สถานีความคิด :
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
เพลง "ดูดาว"
ศิลปิน "วงตาวัน"
(๑)
ทุกๆ ครั้งที่เราแหงนมองดูท้องฟ้าในยามค่ำคืนที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งปราศจากเมฆหมอกมาบดบัง เราจะมองเห็นหมู่ดวงดาวน้อยใหญ่ส่องแสงสกาวแวววาวระยิบระยับอยู่เต็มฟากฟ้า ซึ่งทำให้ท้องฟ้าดูเหมือนมีชีวิตและเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังและความฝันมากมาย ที่รอคอยให้ทุกชีวิตปีนป่ายขึ้นไปค้นหาและไขว่คว้าเอามาประดับใจตน
เรามักจะมีความรู้สึกที่ดีๆ เกิดขึ้นมากมายอยู่เสมอ ในทุกๆ ครั้งที่เรามีโอกาสได้มองดูดวงดาวบนฟากฟ้า ซึ่งดูเหมือนจะทำให้เรารู้สึกมีความสุข เบิกบาน อบอุ่น และคลายความทุกข์กังวลได้อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
อาจมีหลายๆ ครั้งที่เรารู้สึกท้อแท้ สับสน โดดเดี่ยว เหงา หรือมืดมนไม่มีทางไป แต่เมื่อเรารวบรวมจิตใจให้มั่นคงและยืนเพ่งมองดูท้องฟ้าอย่างเงียบๆ เราจะรู้สึกได้ถึงเสียงกระซิบอันแผ่วเบาจากดวงดาวนับล้านดวง ที่พร้อมจะอยู่เป็นเพื่อน คอยห่วงใยเอาใจช่วย และคอยเป็นกำลังใจให้กับเราอยู่ตลอดเวลา ซึ่งมันช่วยทำให้เรารู้สึกมีความสบายใจ มีความหวังและมีกำลังใจขึ้นอย่างประหลาด
สำหรับคนที่รักท้องฟ้าหรือดวงดาวเป็นชชีวิตจิตใจแล้ว ดวงดาวและท้องฟ้าดูช่างมีความสำคัญและมีความหมายที่ยิ่งใหญ่มากเกินกว่าสิ่งใดๆ ในฐานะที่เป็นตัวแทนแห่งความรัก ความดีงาม ความเมตตา ความฝัน ความอบอุ่น ความศรัทธา และความรู้สึกดีๆ ทั้งปวง ที่จะเป็นสิ่งคอยช่วยจรรโลงชีวิตของมนุษย์ให้มีความสมบูรณ์อยู่ตลอดเวลา
ดวงดาว จึงไม่ใช่จะมีความสำคัญเฉพาะกับท้องฟ้าเพียงเท่านั้น หากแต่ยังมีความหมายและความสำคัญต่อชีวิตและจิตวิญญาณของมนุษย์ทุกชีวิต ในฐานะที่ช่วยทำให้มนุษย์มีชีวิตอยู่อย่างมีความหวังมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุที่ว่ามนุษย์ต่างก็ใฝ่ฝันและปรารถนาที่จะให้ตนเองมีชีวิตที่ดีงามดุจดั่งดวงดาวที่สุกใสอยู่บนฟากฟ้าเหมือนกันทุกๆ คน
และด้วยเหตุที่มนุษย์อยากจะให้ชีวิตของตนเป็นดุจดั่งดวงดาว จึงมีใครต่อใครมากมายที่ทุ่มเทและมุ่งมั่นที่จะปีนป่ายขึ้นไปให้ถึงซึ่งดวงดาวหรือฟากฝั่งแห่งความฝัน อันได้แก่ความสำเร็จที่เป็นเป้าหมายสูงสุดของชีวิต ซึ่งก็มีบ้างบางคนที่สหวังและได้เป็นดาวสมความตั้งใจ ในขณะที่อีกหลายคนก็เป็นได้แค่เพียงดาวตกเท่านั้นเอง และบ่อยครั้งที่ใครต่อใครมักจะได้เรียนรู้ความจริงว่า บนดวงดาวหรือความสำเร็จเหล่านั้น แท้ที่จริงมิใช่จะมีแต่ความสุขหรือความเบิกบานเพียงอย่างเดียว หากแต่ยังมีความทุกข์ ความเหน็บหนาว และความเงียบเหงาอ้างว้างซุกซ่อนอยู่ภายในอีกด้วย
ดวงดาวที่ส่องแสงอยู่บนท้องฟ้าเหล่านั้น มีทั้งดาวดวงเล็กและดวงใหญ่ มีทั้งที่กำลังเปล่งประกายเจิดจ้าและที่อับแสง บ้างก็ดำรงอยู่อย่างนั้นตลอดกาลนานแสนนาน และบ้างก็สูญสลายหายไปตามกระแสแห่งกาลเวลา
