การจัดการมรดกโดยขอตั้งผู้จัดการมรดก
ผู้มีสิทธิยื่นขอจัดการมรดก
- ทายาทโดยธรรม หรือ ผู้รับพินัยกรรม
- ผู้มีส่วนได้เสียในมรดก
- พนักงานอัยการ
เอกสารที่ใช้ในการยื่นขอจัดการมรดก
- หลักฐานความสัมพันธ์ระหว่างผู้ตายกับผู้ร้อง
- กรณี บุตร กับบิดา/มารดา หรือ กรณี บิดา/มารดา กับบุตร
- ใบสำคัญการสมรส หรือการหย่า ของบิดามารดา แล้วแต่กรณี
- สูติบัตรของผู้ร้อง หรือทะเบียนการรับรอง หรือทะเบียนการรับบุตรบุญธรรม
- กรณีคู่สมรส ใช้ใบสำคัญการสมรสระหว่างผู้ร้องกับผู้ตาย
- กรณีพินัยกรรม หรือเป็นผู้จัดการทรัพย์มรดกตามพินัยกรรม ต้องมีพินัยกรรมมาแสดง
- ใบมรณบัตรของผู้ตาย
- สำเนาทะเบียนของผู้ตาย
- หลักฐานเกี่ยวกับทรัพย์สินทุกอย่างของผู้ตาย
- บัญชีเคลือญาติ
- หนังสือแสดงความยินยอมของทายาท
- ใบมรณบัตรของทายาทผู้มีสิทธิรับมรดก ที่ถึงแก่ความตายก่อนผู้ตาย (เพื่อสิทธิในการรับมรดกแทนที่)
- หนังสือสำคัญการเปลี่ยนชื่อและชื่อสกุลของผู้ร้องหรือผู้ตายหรือทายาทผู้มีสิทธิรับมรดก
ขั้นตอนการทำคำร้องขอจัดการมรดก
- ติดต่อประชาสัมพันธ์ของศาล เพื่อรับคำแนะนำในการเขียนคำร้อง
- จัดเตรียมเอกสารประกอบคำร้อง
- ยื่นคำร้องต่องานรับฟ้องที่ศาลที่ผู้ตายมีภูมิลำเนาอยู่ในขณะถึงแก่ความตาย
- ชำระค่าธรรมเนียมศาล, ค่าประกาศหนังสือพิมพ์ และศาลกำหนดวันนัดไต่สวน
- ศาลไต่สวนคำร้องและรอฟังคำสั่งในวันเดียวกัน
- ยื่นคำร้องขอคัดถ่ายสำเนาคำสั่งศาล ต่อเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ แล้วนำไปใช้ ตามความประสงค์
ค่าใช้จ่ายในการการจัดการมรดก
- ค่าใช้จ่ายในวันยื่นคำร้อง
- ค่าธรรมเนียมศาล 200 บาท
- ค่าประกาศหนังสือพิมพ์ 500 บาท
- ค่าใช้จ่ายในการไต่สวน
- ค่ารับรองสำเนา ฉบับละ 50 บาท
การยื่นคำร้องขอยื่นที่ไหน
การยื่นคำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก ให้ยื่นคำร้องขอต่อศาลที่เจ้ามรดกมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลในขณะถึงแก่ความตาย เช่น นาย ก. มีภูมิลำเนาอยู่เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร นาย ก. ก็ต้องไปยื่นที่ศาลแพ่งธนบุรี เป็นต้น การที่จะทราบได้ว่าจะต้องยื่นคำร้องต่อศาลใดนั้น ควรจะโทรศัพท์ไปสอบถามเกี่ยวกับเขตอำนาจศาลที่ศาลเสียก่อน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาในการเดินทาง เพราะในเขตกรุงเทพมหานครนั้น มีทั้งศาลแพ่ง ศาลแพ่งธนบุรี ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ แต่ละศาลจะมีเขตอำนาจศาลที่แตกต่างกัน ส่วนในต่างจังหวัดให้โทรศัพท์สอบถามจากศาลจังหวัดนั้น ๆ และกรณีที่เจ้ามรดกไม่มีภูมิลำเนาในประเทศไทย ให้ให้เสนอต่อคำร้องต่อศาลที่ทรัพย์มรดกนั้นตั้งอยู่แทน
