นานกว่า 8 เดือนที่ไม่ได้เข้ามาบันทึกความคิดความอ่านเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาในแวดวงการศึกษา ก็ไม่ได้หายไปใหน ยังมุ่งมั่นทำงานให้กับดรงเรียนชนิดตัวเป็นเกียว ปีการศึกษาใหม่นี้(2555) นักเรียนเพิ่มขึ้นเป็น 74 คน จากเมื่อต้นปีพ.ศ. 2552 ซึ่งผู้เขียนมาดำรงตำแหน่งโรงเรียนนี้ มีนักเรียนเพียง 30 คน เป็นโรงเรียนที่เข้าแผนต้องยุบสถานเดียว การเวลาผ่านไปมาวันนี้นักเรียนได้กลับมาเพิ่มขึ้นเกิน 100 % เขาเรียกว่าหนีการตกชั้น วันนี้ หน่วยเหนือบอกว่าโรงเรียนที่มีนักเรียนต่ำ 60 คน ต้องเข้าแผนยุบต่อไป อยากบอกว่า การเพิ่มขึ้นของนักเรียน เกินกว่า 100 % ได้นั้น ไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็นการทำงานอย่างหนักชนิดเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เป็นความสำเร็จที่แลกด้วยหยาดเหงื่อ เลือดเนื้อและน้ำตา ที่กล้าเขียนอย่างนี้ ไม่ใช่พูดเว่อร์ๆ อยากบอกว่าบทสรุปของความสำเร็จ คือ การทำงานที่ทุ่มเท จริงจังจริงใจต่อองค์กร ของคนที่เป็น"ผู้นำ " แน่นอน "การมีส่วนร่วม" คือนวัตกรรมที่ถูกเลือกนำมาใช้ในการบริหารอย่างแน่นอน เพื่อพิสูจน์คำว่า "ศรัทธา"
ในห้วงเวลาเดียวกันนี้ วันนี้โรงเรียนวัดศิลารายได้รับการประเมินภายนอกจากสมศ. เป็นการประเมินรอบ 3 มีผลการประเมิน 11 มาตรฐาน โดยรวมอยู่ในระดับดีกีบดีมาก แต่ไปตกที่มาตรฐานที่ 5 ในระดับ "ต้องปรับปรุง" ว่าด้วยผลสัมฤทธิ์ O-NET อันเป็นผลการสอบระดับชาติ ที่ดำเนินการโดย สทศ. ผลการประเมินภายนอกพอสรุป ผลก็คือ ไม่รับรอง ผู้เขียนเองก็พอรู้อยู่แล้ว แต่มันเป็นความเห็นที่น่าเคร้านะ ผู้เขียนเคยเคยเขียนไว้แล้วเมื่อประมาณปลายปีพ.ศ. 2551 ในgo to know นี้ ว่า เราพยายามให้โรงเรียนทั่งประเทศไทย ใส่รองเท้า เบอร์เดียวกัน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เพราะบริบทพื้นฐานของแต่ละโรงเรียนมันไม่เหมือนกัน โดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความพร้อมของงบประมาณ บุคลากร อาคารสถานที่ สังคมชุมชน ขนาดโรงเรียน ระดับการพัฒนา ทั้งหมดคือข้อมูลSWOT / 7Ss
ผู้เขียนพยายามอ่านคู่มือการประเมินภายนอกรอบ 3 ของสมศ.ยังไงก็ไม่เคลียร์ ผู้เขียน ขอตั้งคำถาม อย่างนี้ว่า
1.อะไรคือการประเมินตามบริบทของโรงเรียน
2.อะไรคือการประเมินความก้าวหน้าเชิงปริมาณ
3.อะไรคือการประเมินเชิงคุณภาพ
4.อะไรคือการประเมินเชิงการเติบโตของโรงเรียน
และขอตั้งคำถามแก่สังคม วงการศึกษา รัฐบาล ดังนี้
1. ผู้เขียนไม่เข้าใจว่า การประเมินภายนอก ณ วันนี้ตอบโจทกย์ คุณภาพการศึกษาไทยได้จริงหรือไม่ กว่า 1 ทศวรรษของประเมินภายนอก ตอบคุณภาพการศึกษาไทยในเวทีโลกได้แล้วยัง
2. ถ้าการประเมินภายนอกยึดมาตรฐาฐที่ 5 เดี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ เป็นตัวชี้ขาด/ชี้เป็นชี้ตาย คุณภาพของโรงเรียน ยังจำเป็นต้องมี สมศ.อีกหรือไม่ เพราะคะแนน O-NET มันบอกโดยปริยายแล้ว ประเมินให้เสียความรู้สึก เสียงบประมาณไปทำไม่ องค์กรนี้ ยังควรมีอีกหรือไม่
3.ในรอบกว่า 2 ทศวรรษสมศ.ใช้งบประมาณไปเท่าไหร่แล้ว (กี่พันล้านแล้ว) เอางบประมาณนั้นมาจ้างครูใหม่ๆเข้าไปช่วยดูแลการศึกษาจะไม่ดีกว่าหรือ วอน ส.ส. ทุกคนใส่ใจหน่วยเถอะ คิดผิดคิดใหม่ได้นะ อย่าเอาแต่แย่งเชิงผลประโยชน์แก่พวกพ้องและตัวกู นรกมีจริง
4 .การตัดสินผลการประเมินแต่ละครั้งของสมศ.ในโรงเรียนหนึ่งๆ ตอบจุดมุ่งหมายการศึกษา มาตรา 6 ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติได้จริงหรือไม่ ทั้งนี้ ไม่ว่า ผลการประเมินโรงเรียนหนึ่งบทสรุป จะรับรองหรือไม่รับรอง ก็ตาม
5. ปลายทางของการจัดการศึกษาที่ต้องการคือเยาวชนมีคุณลักษณะ เก่ง ดี มี สุข แล้วอะไรคือคำตอบของสมศ
สิ่งเหล่านี้คือข้อกังวลที่ผู้เขียนซึ่งเป็นผู้บริหารสถานศึกษา มองการศึกษาไทย จะเอายังไง แล้วไหนจะ"โกอาเซียน"อีกโรงเรียนพร้อมแล้วยัง มีครูภาษาอังกฤษรองรับในแต่ละโรงเรียนแล้วยัง เศร้าๆๆๆๆ
สุดท้ายยังขอยืนยัน ว่า การประเมินเป็นสิ่งจำเป็น มาตรฐานก็เป็นสิ่งจำเป็น แต่กลไก วิธีการ ไม่ใช่อย่างที่เป็นอยู่ และสิ่งสำคัญบทสรุปของการประเมิน ไม่ใช่อย่างที่สมศ.ทำอยู่
ผู้เขียนขอแสดงทัศนะงานวิชาการ ไม่ได้ลายมายใคร ผู้หลักผู้ใหญ่รับฟังก็ดี ไม่ฟังก็ช่าง ก็แค่เม็ดทรายเล็กๆ ไม่สามารถสร้างแรงกระเพือให้กับผิวน้ำ แต่ถ้าทุกคนช่วยกันร่วมคิดกันใหม่ ผู้เขียนเชื่อว่า การศึกษาไทยมีทางออก/มีคำตอบ
ไม่มีความเห็น