จากการประชุมเครือข่ายของ พอช. ในโครงการจัดทำแผนชีวิตเพื่อการแก้ไขปัญหาความยากจนภาคประชาชน มีประเด็นหนึ่งที่น่าคิดก็คือเรื่องของ “การทำบัญชีครัวเรือน”
ซึ่งเป็นประเด็นที่นักพัฒนาหลาย ๆ แขนงร่วมกันลงความเห็นว่าน่าจะเป็นวิธีการหนึ่งที่แก้ไขปัญหาความยากจนในระดับครอบครัวและชุมชนได้
จากการที่เคยเป็นทั้งผู้วิจัยและผู้เก็บข้อมูลในโครงการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างการบริหารจัดการที่ดีของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนจังหวัดอุตรดิตถ์
การได้เป็นผู้ควบคุมโครงการในโครงการเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชนทั้งในจังหวัดอุตรดิตถ์และจังหวัดน่าน
ประกอบกับการเป็นทีมสร้างเครื่องมือและวิเคราะห์ข้อมูลของการจัดทำแผนชีวิตภาคประชาชน
ด้านปัจจัยการผลิต เพื่อการแก้ไขปัญหาความยากจนของจังหวัดอุตรดิตถ์
ทั้ง 3 โครงการที่ว่ามานั้น
ได้มีการส่งเสริมและกระตุ้นให้ชุมชนมีการจัดทำบัญชีครัวเรือนทั้งสิ้น
แง่คิดที่ได้รับจากการดำเนินงาน
“การทำบัญชีครัวเรือน” จะสำเร็จได้ ทีมวิจัย
ขอเน้นครับว่า “ทีมวิจัย”
เพราะความสำเร็จจะต้องลงไปทำงานเป็นทีม
ทีมนั้นจะต้องมี concept หลักในการลงไปทำงานที่จะต้องเน้นการสร้าง “กระบวนการเรียนรู้และคิด” มิใช่เน้นการ “เก็บข้อมูล” ดังนั้นจึงต้องคำว่า “ทีม” ลงไปเพื่อจัดกระบวนการคิดและเรียนรู้เรื่องของรายได้และรายจ่ายของตนเอง
ข้อควรระวัง ไม่ควรคิดว่าลงไปเพื่อ “เก็บข้อมูล”
โดยเด็ดขาด
โดยเฉพาะถ้ามีการให้ผู้ช่วยนักวิจัยลงไปช่วยทำงานด้วยแล้ว
ผู้ควบคุมโครงการหรือหัวหน้าโครงการจะต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องแนวคิดหลักนี้ให้มากที่สุด
มิควรใช้ชุมชน (จริง ๆ ) เป็นที่ทดลองหรือเรียนรู้ดังเช่นหนูทดลอง
เพราะนั่นคือการทำงานจริง
ซึ่งถ้าลงไปจัดกระบวนการแล้วผิดพลาดหรือทำแล้วครอบครัวหรือชุมชนที่ลงไปทำนั้นไม่ประทับใจ ไม่รู้สึกตระหนักในการทำบัญชีครัวเรือนแล้ว ยิ่งจะทำให้การทำงานของโครงการต่อ ๆ ไป “ทำงานยากขึ้น”
เพราะ “ชุมชนเข็ด”
เข็ดกับการที่จะต้องให้ข้อมูลกับหลาย ๆ หน่วยงาน
ให้ข้อมูลซ้ำ ๆ ให้ไปแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น
ดังเช่นที่ผมเคยเขียนไว้ในบันทึกก่อน ๆ ว่า
“เรามิใช่หนึ่งเดียวในชุมชน”
มีหน่วยงานและองค์กรอีกมากมาย ลงไปทำ ลงไปศึกษา
ลงไปวิจัยกับชุมชนเยอะแยะมาก ๆ
โดยเฉพาะ ชุมชนที่ดี ชุมชนที่ประสบความสำเร็จ
พี่น้องในชุมชนเหล่านั้น แทบจะต้องไม่ทำมาหากินกันเลยทีเดียว
ประชุม จัดเวที สัมภาษณ์ ตอบแบบสอบถาม
ทั้งในและนอกชุมชนกันแทบทุกวัน
ดังนั้น First Impression ความประทับใจครั้งแรกเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
ๆ
ถ้าเราไปทดลองทำงานกับชุมชน
จะเป็นการสร้างอคติต่อสิ่งที่เราไปทดลองอย่างมาก ๆ
และถ้ายิ่งไปทำในเรื่องบัญชีด้วยแล้ว เป็นสิ่งที่เหมือน “ยาขม”
สำหรับคนไทย
แม้กระทั่งนักศึกษาในมหาวิทยาลัยก็ยังร้อน ๆ หนาว ๆ
เมื่อต้องลงเรียนวิชา “บัญชี”
ดังนั้น “ทีมวิจัย” จะต้องเน้นการจัดกระบวนการคิด
กระบวนการเรียนรู้
การเป็น “ทีม” นั้น จะต้องมีทั้ง
คุณเอื้อ ได้แก่ ผู้นำชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน อบต.
