถานที่และเวลาโดยเฉพาะ
2. ตัวละคร อาจเป็นคนหรือเป็นสัตว์
3. วิถีการดำเนินชีวิตเพื่อใช้ในการศึกษา
4. ปัญหาที่ให้ผู้เรียนฝึกแก้ไข
ความเป็นมา การสอนแบบเดินเรื่องหรือการสอนแบบ Storyline ถูกพัฒนาขึ้นมาโดย สตีฟ เบลล์ (Steve bell) และคณะแห่งมหาวิทยาลัยสแตรทไคลด์ (Strathclyde) สาเหตุที่เรียกว่าการสอนแบบเดินเรื่องเพราะว่าลักษณะของการสอนแบบ Storyline เป็นการสอนที่ใช้ระบบการปูเรื่องเป็นฉาก ๆอย่างต่อเนื่องเป็นลำดับเหมือนการเดินเรื่อง
ส่วนในเมืองไทยนั้นเกิดขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2545 โดย รศ.ดร.กุลยา ตันติผลาชีวะได้นำเสนอให้มาประยุกต์ใช้กับเด็กปฐมวัยเป้นครั้งแรกในรูปของการวิจัยของนิสิตปริญญาโทสาขาการศึกษาปฐมวัยมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
แนวคิดพื้นฐาน วิธีการเรียนการสอนแบบเดินเรื่องเกิดจากแนวคิดของการบูรณาการความรู้ในการเรียนโดยใช้ประสบการณ์ที่เด็กมีอยู่ร่วมกับการสืบค้นความรู้จากสภาพแวดล้อมที่ปรากฏจริงเพื่อหาคำตอบ จะเน้นการผนวกความรู้เดิมของเด็กกับการปฏิบัติการเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ด้วยการคิดวิเคราะห์ จิตนาการและตัดสินใจด้วยวิธีวางภาพเป็นเรื่องราวและใช้ศิลปะเป็นสื่อเพื่อให้ได้ความรู้ใหม่
การเรียนการสอน
- ลำดับหัวข้อเรื่องแต่ละฉาก คือการกำหนดว่าเรื่องที่จะสอนมีกี่ฉาก
- คำถามสำคัญ คือคำถามที่ใช้สำหรับการเปลี่ยนฉาก
- การสนับสนุน คือการช่วยจัดเตรียมอุปกรณ์ที่เด็กอาจต้องใช้
- การสรุปแนวคิด ให้เด็กสรุปความรู้ที่ได้รับ
หลักการจัดกิจกรรม
- เนื้อเรื่อง ต้องเป็นประสบการณ์ที่เด็กเคยพบเห็นคุ้นเคย ไม่ใช่ประสบการณ์ที่แต่งขึ้น
- กิจกรรมต้องเปิดโอกาสให้เด็กร่วมกับเพื่อนด้วยการคิดจากการสร้างฉากและการดำเนินเรื่อง
- ต้องทำให้เด็กได้ประสานประสบการณ์และความคิดที่หลากหลาย
- กิจกรรมต้องเป็นกลุ่มตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปถึง 6 คนหรือตามความเหมาะสมของเรื่อง
อ้างอิง
“รูปแบบการเรียนการสอนปฐมวัยศึกษา” รศ.ดร.กุลยา ตันติผลาชีวะ
ไม่มีความเห็น