เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสทดสอบคำสอนของหลวงพ่อชา หลังจากที่ได้ฟังมา มีอยู่ตอนหนึ่งท่านได้ให้ข้อคิดเอาไว้น่าสนใจ ผมเชื่อว่าแฟนพันธุ์แท้ หลวงพ่อชา คงจะรู้ตั้งแต่ชื่อบันทึกนี้แล้วละครับ แต่ผมขอพิสูจน์ด้วยตัวเองอีกที ( ตามประสาคนไม่มีอะไรจะทำ...ตอนเช้าๆ…..แฮะๆ)
เช้านั้น ผมเดินหน้าตั้งเข้าไปห้องสารบรรณของภาควิชา (ปกติห้องนี้ก็คือแห่งระบายอารมณ์ของคณาจารย์ ในภาควิชาฯ จะทุกข์ จะสุข จะโมโหใคร โกรธใครก็มาพ่นลง..ให้เจ้าหน้าที่ตาดำๆ ที่นี่.... ) ผมเห็นหนูทดลองผมกำลังจะเริ่มเข้างานกัน ผมก็จัดการจู่โจมเลย
“ ใครก็ได้ ช่วยตอบคำถามผมที ??” ผมพูดเสียงดังเพื่อจะบอกเป็นนัยว่า ไม่ใข่ ”ใครก็ได้” อย่างที่ผมพูด แต่ต้องเป็นทุกคนที่จะถูกบังคับให้ตอบ.... (พูดซะใหญ่โต ... จริงๆแล้วผมแทบจะขอร้องให้เขาช่วยตอบผมทีเถอะ...พี่น้อง!!)
“ ถ้าสมมุติว่า เราเดินๆไป แล้ว เราก็ไปเห็น ของมีค่าชิ้นหนึ่ง เช่น เพชรเม็ดงาม หรือเป็นแบงค์พันมัดหนึ่ง ตกอยู่ในร่อง หรือในรูหนึ่ง ที่ตนคิดว่าพอจะเอื้อมมือเข้าไปหยิบถึง แต่พอเอามือล้วงเข้าไปหยิบ กลับหยิบไม่ได้ หยิบไม่ถึง แล้วเราจะอธิบายได้ไหมว่าทำไม เราถึงล้วงมือเข้าไปหยิบไม่ถึง???? ช่วยอธิบายทีครับ??? ” ผมก็ไล่ถาม จนท. ที่ละคนเพื่อรวบรวมคำตอบ
<ท่านผู้อ่านจะลองนึกคำตอบไว้ในใจหน่อย.....ดีไหมครับ??? ถ้าเป็นท่าน แล้วท่านจะอธิบายว่าอย่างไร?? ก่อนที่จะอ่านต่อ>
Tik Tok....... Tik Tok
Tik
Tok
Tik
Tok
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
จนท. “G” คิดหนัก... ผมเลยบอกว่า “ นี้ไม่ใช่ปัญหาเชาว์ครับ.... คำถามธรรมะ ตรงไปตรงมา อย่าคิดมาก “
จนท. “Kub Kub” งง!!! ไม่เข้าคำถาม อธิบายแล้ว อธิบายอีก.... เอางี้วาดรูปให้ดูชะเลย....พี่น้อง
จนท. “Kub Kub” ก็ตอบมาทันที่เลยเหมือนกัน “มือมันสั้นไปเลย เอื้อมไม่ถึง” ผมแปลกใจในคำตอบน้องเขามาก! .....:):) ผมก็หันไปถาม จนทอีก 2 ท่านต่อ จนท. “B” ตอบว่า “ เพราะรูมันลึกไปค่ะ เราเลยหยิบไม่ได้” อื่มมมม.... คำตอบเริ่มหน้าสนใจ
จนท. “G” ตอบเหมือนกันคือ “ เพราะรูมันลึกไปครับ ทำให้เอื้อมไม่ถึง”
2 ใน 3 ตอบ “ เพราะรูมันลึก ทำให้เอื้อมไม่ถึง” ซึ่งตรงกับที่หลวงพ่อชาบอกไว้ว่า
คนส่วนใหญ่ก็จะให้เหตุผลว่า ว่า “ เพราะรูมันลึกไป เราเลยล้วงไม่ถึง”
จะมีส่วนน้อยที่จะตอบว่า “เพราะแขนเราเองนี้แหละ มันสั้นไป เลยเอื้อมไม่ถึง”