คุณอำนวย ได้แก่ หัวหน้าทีมในการเก็บข้อมูล
หรือผู้มีทักษะในการควบคุมการสนทนา
คุณลิขิต ได้แก่ ทีมงานวิจัยที่ไปด้วยกัน
จะต้องทำการซักซ้อมและนัดแนะในการจด การเขียน
การบันทึกกับคุณอำนวยอย่างรู้ใจซึ่งกันและกัน
"ถ้าให้คุณอำนวยถามไปจดไป จะทำให้เสียทั้งงานถามและงานจด"
ที่สำคัญมาก ๆ ก็คือ คุณกิจ สร้างคนทำงาน
คนปฏิบัติการ คนที่จะสานต่องานให้เกิดขึ้นในชุมชน
การไปทำงานจะต้องคิดไว้เสมอว่า เราไม่ได้อยู่ในชุมชนนั้นตลอดเวลา ชีวิตนี้เราอาจจะได้ลงไปทำงานกับชุมชนนั้นเพียงแค่ครั้งเดียวก็ได้ แล้วใครล่ะที่จะทำให้กระบวนการนี้อยู่ในชุมชนได้ตลอดเวลา นั่นก็คือ “คนในชุมชน” นั่นเอง
ดังนั้น เราจะต้องชักนำ ชักชวน
“แนะแบบไม่แนะนำ”
พี่น้องในชุมชนที่ไปกับทีมวิจัยในการเก็บข้อมูล
ถ้าเราไปจัดกระบวนการ ทีมงานเราก็ได้ประโยชน์อย่างเดียว
เราทำเสร็จกระบวนการก็จบ
แต่ถ้าเราชักชวนพี่น้องในชุมชนเข้าไปทำงานด้วย
ร่วมจัดกระบวนการในการจัดกระบวนการเรียนรู้เรื่องรายได้ ค่าใช้จ่าย
ในการจัดทำบัญชีครัวเรือน
พี่น้องในชุมชนนั้น ก็จะเรียนรู้และซึมซับเทคนิคการทำงานต่าง ๆ
ไว้ใช้ในคราวหน้า
“คราวหน้า” คืออะไร...?
หลัก ๆ ก็คือ การจัดทำข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.)
ซึ่งจัดเก็บกันแทบทุกปี
เมื่อก่อนจะเป็นความรับผิดชอบของสำนักงานพัฒนาชุมชน
แต่ในปัจจุบันได้มีการกระจายอำนาจให้กับท้องถิ่น อบต.
เป็นผู้จัดสรรงบประมาณ อุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ ในการจัดเก็บ
“ใครเป็นคนจัดเก็บ...?”
ส่วนใหญ่ พี่น้องในชุมชน
ดังนั้น ถ้าเราร่วมเรียนรู้ไปด้วยกัน กระบวนการต่าง ๆ
ก็จะไม่อยู่ในกลุ่มทีมวิจัยที่ได้เรียนได้รู้เท่านั้น
จุดประสงค์หลักที่หลาย ๆ ท่านมักลืมก็คือ
“การพึ่งตนเอง”
ชีวิตใคร ใครก็รัก
บ้านใคร ใครก็รัก
ชุมชนใคร ใครก็รัก
ดังนั้นถ้าเขาทราบถึงประโยชน์
และทำเป็น ทำได้ กระบวนการที่ดี ๆ
เหล่านี้ก็ก็จะอยู่ในชุมชนตลอดไป
ปีหนึ่งเราเข้าไปทำงาน
หนึ่งวัน หนึ่งสัปดาห์ หนึ่งเดือน
แต่พี่น้องอยู่ในชุมชนตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ 365
วันต่อปี
การทำงานจะหมุนวนอยู่ตลอดเวลาในชุมชน การพึ่งตนเองอย่างยั่งยืนก็จะเกิดขึ้นตลอดไป