มนุษย์ก็คงจะเหมือนกับดวงดาวทั้งหลายเหล่านั้น ที่มีชีวิตและความเป็นไปที่แตกต่างกัน จะมีที่เหมือนกันอยู่บ้างก็ตรงที่เราต่างก็รักที่จะมีความสุขและเกลียดกลัวต่อความทุกข์ รวมทั้งปรารถนาอยู่เสมอที่จะให้ชีวิตเป็นเหมือนดั่งดวงดาวกันทุกๆ คน ซึ่งก็มีหลายคนที่มีความฝันที่เป็นจริง ในขณะที่ความฝันของอีกหลายๆ คนก็เป็นได้แค่เพียงความฝันที่ล่องลอย
มนุษย์มิอาจจะเป็นดวงดาวกันได้ทั้งหมด ทั้งนี้เพราะมนุษย์มีเหตุปัจจัยและมีที่มาที่ไปที่แตกต่างกัน
แต่ถึงกระนั้น มนุษย์ก็อาจจะค้นพบความสุขและความเบิกบานที่แท้จริงได้โดยไม่ยากถ้าหากมนุษย์รู้จักยอมรับในความแตกต่างของกันและกัน รู้จักศึกษาเรียนรู้ตนเอง รักและเมตตาต่อกันอยู่เสมอ รู้จักความพอดี-พอใจในชีวิต รู้จักเสียสละเพื่อผู้อื่น และเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติมากยิ่งขึ้น
(๒)
ค่ำคืนนี้..... ณ ขอบฟ้าฟากตะวันตก
สะเก็ดดาวเล็กๆ ดวงหนึ่งได้ร่วงหล่นมายังชั้นบรรยากาศของโลก และเมื่อวิ่งมากระทบเสียดสีกับบรรยากาศของโลกอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการลุกไหม้ขึ้น กลายเป็นดาวตกเพียงดวงเดียวที่ส่องแสงสว่างสวยงามในค่ำคืนของราตรีนี้
ดาวตก…..ได้ลาจากไปแล้ว พร้อมกับการดับสูญของดาวดวงเล็กๆ ดวงหนึ่ง
หากแต่ชีวิตของมนนุษย์ หาได้ดับสูญตามไปด้วยแต่อย่างใดไม่ ชีวิตของมนุษย์ยังจะต้องดิ้นรน ต่อสู้ฟันฝ่า และก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดสิ้นเรี่ยวแรงและลมหายใจ
ชีวิตของคนเรา ตอนเกิดก็มาตัวเปล่า ไม่ได้นำสมบัติใดๆ ติดตัวมาด้วยเลย และเช่นเดียวกัน เวลาที่ละจากโลกนี้ไป ก็ต้องไปตัวเปล่าๆ โดยที่ไม่สามารถที่จะนำพาเอาสมบัติใด ๆ ที่มีอยู่ติดตัวไปด้วยได้ จะมีก็แต่ความดีงามและความชั่วทั้งหลายที่เราได้กระทำไปแล้วเท่านั้น ที่จะคอยติดตามเป็นเพื่อนเราไปในทุกหนทุกแห่ง
การสร้างสรรค์ความดีงามให้เกิดขึ้นทํ้งแก่ตนเองและเพื่อผู้อื่นมากๆ ในวันนี้ จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนพึงพากันตระหนักและลงมือกระทำให้มากที่สุด
ทำความดีเอาไว้เถิด ไม่ว่าคุณจะมีตำแหน่งหรือหน้าที่การงานอะไรก็ตาม
ขอให้คุณหมั่นกระทำความดีเอาไว้มากๆ
แล้วคุณจะเป็นดวงดาวที่เปล่งประกายเจิดจ้าอยู่บนฟากฟ้าตราบนิรันดร์ โดยไม่มีวันที่จะร่วงหล่นตกลงสู่พื้นดินเฉกเช่นดาวตกดวงนั้นอีก
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
รู้สึกเหมือนนานเหลือเกินที่ไม่ได้มองดาว มองชีวิต และมองท้องฟ้าสวยๆ แบบนี้....บางที...อาจเป็นความคิดของเจ้าของบันทึกนี้...กำลังยิ้ม...ท้องฟ้าจึงได้สวยงามปลอดโปร่งถึงเพียงนี้...ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะแวะมาชมบันทึกที่มีคุณค่าความสุขและรอยยิ้มมีได้เสมอแม้จะแฝงเร้นอยู่ในความมืดมิด
สวัสดีครับ คุณหมออดิเรก(ทิมดาบ)
* ที่จริงท้องฟ้าสดใสทุกวันนะครับ เพียงแต่อาจมีบางช่วงที่มีเมฆหมอกมาบดบังเอาไว้ ทำให้เราไม่สามารถมองเห็นท้องฟ้าและดวงดาวที่กำลังเปล่งประกายเจิดจ้าได้ดังใจปรารถนา
** ขอให้คุณหมอนอนหลับฝันดีทุกๆ คืนนะครับ
สวัสดีครับ คุณหมูจ๋า
ยินดีที่ได้รู้จัก และขอบคุณมากๆ เลยครับ ที่กรุณาแวะเข้ามาเยี่ยมและทักทาย