วิชญธรรม
ผศ. ดร. สิริวิชญ์ เตชะเจษฎารังษี

นอนกลางวัน......ในวัด


“ รู้แล้วก็วาง!!!!! “ ดังเต็มสองหูผมเลย

บันทึกที่เพิ่งจะนึกได้ขณะกำลังจะโต้วาทีกับ อ. ขจิต

 

เมื่อตอนผมเข้าไปปฏิบัติในวัดใหม่ๆ   กฎกติกาที่ถูกสอนมาคือ   “ กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย ”   ช่วงแรกๆ กำลัง ทุกข์ใจมาก เลยเร่งความเพียร (ตอนนั้นคือความอยาก เรียนรู้ว่าก็ ไม่ดี นะครับ  อะไรๆที่เป็น กลางๆ..... มัชฌิมา.... น่าจะถูกทางมากกว่า)

 

ช่วงปฏิบัติแรกๆ ผมยังไม่คุ้นกันการนอนน้อยสักเท่าไหร่ นอนประมาณ 3 ชั่วโมง หรือบางครั้งน้อยกว่านั้น ด้วยเหตุที่ว่าผมนอนใกล้กับหลวงปู่ (หลวงปู่ไม่ขึ้นไปนอนกุฏิท่าน ส่วนใหญ่ก็นอนตรงศาลาโล่งๆติดกับศาลาวัดนั้นแหละ) ท่านตื่นตีสาม ไอ้เราจะนอนกางมุ้ง หน้าพระประทานกลางศาลาวัด นอนรอให้คนมานั่งทำวัตรข้างๆมุ้งเรา เขาคงจะต่อว่าผมไปถึงสถาบันโน้นเลยเป็นแน่ 

 

ไม่มีทางเลือกครับ ต้องตื่นพร้อมหลวงปู่เพื่อแสดงสปิริตเต็มที ..........

 

มีอยู่วันหนึ่ง ผมเกิดอาการอู้ + ขี้เกียจ  (ตอนนั้นหลวงปู่ ไปจำวัดอีกวัดหนึ่ง ไม่อยู่)  ช่วงสายๆ ประมาณ 10-11 โมงเช้า ผมง่วงนอนมาก เลยขออนุญาตพี่ ไปนอน คราวนั้นผมกลางเต็นท์นอน ที่ข้างๆ ศาลาโรงครัว (เต็นท์ก็ไม่ยอมเก็บ ผมจำไม่ได้เพราะเหตุอะไร.....หุหุ) ตำแหน่งเต็นท์กับศาลาวัดก็ห่างกัน  60-70 เมตรเห็นจะได้ ผมสามารถมองเห็นถ้ามีคนอยู่ในศาลาวัด (เป็นศาลาโล่งๆ หลังคาสังกะสี) แต่จะไม่สามารถได้ยินเสียงพูดคุยที่ชัดเจนได้ในระยะขนาดนั้น

ผมนอนหลับไปไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ก็รู้สึกว่ามีเสียงคุยกันที่ศาลาวัด ลืมตาขึ้นก็เห็นว่ามีคณะญาติโยมกำลังนั่งสนทนากับพระอาจารย์เจ้าอาวาส ผมก็งัวเงีย จะตื่นก็ไม่ยอมตื่น ขี้เกียจเหมือนคนไม่อยากจะลุกจากที่นอน ผมทำท่าจะลุกก็พลิกตัวกลับไปนอนใหม่ ชำเลืองดูที่ศาลาก็เห็นยังมีคนอยู่ แต่ผมก็ไม่ยอมตื่น แล้วก็เคลิ้มๆ กึ่งหลับกึ่งตื่นต่อไป

ทันใดนั้น....... ผมก็ได้ยินเสียงตะหวาดดังมาก  ดังมาจากทางศาลา  

“ รู้แล้วก็วาง!!!!! “   ดังเต็มสองหูผมเลย  ผมถึงกับสะดุ้ง เด้งดีดตัวขึ้นมานั่ง มองไปที่ต้นเสียงที่ศาลา ผมคิดในใจทำไมพระอาจารย์ถึงต้องตะหวาดโยมดังขนาดนั้น มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า?? ผมรีบลุกออกจากเต็นท์ แล้วเดินเอาหัวยุ่งๆหน้าตาเหมือนคนเพิ่งจะตื่นไปถามพี่ผม กับ “แม่ออก” ที่นั่งทำงานอยู่ในโรงครัวขณะนั้น  ทุกคนบอกผมว่า เขาไม่ได้ยินเสียงใครทะเลาะ ใครตะหวาดใครเลย ถ้าเสียงดังขนาดผมได้ยินถึงโรงครัว พวกพี่ๆก็ต้องได้ยินเหมือนกัน เพราะตำแหน่งพวกเขาก็อยู่ระยะสายตากับศาลาวัด และก็ทำงานใกล้กับที่ผมนอนอยู่ ห่างกันไม่กี่เมตร เรามองกลับไปที่ศาลาญาติโยมก็กำลังแยกย้ายกันกลับ ไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะเบาะแว้งอะไรกันเลย เหตุการณ์ปกติ

พี่ผมก็ขำผมขึ้นมา......”นี้แหละ นอนมากไป เลยโดนปลุก......”

ผมก็ยังยีนยันว่าได้ยินเสียงดังชัดมากว่า   “ รู้แล้วก็วาง!!!!! “   พี่ๆไม่ได้ยินอะไรเลยหรือ??? คำตอบยีนยันอีกทีว่า  “ไม่มี”

ที่แปลกก็คือคำที่ว่า  “รู้แล้วก็วาง”  เป็นป้ายที่เขียนด้วยลายมือติดไว้ที่เสาศาลาวัด  ต้นที่อยู่ด้านหน้า มุมซ้ายของพระประทาน

เกิดมาผมไม่เคยเชื่อเรื่อง ผีสาง เทวดา เพราะผมไม่เคยเห็น ไม่เคยเจอ

 

แต่นี้กลางวันแสกๆ  กับการได้ยินเสียงที่เป็นข้อความจากป้าย ที่ผมไม่ค่อยจะให้ความสำคัญ........  มันน่าคิดสำหรับผม

สำหรับผมใครจะอธิบายเหตุผลต่างๆทางวิทยาศาสตร์ก็ตาม  มันก็เป็นเรื่องที่ผมประสบด้วยตนเองอีกเรื่อง....ที่ต้องว่า “แปลก”

*********  ความเชื่อ ความคิดเห็นส่วนบุคคลนะครับ ควรพิจารณาด้วยวิจารณญาณ   *********

 

 

      

หมายเลขบันทึก: 498908เขียนเมื่อ 16 สิงหาคม 2012 23:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 ตุลาคม 2013 15:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ราตรีสวัสดิ์ และอรุณสวัสดิ์ สำหรับ คนนอนน้อย คุณ Blank

แหม! น่าขอหวยต่อ (อกุศลจิตอีกแล้วชลัญ ) ล้อเล่น แสดงว่ามีบุญเกื้อหนุน ส่งเสริมให้เราปฏิบัติน่ะอาจารย์ สาธุ

  • อาจารย์ครับ
  • บางครั้งจิตใต้สำนึกเราปลุกเราเอง
  • เหมือนมีคนตะโกนใส่
  • รู้แล้ววาง...
  • ถ้าไม่ใช่ก็ บรึ๊ยส์...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท