หลังจากเดินทาง มาถึงพุทธคยา สิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้นัดหมาย
ทีมงานที่มาด้วยกันประมาณ ๒๐ คน ตัดสินใจบวชพระภิกษุ จำนวน ๖ คน
และบวช ชี ๑ คน ส่วนที่เหลือขอบวชเนกขัมมะปฏิบัติ
ความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น เมื่อทุกคนได้มีโอกาสเข้ามาร่วมพีธีการบวชพระ
บวชชี และบวนเนกขัมมะปฏิบัติใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์
สถานที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับนั่งตรัสรู้
ในคืนวันวิสาขบูชา หลังจากนั้นก็ร่วมกันทอดผ้าป่าที่วัดไทยพุทธคยา
..ค่ำคืนนั้พวกเราทั้งหมดก็รับน้ำปานะแทนอาหารเย็น ที่วัดไทยพุทธคยา
วันที่ ๒๒ มิถุนายน ๕๕ ออกเดินทางสู่ราชคฤห์ ผ่านชมรอยเกวียน
อายุราว ๒,๐๐๐ กว่าปี เส้นทางค้าขายครั้งพุทธกาล
ผ่านชมโรงพยาบาลหมอชีวกมารภัจจ์ หมอหลวงที่ถวายการอภิบาล
พระพุทธองค์ และพบความเหนื่อยสุดๅที่เขาคิชฌกูฎ ชมถ้ำสุกรชาดก
ที่พระสารีบุตรบรรลุพระอรหันต์ และชมถ้ำพระโมคคัลลานะ
ชมสถานที่พระเทวทัตกลิ้งหินใส่พระพุทธองค์ นมัสการกุฎิพระอานนท์
และไม่ลืมโพสต์ภาพสวยทิวทัศน์ของเมืองราชคฤห์จากเขาคิชฌกูฎ
เป็นของฝากตนเอง
เดินทางขากลับ ต้องวื่งหนีฝนที่บังเอิญตกลงมาท่ามกลางฤดูร้อน
ที่ร้อนสุดๆที่อินเดียช่างเป็นวันที่มหัศจรรย์อีกวันหนึ่ง
ที่ทำให้วันที่ร้อนที่สุดกลับเต็มไปด้วยสายฝนที่ตกลงมาเพื่อล้างเหงื่อ
ที่อาบใบหน้า แต่เต็มไปด้วยความสุขใต้รอยพระศาสดา
วันนี้มีอาหารเที่ยงสุดอร่อย ฝีมือไกด์ไทยที่วัดไทยสิริราชคฤห์
ทำให้รับอาหารเที่ยงได้มากกว่าปกติ หลังจากอิ่มอาหารท้อง
ก็คงต้องไปรับอาหารใจจากการร่วมกันทอดผ้าป่า ที่วัดไทยสิริราชคฤห์
หลังจากนั้นก็แวะชมวัดเวฬุวนารามวัดแห่งแรกของโลกที่พระเจ้าพิมพิสาร
สร้างถวายพระพุทธองค์ และโดยการเดินเท้าในระยะทางที่ไม่ไกลนัก
ดโปธาร สถานที่อาบน้ำสาธารณที่แสดงให้เห็นถึงการแบ่งชั้นวรรณะ
ของชาวฮินดูได้อย่างชัดเจนที่สุดแห่งหนึ่งในอินเดีย
และที่พลาดไม่ได้ มหาวิทยาลัยนาลันทา มหาวิทยาลัยแห่งแรกของโลก
ที่เคยรุ่งเรือง และยิ่งใหญ่มานานกว่าพันปี แต่ถูกทำลายโดยทหารอิสลาม
ไม่กี่ร้อยคน หลังจากนั้นเข้าเดินทางเข้านมัสการหลวงพ่อดำ พระพุทธรูป
ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวพุทธ , ฮินดู , มุสลิม ให้การนับถือ ระหว่างทางกลับสู่ที่พัก
ยังอุตสาห์ ได้แวะชมคุกพระเจ้าพิมพิสาร พระคลังหลวง และค่ำคืนนี้
พวกเราก็ได้พักกันที่วัดไทยพุทธคยา และสำนักสงฆ์ เกรทโฮลี่แลนด์ อีก
หนึ่งคืน พร้อมกับเครื่องดื่มน้ำปาะสุดอร่อย
วันที่ ๒๓ มิถุนายน เดินทางสู่แม่น้ำเนรัญชรา สถานที่พระพุทธองค์
ลอยถาดซึ่งนางสุชาดาเป็นผู้ถวายข้าวมธุปายาส และชมบ้านนางสุชาดา
วันนี้พิเศษสุด อาหารเพล (พระสง์ทั้ง ๙ รูป มีพระวิทยากร ๓ รูป
ทีมงานที่บวชเป็นพระสงฆ์ อีก ๖ รูป ) และพวกเรารับอาหารเที่ยงที่โรงแรม
แต่ขอโทษคะ ไม่มีพนักงานเพราะช่วงที่พวกเราเดินทางไป เป็นช่วงหน้าร้อน
ไม่มีนักท่องเที่ยวหรือผู้แสวงบุญ โรงแรมต่างๆ จึงไม่เปิดทำการ
ซึ่งในปีหนึ่งๆ จะเปิดทำการปะมาณ ๖-๗ เดือน การเดินทางครั้งนี้
น่าจะมีพวกเราเพียงคณะเดียวเท่านั้น จึงเป็นอาหารเที่ยงในอินเดีย
ที่มีไกด์ไทยเป็นกุ๊กเช่นเดิม ช่างโชคดีเสียนี้กระไร
หลังจากนั้น เดินทางจากพุทธคยาสู่สารนาถ เวลา ๕ ชม. ที่พวกเรา
ได้นั่งในรถ ช่างเป็นการเดินทางที่มีความสุขที่สุด สำหรับครั้งหนึ่ง
ที่ได้เดินทางมาอินเดีย ดินแดนพุทธภูมิ
เพราะตลอดเส้นทางการเดินทาง จะมีพระวิทยากรประจำรถ และท่าน
จะบรรยายธรรม ตลอดเส้นทางการเดินทาง โดยปล่อยให้โยมทั้งหลายนั่ง
และนอนตามสบาย เป็นการนั่งใต้แอร์ที่เย็นฉ่ำ และมีเสียงธรรมะบรรยาย
ไม่ขาดสาย บางช่วงของการเดินทางก็งีบหลับเหมือนอยู่ในทิพย์วิมาน
และเมื่อตื่นขึ้นมาพบกับความจริง ก็ยังได้ยินเสี่ยงธรรมมะเช่นเดิม
ช่างเป็นเรื่องที่วิเศษที่สุด ที่ได้เกิดมาสัมผัสกับเส้นทางธรรมะตาม
รอยพระศาสดา
ค่อยอ่านตอนที่ ๓ ... เดินสู่แม่น้าคงคา แม่น้ำศักดิ์สิทธิิ์ ณดินแดนแห่งนี้ ฯลฯ
สบายกายบ้างคะ แต่ก้ไม่ค่อยสบายใจกันบ้างตามประสา คนในพื้นทีีสีแดง
มีพี่ผู้ชาบ ท่านหนึ่ง ที่มีโอกาสได้บวช ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ กล่าวไว้ว่า
ทุกอย่างเป็นความจริง ไม่ใช่ความฝัน ครั้งหนึ่งของชีวิต ของผม มีโอกาสได้บวชพระ ที่ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์
ดินแดนพุทธภูมิ ที่อินเดีย มันช่างเป็นเรื่องมหัศจรรย์สำหรับชีวิตเสียเหลือเกิน
สำหรับผู้ชายไทย คนหนึ่ง ที่มีโอกาส มากกว่าคำว่าโอกาส
เราก็เชื่อเช่นนีั้น