คำร้องต้องทำอย่างไร
การทำคำร้องเป็นเรื่องที่ผู้มีความรู้ในทางกฎหมายและทางปฏิบัติ ดังนั้น บุคคลทั่วไปที่ไม่มีความรู้ในทางกฎหมายควรจะไปติดต่อกับทางประชาสัมพันธ์ของศาลเสียก่อน คำร้องขอจัดตั้งผู้จัดการมรดกนั้นจะมีรายละเอียดต่าง เช่น ชื่อ ที่อยู่ของผู้ร้อง วันเวลา และสถานที่ที่ถึงแก่ความตาย หลักฐานการตาย ผู้ตายมีทายาทคือใครบ้าง มีทรัพย์สินอะไร มีเหตุขัดข้องอย่างไรจึงจัดการทรัพย์สินของเจ้ามรดกไม่ได้ และท้ายสุดคือการขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดก
การยื่นคำร้องและนัดไต่สวนทำอย่างไร
เมื่อยื่นคำร้องต่องานรับฟ้องของศาลนั้นๆ แล้ว เจ้าหน้าที่งานรับฟ้องจะเสนอ ต่อศาลเพื่อมีคำสั่งคำร้องนั้น จากนั้นศาลจะมีคำสั่งให้นัดไต่สวนหรือมีคำสั่งอย่างอื่นใด ในทางปฏิบัติผู้ร้องจะต้องขอประกาศหนังสือพิมพ์ให้ผู้มีส่วนได้เสียทราบก่อน หลังจากนั้น 45 วัน ศาลจะนัดไต่สวนคำร้อง การไต่สวนผู้ร้องจะต้องมาศาลและนำพยานอื่นเช่นทายาทคนอื่น ๆ มาด้วย หากไม่มีผู้ใดคัดค้านการยื่นคำร้องขอจัดการมรดกและไต่สวนแล้วเป็นจริงตามที่ผู้ร้องขอไต่สวนไว้ ศาลจะมีคำสั่งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ผู้ร้องสามารถขอคัดถ่ายคำสั่งศาลได้ที่เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์
ลำดับคำถามในการไต่สวน
- ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร้องกับผู้ตาย เช่น ผู้ร้องเป็นบุตรของผู้ตายเป็นต้น โดยแสดงสูติบัตรของผู้ร้องต่อศาล เป็นต้น
- วันที่ผู้ตายถึงแก่ความตาย สาเหตุการตาย และภูมิลำเนาของผู้ตาย แสดงหลักฐานการตายโดยใบมรณบัตร และหลักฐานเกี่ยวกับภูมิลำเนาของผู้ตาย คือ ทะเบียนบ้าน
- ทรัพย์มรดกของผู้ตาย เช่น บัญชีเงินฝากธนาคาร โฉนดที่ดิน เป็นต้น
- เหตุขัดข้องในการจัดการทรัพย์มรดก
- เรื่องบัญชีเครือญาติ แสดงบัญชีเครือญาติต่อศาล
- ความยินยอมของทายาท แสดงหนังสือให้ความยินยอมของทายาทต่อศาล
- คุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นผู้จัดการมรดก เช่น ไม่เป็นบุคคลไร้ความสามารถ ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย เป็นต้น
- คำถามอื่น ๆ ตามความเหมาะสมที่เกี่ยวข้องกับการจัดการมรดก
ผู้จัดการมรดกจะถูกถอนจากการเป็นผู้จัดการมรดกได้หรือไม่
กรณีผู้จัดการมรดกปล่อยปละละเลย ไม่ดำเนินการจัดการมรดก หรือจัดการมรดกไปในทางเสียหาย ประมาทเลินเล่อ หรือทุจริต เช่นเบียดบังทรัพย์มรดกเป็นของตนเอง ทายาทก็สามารถร้องขอต่อศาลให้เพิกถอนผู้จัดการมรดกได้ แต่ต้องร้องขอต่อศาลก่อนการแบ่งปันทรัพย์มรดกเสร็จสิ้น