Hospice หมายถึง สถานที่พักพิงสำหรับนักเดินทางและดูแลผู้ป่วย ซึ่งเป็นต้นแบบของโรงพยาบาลในสมัยปัจจุบันด้วย
ปัญหาของการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายในสมัยก่อน
เป็นทัศนคติที่มุ่งเน้นการรักษาให้หายจากโรคและฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับเป็นเหมือนเดิม เน้นที่จะรักษาให้ผู้ป่วยมีชีวิตต่อไปได้นานที่สุด โดยไม่ได้คำนึงถึงสภาพทางจิตใจด้วย ซึ่งสำหรับการแพทย์ตะวันตกสมัยใหม่ ถือเป็นความล้มเหลวอย่างยิ่ง
และด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่กำเนิดในช่วงปี พ.ศ. 2483-2513 เช่น ปอดเหล็กในการช่วยหายใจ หรือสายยางส่งอาหารไปยังกระเพาะของคนป่วย ได้ช่วยให้แพทย์สามารถยื้อชีวิตของคนไข้ได้นานขึ้น ซึ่งอาจหมายถึงการยืดเวลาความล้มเหลวออกไป ทำให้ผู้ป่วยพบความทรมานและจากไปอย่างไม่สงบ
จุดเริ่มต้นการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายสมัยใหม่
Elisabeth Kübler-Ross บุกเบิกการทำงานเพื่อให้ผู้ป่วยระยะสุดท้ายได้ตายในสภาพที่ตนเองต้องการ โดยเธอได้แรงบันดาลใจจากการพูดคุยกับหญิงสาวชาวยิวผู้หนึ่งที่รอดชีวิตจากค่ายกักกันของเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เธอสนใจที่จะเข้าใจถึงอารมณ์ความรู้สึก ความต้องการของมนุษย์ที่อยู่ในภาวะทุกข์ยากที่สุด และสุดท้าย งานของเธอได้รับการยอมรับจากสาธารณชน มีส่วนอย่างสำคัญในการสร้างแรงบันดาลใจให้คนในวงการสุขภาพจำนวนมาก เปลี่ยนแปลงวิธีคิดวิธีการปฏิบัติต่อผู้ป่วยระยะสุดท้าย
ต่อมา ซิเซลี ซอนเดอร์ส (Cicely Saunders) แพทย์หญิงอีกท่านหนึ่งได้สร้างต้นแบบของสถานดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายสมัยใหม่ทั่วโลกขึ้น โดยการก่อตั้ง “สถานดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย เซนต์คริสโตเฟอร์ ฮอสพิซ (Saint Christopher’s Hospice)" ซึ่งเน้นให้ผู้ป่วยระยะสุดท้ายได้รับการดูแลด้วยความรัก ความเข้าใจ และลดความเจ็บปวดในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการให้ยาเพื่อบำบัดความปวดแบบก้าวหน้า คือให้ยาก่อนที่ความปวดจะสร้างความทรมานให้กับผู้ป่วย
งานบุกเบิกของผู้หญิงทั้งสองคน ได้สร้างปรากฏการณ์ผลกระทบต่างๆไปถึงผู้คนมากมาย รวมถึงนายแพทย์ บัลโฟร์ เมาท์ (Balfour Mount) ศัลยแพทย์รักษามะเร็ง และเป็นอาจารย์อยู่ที่โรงเรียนแพทย์ มหาวิทยาลัยแมคกิล (McGill University) ในแคนาดา ผู้ให้กำเนิด “การดูแลแบบประคับประคอง (Palliative Care)”
แนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยระยะสุดท้ายในปัจจุบัน
ใช้หลักการ “การไม่ยืดชีวิตและไม่เร่งความตาย”
ไม่ยืดชีวิต หมายถึง ไม่ยื้อชีวิตไว้ด้วยวิธีการหรือเครื่องมือช่วยชีวิตแบบต่างๆ เมื่อไม่มีโอกาสรอดชีวิต
ไม่เร่งความตาย หมายถึง เร่งให้ผู้ป่วยตายอย่างผิดธรรมชาติด้วยวิธีการต่างๆ
หลักการ Hospice care
เน้นที่ตัวผู้ป่วยเป็นหลัก โดยลดทอนความทุกข์และตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยในทุกด้านเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกาย ความสัมพันธ์ จิตใจ หรือแม้แต่ความต้องการทางจิตวิญญาณ การสร้างความรู้สึกให้ผู้ป่วยได้ตายราวกับอยู่ในเรือนตายของตน ไม่ว่าผู้ป่วยจะอยู่บ้านหรือไม่ สถานดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายจึงเน้นให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายและสบายเหมือนกับอยู่บ้านของตน สามารถให้ญาติมาเยี่ยมได้ นอกจากดูแลด้านร่างกายแล้วยังดูแลถึงสภาพจิตใจของผู้ป่วยและญาติด้วย
หลักการ Palliative care
ใช้หลักการ 4C คือ
1.Centered at patient and family : ให้ความสำคัญกับตัวผู้ป่วยและครอบครัวเป็นหลัก
2.Comprehensive : ครอบคลุมความต้องการทุกด้าน ทั้งร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ
3.Coordinated : ปฏิบัติงานร่วมกันของบุคลากรทางการแพทย์ ครอบครัวและสังคม
4.Continuous : มีความต่อเนื่อง และการประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ
การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายในประเทศไทย
ในสมัยก่อนที่การแพทย์สมัยใหม่ยังเข้าไม่ถึงคนส่วนใหญ่ของประเทศ โดยมากคนไทยจะตายกันที่บ้าน ซึ่งเป็นการตายท่ามกลางคนที่รักและสถานที่ที่คุ้นเคย แต่เมื่อสังคมเปลี่ยนแปลงไปจนคนไทยไม่สามารถจะดูแลความเจ็บป่วยกันเองได้อีกต่อไป ผู้คนตายในโรงพยาบาลมากขึ้น แม้ว่าคนยากจนที่ไม่ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลยังคงตายกันที่บ้านอยู่ แต่ไม่ได้หมายความว่า เขาจะได้รับการดูแลด้วยแนวคิดแบบฮอสพิซจนกระทั่งตายไป
สถานดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายในประเทศไทยในยุคแรก โดยมากเป็นสถานที่ดูแลผู้ป่วยโรคเอดส์ระยะสุดท้าย ที่ก่อตั้งโดยศาสนาต่างๆ เช่น
- บ้านกลารา ของคณะนักบวชฟรานซิสกัน ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2536
- วัดพระบาทน้ำพุ ที่ริเริ่มโครงการดูแลผู้ป่วยเอดส์ระยะสุดท้าย ปี พ.ศ. 2535 เป็นต้น
แม้จะเห็นความเคลื่อนไหวเพื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายของกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง แต่ยังไม่พอเพียงสำหรับการเป็นพลังให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างกว้างขวางขึ้นมาได้ ยังมีอีกหลายประเด็นที่เรายังต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจในเรื่ององค์ความรู้ที่เกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยใกล้ตายโดยเฉพาะ
References :
http://www.nhpco.org/i4a/pages/index.cfm?pageid=3285
http://www.budnet.org/peacefuldeath/node/144
http://en.wikipedia.org/wiki/Hospice#See_also
หนังสือการดูแลผู้ป่วยในระยะสุดท้าย ของ รศ.นพ.เติมศักดิ์ พึ่งรัศมี
Members :
553070016-4 | นายชนพัฒน์ เจริญสุข |
553070048-1 | นางสาวปาริฉัตร หมู่สกุลชัย |
553070085-5 | นางสาวชนิยา จ่าแก้ว |
553070019-8 | นายชรินทร์ ชาติบุปผาพันธ์ |
553070047-3 | นางสาวปานเนตร ราชประสิทธิ์ |
553070076-6 | นางสาวสริดา ตั้งสกุล |
553070137-2 | นายธนพล ดาโรจน์ |
553070098-6 | นายกษิดิ์เดช จรุงจิตตานุสนธิ์ |
553070143-7 | นางสาวธมลวรรณ ช่างปัน |
553070153-4 | นางสาวนภัส สุปัญญา |
553070194-0 | นางสาววรนันท์ ศรีพันธ์ |
553070216-6 | นางสาวอชิรญาณ์ อมาตยคง |
553070091-0 | นางสาว กนิษฐา ธิตินาสกุล |
553070145-3 | นางสาว ธัญญาเรศ พัฒนธัญญา |
553070222-1 | นายอภิสิทธิ์ ชมภูโคตร |
553070142-9 | นางสาวธมลวรรณ กิติสาธร |
553070118-6 | นางสาวช่อผกา วงษ์ชัย |
553070256-4 | นางสาวนิศารัตน์ อุทาภักดี |
553070236-0 | นางสาวกันตา สุวรรณฉาย |
553070243-3 | นายดนย ยอดสุวรรณ |
การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเป็นระยะที่ต้องใช้กำลังใจมากๆ เนื้อหาดีมากเลยครับ น่าสนใจๆ : D
นำเสนอข้อมูลได้น่าสนใจ และเป็นสิ่งที่ควรเรียนรู้ไว้ใช้กับคนใกล้ตัวเราค่ะ
น่าสนใจมากๆค่ะ นอกจากจะรักษาทางกายแล้วยังรักษาทางใจอีกด้วย
ถือเป็นการรักษาส่วนที่มีสำคัญมากๆ อีกส่วนหนึ่งเลยนะคะ เพราะเป็นการกำลังใจกับการมีชีวิตของผู้ป่วย
การดูแลรักษาผู้ป่วยในระยะสุดท้าย ถือว่าสำคัญมาก ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ ข้อมูลน่าสนใจ
ดีมากๆเลย ได้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลรักษาผู้ป่วยระยะสุดท้าย จะได้เอาไปใช้ด้วย
กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญมากๆเลยนะคะ ดีมากๆเลย มีประโยชน์มากๆค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะคะ > <
น่าสนใจมาก ถือเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะทำให้คนไข้ได้
การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายนี่สำคัญจริงๆ จะทำอย่างไรให้เขารู้สึกไม่ท้อแท้สิ้นหวังหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต ให้คนไข้จากไปอย่างสุขสบาย ไม่ทรมาณ :)
ไม่ว่าจะทำอะไร กำลังใจสำคัญเสมอ :)
กำลังใจ!!!!!