หนังสือสามกระจาด (ชำแหละพุทธศาสนาที่ต้นตอ)


คนไทยเรามักเชื่อกันว่า หนังสือสามกระจาด (หรือที่เรียกกันแบบศักดิ์สิทธิ์ว่า “พระไตรปิฎก”)  นั้น เป็น “ตำรา” ศักดิ์สิทธิ์ที่เขียนขึ้นหลังการตายของพพจ. ประมาณสามร้อยปี (ในสมัยของอโศกฯ) 

 

 

ผมน่าจะเป็นคนแรกในโลก   (อ้าว..เผลอโม้อีกแล้ว)    ที่บอกว่า ไม่ใช่......จำได้ว่า ผมเสนอไว้แต่ปีพศ. ๒๕๓๓ ว่า   คัมภีร์พุทธศาสนามีมาก่อนแต่การตายของพพจ.  ....ผมเอาอะไรมาพูดหรือ ???   ตอบว่า ผมเอาพระไตรปิฎกนั่นแหละมาพูด ไม่ได้มาเพ้อเว่อเพื่อคะนองลิ้นเล่นแต่ประการใด

 

ไม่เชื่อไปลองอ่านกันดูให้จะจะ ว่า พฎป.  มีบัญญัติไว้ในปรินิพพานสูตร (หมายเหตุก่อนตาย) ว่าอย่างไร

 

....ท้องเรื่องคือ มีคนมาถามว่าถ้าเกิดการขัดแย้งในคำสอนของบรรดาสานุศิษย์จะทำอย่างไร   พพจ. พูดทำนองว่า ....หากคำสอนของเราไม่ลงกันได้ (มีความขัดแย้งกัน)   ...วิธีการพิสูจน์ว่าข้อธรรมใดถูกหรือผิด คือ  ให้ไปตรวจสอบกับข้อความส่วนใหญ่ใน “คัมภีร์”   แถมอุปมาเสียอีกว่า ประดุจดังหนังเนื้อกลอง ที่ผุกร่อน แล้วคนรุ่นหลังเอาสิ่งปลอมมาแปะพอก 

 

ถ้ารับกันว่า “คัมภีร์” หมายถึงการจารึกเป็นลายลักษณ์อักษร  นี่ก็ย่อมแสดงว่า พฎป. มีมาก่อนการตายของ พพจ.เสียอีก   ............ไม่ใช่มามีสมัยพระเจ้าอโศก

 

 

ว่าไปแล้ว ถ้า “ไม่มี” มาก่อนนี้ ผมจะลดระดับการนับถือ พพจ.ลงไปอีกสิบเท่าทันที

 

 

คนอะไร ขนาด “ตรัสรู้”   รู้รอบไปหมด จนเป็นสัพพัญญู  (ยอวาที ตามประสาคนไทย)   แต่ทำไมไม่รู้เรื่องตื้นๆ ว่า หลักการคำสอน ที่สำคัญ ต้องทำการจารึกไว้ก่อนตาย ไม่งั้นยุ่งแน่ๆ และทั้งที่ในช่วงก่อนหน้านั้นพวกฮินดู เขาก็มีความรู้ในการจารึกพระเวท (veda) กันหมดแล้ว พพจ. ซึ่งเป้นสัพพัญญูจะไม่รู้ในเทคโนโลยีนี้เลยหรือ  

 

   ....แล้วก็ยุ่งจริงๆ   กระทั้งอัตตา อนัตตา ก็กลายเป็นเรื่อง ให้คนโง่ แว่นโต โกนหัว มาอ้างด้วยสำเนียงอ้อยสร้อยว่าลูกแก้วโง่ๆ กลางพุงอ้วนๆ  เก่งกว่าคำสอนอนัตตาของพพจ.ไปจนได้

 

  ........ยังพวกแดนสุขาวดี   ...พวกโอมมะโนเรงเกเกียว (ญี่ปุ่นที่ไประเบิดพลีชีพรถไฟ)   ก็ว่ากันมั่วไปหมด   ต่างฝ่ายต่างก็อ้างว่าเป็นหน่อเนื้อเชื้อพพจ.ด้วยกันทั้งนั้น

 

ปู คัมภีร์ ช่วยด้วย ออกเพลงทำนองนี้มาสักอะละบัม  (ไม่มีระบำ)  ได้ไหม

 

 

...คนถางทาง (๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕) 

หมายเลขบันทึก: 498373เขียนเมื่อ 12 สิงหาคม 2012 13:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม 2012 18:19 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

เป็นความรู้ใหม่ น่าสนใจมาก เพราะเข้าใจมาตลอดว่า มีมาสมัยพระเจ้าอโศก ภูมิใจที่มีคนกล้าที่คิดและเขียน ทำนองนี้

ผมพึ่งอ่านบันทึกนี้จาก Buddhism Now พอดีเลยครับ ตามบันทึกบอกว่าว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าจะห้ามเขียนแต่ต้องถ่ายทอดแบบปากต่อปากมาห้าร้อยกว่าปีก่อนจะมีการเขียนเกิดขึ้นจริงๆ แล้วกว่าจะเป็นอยู่ในรูปแบบที่เราเข้าใจในปัจจุบันนั้นก็ใช้เวลาพันกว่าปีครับ

ผมมีหนังสือ The Gospel According to Jesus โดย Stephen Mitchell (ผมซื้อตั้งไว้นานแล้ว ยังไม่ได้อ่านครับ) ถ้ามีใครเขียน "พระธรรมตามที่พระพุทธเจ้าสอนจริง" โดยวิเคราะห์ประวัติศาสตร์และศาสนาอื่นๆ ในยุคนั้นประกอบก็คงน่าอ่านมากเลยครับ 

ดร. ธ. ครับ พพจ. ทรงเป็นสัพพัญญู จะไม่รู้เลยหรือว่า การเขียนบันทึกคำสอน (คัมภีร์) สำคัญที่สุด ไม่งั้นยุ่งแน่ (แล้วก็ยุ่งจริงๆ) ถ้าพพจ.ไม่ทรงมีญาณเล็งเห็นเรื่องยุ่งๆ ที่จะตามมาภายหลังการไม่บันทึก ผมว่า พพจ. ก็มีสมองระดับปุถุชนธรรมดานี่เอง

ถ้าจะเข้าข้างพพจ. ว่าทรงเป็น ปชต. ต้องการให้ศิษย์เีขียนกันเอง ก็ยิ่งไม่เข้าแก๊ปไปใหญ่ เพราะยังไงก็ต้องเขียน แล้วทำไมไม่เขียนเองเสียแต่แรก พร้อมเอาหัวแม่มือปั๊มแสดงความเป็นต้นฉบับอีกต่างหาก

ผมเองชอบที่จะคิดว่าพระพุทธเจ้า พระเยซู หรือศาสดาอื่นๆ อาทิเช่น เล่าจื๊อ เป็นปถุชนคนธรรมดาที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษกว่าคนอื่นๆ ครับ สิ่งที่คนเหล่านี้รับรู้และสอนคนอื่นๆ ต่อมาเป็นสิ่งที่อยู่ในวิสัยที่คนทุกคนก็จะคิดได้เหมือนกันครับ เพียงแต่ด้วยจังหวะและช่วงเวลาทำให้คนเหล่านี้เข้าใจและรับรู้สิ่งที่คนอื่นๆ ไม่ได้คิดเท่านั้นเองครับ

ผมเชื่อว่าศาสดาต่างๆ บอกให้เราเห็นสิ่งที่เห็นกันได้ชัดๆ ตรงๆ อยู่ตรงหน้า แต่เราทุกคนกลับมองไม่เห็นครับ

Buddhists, do you see Truth? Christians, do you see God? Why not? It's right here, right now.

ในพระไตรปิฎกก็มีอยู่หลายตอนที่แสดงให้เห็นถึงความไม่รู้ล่วงหน้าของพระพุทธเจ้าครับ

อาทิเช่น ตอนที่ทรงไปจำศีล แต่ก่อนทรงไปจำศีลได้เทศน์เรื่องความทุกข์ของการมีชีวิตอยู่ หลังจากนั้นพระฆ่าตัวตายและช่วยฆ่ากันเองกันเยอะเพราะพระตีความกันไม่เข้าใจก็อยากตายให้พ้นทุกข์กันไป พอพระพุทธเจ้าออกมาจากการจำศีลก็จึงออกกฎห้ามพระฆ่าตัวตายหรือช่วยเหลือผู้อื่นฆ่าตัวตายครับ

ผมคิดว่าถ้าพระพุทธเจ้ารู้ล่วงหน้าก็จะเป็นบุคคลที่ไม่น่านับถือเลยเพราะจะเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมมากทีเดียวที่ปล่อยให้มนุษย์ฆ่ากันเองเช่นนั้นครับ

การรู้ล่วงหน้าแล้วปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม นั้น พวกคริสต์เขาก็วิจารณ์ God ของเขามาก แต่พวกต้านก็ออกมาบอกว่า พระเจ้าทรงให้จิตอิสระมาพร้อมกับ creation ด้วย (free will) ...ก็ไปกันน้ำขุ่นๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท