การจัดการความรู้ควบคู่ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน กรณีศึกษา : โรงเรียนจิระศาสตร์วิทยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
โดย ดร.ปฐมพงศ์ ศุภเลิศ
รองผู้อำนวยการโรงเรียนจิระศาสตร์วิทยา
ปัจจุบันสังคมโลกได้เปลี่ยนจากยุคอุตสาหกรรมที่มีปัจจัยสำคัญในการแข่งขันคือ ทุน เข้าสู่ยุคที่ปัจจัยสำคัญของการแข่งขันคือ ความรู้ (Knowledge) ซึ่งองค์การและผู้คนจำเป็นจะต้องรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง สามารถที่จะนำประสบการณ์ ความรู้ ที่มีอยู่หลากหลายทั้งในตัวตน ในองค์การ หรือในตำรานำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยใช้เครื่องมือการจัดการความรู้ KM: Knowledge Management
โรงเรียนจิระศาสตร์วิทยา มีโอกาสดีที่ดีที่ได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และนำเครื่องมือการจัดการความรู้ เข้ามาใช้ในการบริหารจัดการโรงเรียนโดยสอดแทรกไปในกระบวนการบริหารจัดการความรู้ในเนื้องานปกติของโรงเรียน มาตั้งแต่ปี 2545 ซึ่งมีท่านศาสตราจารย์นายแพทย์วิจารณ์ พานิช ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.) และคณะได้ถ่ายทอดศิลปวิทยาการ “การจัดการความรู้” ให้กับบรรดาผู้บริหารต้นแบบการปฎิรูปการเรียนรู้ ของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ในฐานะที่อาจารย์จิระพันธุ์ พิมพ์พันธุ์ ได้รับคัดเลือกเป็นผู้บริหารต้นแบบคนหนึ่ง
ต่อมาโรงเรียนได้นำประสบการณ์ความรู้ ด้านการจัดการความรู้ KM: Knowledge Management มาประยุกต์ใช้ในโรงเรียนจิระศาสตร์วิทยา อย่างจริงจัง เริ่มตั้งแต่ “การสร้างความเข้าใจ ให้ความสำคัญ และผลักดันคุณภาพ” แรกๆบุคลากรบางส่วนจะมีความรู้สึกว่าผู้บริหารเพิ่มงานใหม่ให้อีกแล้ว ต่อมาเมื่อทุกฝ่ายได้ลงมือปฏิบัติจริงก็ถึงบางอ้อว่า... ที่แท้การจัดการความรู้ก็อยู่ในวิถีปฏิบัติงานประจำวันนั่นเอง กว่าจะถึงวันนี้ได้ก็ใช้เวลาพอสมควร
อย่างไรก็ตามทางฝ่ายบริหารได้มองการณ์ไกล จึงได้ออกแบบแนวทางการจัดการความรู้สอดแทรกผสมผสานไปกับการปฏิบัติงานปกติของโรงเรียน ซึ่งคณะกรรมการทุกๆฝ่ายได้มีบทบาทในการจัดการความรู้อยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางในการสนับสนุนส่งเสริมระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ในการประชุมคณะกรรมการแต่ละคณะ เช่น
- ทุกวันจันทร์ เวลา 9.00-10.30 น.มีการประชุมคณะกรรมการสภาครู
- ทุกวันจันทร์ เวลา 16.30-17.30 น.มีการประชุมคณะครูระดับ ม.1-3
- ทุกวันอังคาร เวลา 16.30-17.30 น.มีการประชุมคณะครูระดับ อนุบาล 1-3
- ทุกวันพุธ เวลา 16.30-17.30 น. มีการประชุมคณะครูระดับ ป.1-3
- ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 16.30-17.30 น. มีการประชุมคณะครูระดับ ป.4-6
- ทุกวันศุกร์ เวลา 9.00-10.30 น. มีการประชุมคณะกรรมการสายชั้น
การนำกิจกรรมการจัดการความรู้มาประยุกต์ใช้ในการประชุมของคณะกรรมการ ทุกคณะส่วนใหญ่คณะครูและบุคลากรซึ่งเป็น “คุณกิจ” ตัวจริงจะทำหน้าที่จัดกิจกรรมการการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การนำเสนอผลงาน การสะท้อนปัญหาอุปสรรค แนวทางปรับปรุงแก้ไขการดำเนินงานในการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของคณะกรรมการ/ฝ่ายต่างๆ เช่น
- ฝ่ายวิชาการ ดูแลด้านการเรียนการสอนและพัฒนาการความพร้อมของผู้เรียนทุกๆด้าน
- ฝ่ายกิจการนักเรียน ดูแลด้านกิจกรรมเสริมหลักสูตรเพื่อพัฒนาศักยภาพด้านความรู้ ความสามารถของนักเรียน โดยจัดให้มีกิจกรรม เวทีคนเก่ง (แสดงดนตรี ร้องรำ ทอล์คโชว์) กิจกรรมเพื่อนช่วย พี่ช่วยน้อง (พี่มัธยมช่วยดูแลน้องอนุบาลเล่นเครื่องเล่น เล่านิทานให้ฟัง เชิดหุ่น ฯลฯ)
