เช้าวันที่ ๑๑ มิ.ย. ๕๕ ผมฟังสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยโดยบังเอิญ เพราะติดพันมาจากฟังสถานี วีโอเอ เมื่อฟังสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยไประยะหนึ่ง ก็รู้สึกว่าผมกำลังรับฟังการโฆษณาหาเสียงเพื่อประโยชน์ของรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีเป็นหลัก ไม่ใช่ข่าวสารเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั่วไปเป็นหลัก
สติบอกผมว่า รัฐบาลไหนๆ ก็ทำอย่างนี้ทั้งนั้น หรืออาจกล่าวว่า ไม่ว่าสมัยไหน สถานีวิทยุแห่งประเทศไทยก็เป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลทั้งนั้น ข่าวที่เขากระจายก็มีทั้งส่วนจริงและส่วนมายา
ผมเห็นใจอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ว่าหากเขาไม่จัดการให้เป็นอย่างนี้ เขาก็โดนย้าย เขาต้องสร้างความพอดี ระหว่างการรับใช้บ้านเมือง กับการรับใช้รัฐบาล
พอดีผมกำลังอ่านหนังสือ The Price of Inequalityที่ชี้ให้เห็นความบิดเบี้ยวของระบบต่างๆ ในโลก ย้ำว่าในโลกนะครับ ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย ทำให้ตระหนักว่า กลไกของระบบต่างๆ มันถูกจัดให้รับใช้คนส่วนน้อย ไม่ใช่รับใช้คนส่วนใหญ่ ระบอบที่เราเรียกว่าประชาธิปไตยเป็นมายา ไม่เป็นประชาธิปไตยจริง เพราะประชาธิปไตยที่แท้ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ หรือ the 99% แต่ในโลกยุคปัจจุบัน ระบอบที่อ้างตัวว่าเป็นประชาธิปไตย มุ่งผลประโยชน์ของ the 1%
ที่จริงสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยเป็นเพียง “บุคลาธิษฐาน” ของกลไกต่างๆ ในสังคม ที่ถูกมายาบิดเบือนให้ทำเพื่อประโยชน์ของคนบางคนหรือคนส่วนน้อย ที่มีความฉลาดหรือกลไกที่ดูดี ดูเหมือนมุ่งประโยชน์ส่วนรวม แต่จริงๆ แล้วกำลังทำเพื่อตนเองเป็นหลัก
การโฆษณากลายเป็นมายา เป็นสิ่งที่ผู้คนต้องมีสติกลั่นกรอง เพื่อจะไม่ตกเป็นเหยื่อของการโฆษณาชวนเชื่อ
การศึกษาในยุคปัจจุบันต้องฝึกพลเมืองไทยให้มีทักษะกลั่นกรองข่าวสารในสังคม ทำความเข้าใจ “สาระที่แท้” ไม่ตกเป็นเหยื่อของ “สาระแอบแฝง”
วิจารณ์ พานิช
๑๑ มิ.ย. ๕๕
ÄÄÄ..การที่จะไม่ตกอยู่ใน..อำนาจ..ของการโฆษณา..นั้นคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก..เพราะผู้โฆษณาใช้หลักจิตวิทยา..ที่ฝึกฝนกันมาอย่างช่ำชอง..ราวกับ..ชาวยุทธจักรชาวเหลียง...ทางเบี่ยง..คงสร้างยาก..นอกจาก...ยุทธเดียวกัน..เกลือจิ้มเกลือ...(ยายธี)