ในคำสอนหลวงพ่อชา ท่านพยายามชี้ให้เห็นว่า (ตามความเข้าใจของผมนะครับ ในแง่หนึ่ง) คนเราชอบที่มอง หรือนึกถึงแต่สิ่งที่เราจะได้ประโยชน์ (รูมันลึก) มองในมุมของตัวเองไว้ก่อน แต่เราไม่ชอบมองในมุมกลับ ในสิ่งที่ตัวเราควรจะมองตัวเอง (แขนเรามันสั้น) เช่น
ที่ผมประสบขณะอยู่ที่วัดกับ กลุ่มรถตู้ “คนกรุงเทพ” (ชื่อนี้ผมไม่ได้ตั้งเองนะครับ ชาวบ้านเขาตั้งให้ แต่เขาไม่ได้คิดอะไรนะครับ เพียงเรียกตามที่มาของผู้ที่มาวัด) กลุ่มรถตู้ “คนกรุงเทพ” เขาก็มาทำบุญตามวัด ถวายปัจจัย สังฆทานต่างๆตามการเดินทาง เป้าหมาย 3 วัด ก็ว่ากันไป มากัน 20กว่าคน ตั้งใจมาทำบุญกันเต็มกำลัง.....ทางวัด “พ่อออก= ผู้ชาย” และ “แม่ออก=ผู้หญิง” ก็เตรียมพร้อม พี่ผมก็ไปเตรียมศาลาเรือนพักอุบาสิกา คณะ รถตู้ “คนกรุงเทพ” มาถึง โอ้โห้!!!..... บางท่านคงจะร้อนก็แบกเอาพัดลมในศาลาวัดไปเรือนพัก พี่ผมที่ปัดกวาดเรือนพักอยู่ก็ถูกเปลี่ยนอาชีพจาก “คุณหมอ” มาเป็น “แม่บ้านประจำ” พี่ผมเล่าว่า คณะฯ คุยกันประมาณนี้ว่า “ นี่ไง ทางวัดมี “แม่บ้าน” ดูแลห้องพักอยู่ ไม่ต้องล็อกห้องก็ได้ ของไม่หายหลอก ” ....พี่ผมก็ทำงานไปคงจะอดขำไม่ได้ ว่าตัวเองมีอาชีพใหม่....หุหุ :):)
ทางคณะฯ พักค้างคืน เช้ามาบางท่านก็เข้าครัวช่วยทำอาหาร มาจังหันพระ เณร บางท่านก็นั่งสนทนาธรรมกับหลวงปู่ ผมก็นั่งข้างๆหลวงปู่คอย เผื่อว่าหลวงปู่จะเรียกใช้ และช่วยป้องกันกรณี มีแต่ญาติโยม อุบาสิกาอยู่กับหลวงปู่ลำพัง โดยไม่มีอุบาสกอยู่ด้วย บทสนทนาก็ประมาณว่า
- ทำอย่างไรเราถึงจะไม่โกรธ ควบคุมความโกรธได้?
- หลวงปู่คิดอย่างไรกับ พระสมัยนี้?
–เมืองไทยจะเป็นอย่างไรในอนาคต? ฯลฯ
เสร็จจังหันทางคณะฯก็เตรียมออกเดินทางไปทำบุญวัดสาขาต่อไป.........
ผมตีความจากคำสอนหลวงพ่อชาว่า ....เราชอบพากันมาทำบุญกัน (รูมันลึก) แต่กลับไม่พากันมาละการทำบาป (แขนเรามันสั้น:: มองอีกมุมหนึ่ง) ซึ่งก็คือการที่เรามาพากันทำตามสอนของพระพุทธเจ้าโดยไม่ทำบาปทั้งปวง ปฏิบัติธรรม รักษาศีล ฝึกจิตฝึกใจ.......เพื่อประโยชน์แก่ตนโดยแท้
แต่สำหรับผมอาจมองได้อีกแง่ มาวัดเพื่อทั้งคู่เลย มาทำบุญและมาละการทำบาป ประโยชน์เสร็จสรรพลงตัว.......เห็นด้วยไหมครับ
ตกลงท่านตอบว่าอะไรครับ รูมันลึก??? หรือ แขนมันสั้น??? ครับ.......
*****************************************************
หมายเหตุ: รูป “แม่บ้าน”กำลังเดิน (จงกรม) ไปอีกวัด ไม่ได้รับอนุญาติให้ถ่ายรูป เลยติดให้แค่นี้เน้อ...:)