กิจกรรมจิตรกรน้อย (วาดภาพ ระบายสี) กิจกรรมห้องสมุดเคลื่อนที่ (ส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน)กิจกรรมสภานักเรียนและสโมสรอินเตอร์แรคท์ (ส่งเสริมประชาธิปไตยและสร้างภาวะความเป็นผู้นำ) กิจกรรมการประกวด/แข่งขัน (ตอบปัญหา ต่อคำศัพท์ภาษาอังกฤษ: SCRABBLE)
- ฝ่ายอาคาร-สถานที่ ดูแลรับผิดชอบด้านความสะอาด เรียบร้อย ร่มรื่น สวยงามของบริเวณอาคาร-สถานที่ จัดให้มีแหล่งเรียนรู้และบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนทั้งในห้องเรียน และนอกห้องเรียนรวมทั้งสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนภายในในศูนย์การเรียนรู้ธรรมชาติ สนองแนวพระราชดำริ “เศรษฐกิจพอเพียง” บนเนื้อที่ ๑๖ ไร่ ของโรงเรียนจิระศาสตร์วิทยา
- ฝ่ายบริการ ดูแลสวัสดิการและสวัสดิภาพความปลอดภัยของนักเรียน นับตั้งแต่การจัดบริการรถรับ-ส่ง อาหารกลางวัน อาหารเสริม (นม) น้ำดื่ม รวมทั้งการปฐมพยาบาล ซึ่งจะต้องบริการให้นักเรียนและผู้ปกครองเกิดความพึงพอใจสูงสุด
- ฝ่ายบุคลากร ดูแลด้านการสรรหา พัฒนา บำรุงรักษาและเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้ครูและ
บุคลากรทุกคนในโรงเรียน เพื่อให้ครูและบุคลากรสามารถอุทิศตนทุ่มเทให้กับการจัดการศึกษาและทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ
- ฝ่ายความสัมพันธ์กับชุมชน ดูแลด้านการประสานสัมพันธ์ สรรค์สร้างความร่วมมือ ร่วมใจในการพัฒนาการศึกษาของกุลบุตรกุลธิดา ในทุกวิถีทางทั้งในด้านการให้บริการชุมชน การรับความช่วยเหลือจากชุมชน ตลอดจนการร่วมมือกับชุมชนในการทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่างๆ
จากที่กล่าวมาแล้วข้างต้นจะเห็นได้ว่าบทบาทในการดูแลช่วยเหลือนักเรียนเป็นบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของทุกคนในโรงเรียน เพียงแต่ต่างกรรมต่างวาระเท่านั้นเอง
สำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการจัดการความรู้ที่ได้นำมาเล่าสู่กันฟังใน ครั้งนี้ถือว่าเป็นกรณีตัวอย่าง ยังไม่กล้าพูดว่าเป็น Best Practices แต่ขอยืนยันว่าหน่วยงานสถานศึกษาสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพและบริบทของตนเอง ในที่นี้ขอนำเสนอแนวทาง
“การดำเนินงานระบบช่วยเหลือดูแลนักเรียน” ซึ่งเป็นกรณีศึกษาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา โรงเรียนจิระศาสตร์วิทยา ถือเป็นแนวทางในการดูแลช่วยเหลือนักเรียนในวัยที่ย่างเข้าสู่ “วัยรุ่น”
เนื่องจากโรงเรียน ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลช่วยเหลือนักเรียนวัยรุ่น จึงได้ดำเนินการดังนี้
1. แต่งตั้งคณะกรรมการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
2. มอบหมายให้ครูประจำชั้น ในฐานะครูที่ปรึกษาและครูแนะแนวให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด
3. จัดทำข้อกำหนด ระเบียบปฏิบัติ หรือข้อตกลงร่วมกันในการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
4. มีการจัดครูช่วยกันดูแลนักเรียนในลักษณะครูคู่มิตร
5. มีการจัดประชุมผู้ปกครองเครือข่าย
6. มีจดหมายสื่อสารถึงผู้ปกครองอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน
7. มีการออกเยี่ยมเยียนผู้ปกครอง
8. มีการติดตามพฤติกรรมนักเรียนอย่างต่อเนื่องโดยความร่วมมือระหว่างผู้ปกครองกับโรงเรียน
แนวทางการจัดกิจกรรมระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน
ครูหรือผู้บริหารย่อมทราบดีอยู่แล้วว่า จิตวิทยาการจัดการเรียนรู้ต้องคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล และต้องเชื่อว่าผู้เรียนทุกคนสามารถพัฒนาได้ ดังนั้นในการจัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนจึงมีความจำเป็นและควรให้ความสำคัญไม่แพ้การดำเนินงานด้านการเรียนการสอนและอื่นๆ
ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่โรงเรียนจิระศาสตร์วิทยานำมาใช้ มีดังนี้
1) ระบบครูคู่มิตร เป็นการจัดครูประจำชั้นหรือครูประจำวิชาที่มีห้องใกล้กันช่วยกันสอดส่องดูแลพฤติกรรมการเรียน การเข้าร่วมกิจกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของนักเรียน เพื่อเป็นการป้องปราม หรือป้องกันปัญหาไว้เป็นการล่วงหน้าการจัดกิจกรรมลักษณะนี้จะมีการเตือน มีการออกใบเตือนนักเรียนโดยให้ ใบเหลือง, ใบแดง ตามควร แก่กรณี เช่น กรณีความผิดเล็กน้อยอาจมีการตักเตือนแล้วให้ใบเหลือง ส่วนการให้ใบแดงมักจะไม่พบ ทั้งนี้เพราะนักเรียนที่เคยได้ใบเหลืองจะระมัดระวัง หรือนักเรียนจะเกรงกลัวความผิดและไม่อยากถูกลงโทษโดยการให้ใบแดง นั่นหมายถึงตัวเองและผู้ปกครองจะเดือดร้อนด้วย 2) ระบบเพื่อนช่วยเพื่อนและพี่ช่วยน้อง เป็นการปลูกฝังจิตสำนึกให้นักเรียนดูแลช่วยเหลือกันเอง ภายใต้การดำเนินงานของคณะกรรมการสภานักเรียน และสโมสรอินเตอร์แรคท์โรงเรียนจิระศาสตร์วิทยา ซึ่งจะทำหน้าที่แนะนำช่วยเหลือ สอดส่องดูแล รายงานพฤติกรรมนักเรียนที่ไม่พึงประสงค์ให้ครูทราบ 3) ระบบผู้ปกครองเครือข่าย เป็นการขอความร่วมมือจากตัวแทนผู้ปกครองนักเรียนแต่ละระดับ แต่ละช่วงชั้น ซึ่งมีจำนวน 234 คน ทำหน้าที่สอดส่องดูแลพฤติกรรมนักเรียนนอกโรงเรียน และรายงานให้ครูหรือผู้บริหารทราบ พร้อมทั้งในคำแนะนำ ปรึกษา ในการสนับสนุนส่งเสริมการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนด้วย 4) ระบบเยี่ยมยามถามข่าว เป็นการจัดครูประจำชั้น หรือครูที่ปรึกษาร่วมกับผู้บริหารและกรรมการฝ่ายสัมพันธ์กับชุมชนออกพบปะ เยี่ยมเยียนผู้ปกครองและนักเรียนในชุมชน หมู่บ้านที่นักเรียนอาศัยอยู่ ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ตามตำบลอำเภอต่างๆในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดใกล้เคียง ทำให้ได้รับทราบข้อมูล ข่าวสาร สภาพปัญหา ความต้องการของผู้ปกครองและนักเรียนอย่างแท้จริง และนำไปสู่ความร่วมมือในการแก้ปัญหาและพัฒนานักเรียนอย่างต่อเนื่อง การจัดการความรู้ร่วมกันของผู้บริหาร ครูอาจารย์ นักเรียน และบุคลากรทางการศึกษา
จากวันนั้นถึงวันนี้แม้ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนจะมีความสำเร็จไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่สภาพที่เห็นเด่นชัดหลังจากที่มีการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พบว่า สิ่งที่อยู่ในความทรงจำของทุกคนคงจะไม่พ้นความรู้สึกดีดีในไมตรีจิตมิตรภาพ การรู้จักยอมรับความคิดเห็น รู้จักให้เกียรติซึ่งกันและกัน รวมถึงการทำงานร่วมกันเป็นทีม วันเวลาแห่งการจัดการความรู้ได้ดำเนินการควบคู่กับกิจวัตรประจำวันของสถานศึกษา จนกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กรแห่งการเรียนรู้ ซึ่งยังคงดำเนินการอยู่และจะต้องปรับปรุงพัฒนาให้เจริญก้าวหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ภายใต้พลังขับเคลื่อนของภาคี เครือข่ายการจัดการความรู้ที่กระจายอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง
ความสำเร็จและความก้าวหน้าทั้งหลายจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่ได้รับความอนุเคราะห์สนับสนุน ส่งเสริมเป็นกำลังใจและให้ความช่วยเหลือด้วยดีมาโดยตลอดจากคณะครู ผู้ปกครองและชุมชน และผมมีความเชื่อมั่นว่า “ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน จะไม่มีวันประสบความสำเร็จได้เลย หากไม่ได้รับความร่วมมือร่วมใจจากทุกฝ่ายอย่างจริงจังและจริงใจ” ถึงเวลาแล้วหรือยังครับที่เราจะมาร่วมกันจัดระบบดูแลช่วยเหลือเด็กและเยาวชนของชาติให้ประสบผลสำเร็จและบรรลุเป้าหมายสู่การพัฒนาเด็กและเยาวชนไทย “ให้เป็นคนดี มีปัญญา และอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข”
***********************