ข้าพเจ้า...ใคร่ครวญในตนเองต่ออาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นร่วมในสามสัปดาห์ที่ผ่านมา หากไม่สังเกตจะไม่มีใครทราบว่ากระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในดำเนินไปอย่างไร
เริ่มทานมังสวิรัติไม่ทานเนื้อสัตว์เมื่อปี ๔๘ หลังจากนั้นก็ไม่เป็นไข้ เป็นหวัดเลย จนมาเมื่อปลายปี ๕๔ ต้นปี ๕๕ เริ่มทานเนื้อสัตว์ พอมากลางปีนี้ (เดือน กค นี้)เป็นหวัดมีน้ำมูก ไข้ ไอมา ๓ ครั้งแล้ว
หากเป็นหลายปีก่อนจะกอดแน่นกับ สัจจะเป็นที่ตั้ง...ของใจ ที่อาจดูเหมือนแบบผิดๆ ... เช่น ตั้งสัจจะว่าจะไม่ใช้ยาและการรักษาในแนวทางของแผนปัจจุบัน แต่จะใช้วิธีการตามธรรมชาติ
จนมาเมื่อหลายวันเกิดข้าพเจ้าได้มองเห็นความโง่เขลาของตนเอง
ที่ดึงดันจะใช้ "Meditation Therapy" แทนยา แต่ปัญญาไปเกิดตอนที่หลวงปู่ท่านเมตตาทำให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า แม้แต่องค์ท่านในบางประเด็นท่านก็ให้โอกาสแพทย์ถวายการรักษาแด่ท่าน
แล้วข้าพเจ้าเล่า ปัญญาบามีเท่าขี้ผง...จะอาจหาญไปเลิศหล้ากว่าท่านได้อย่างไร ตราบที่ยังเป็นผู้เดินทางและฝึกฝนตามรอยท่านอยู่
จึงมาพิจารณาใคร่ครวญใหม่ว่า
"วิถีธรรมชาติ" นั้นเหมาะต่อการดำเนินไปในระบบสุขภาพในมิติของการป้องกัน
แต่เมื่อเหตุมันเกิดขึ้นแล้ว...ก็ต้องอาศัยปัญญาจากการรักษาแผนปัจจุบันควบคู่ไปด้วย ประกอบกับที่พักมาคลอดสัปดาห์ไม่เห็นผล และสัปดาห์ต้องออกเดินทางอีกครั้ง...จึงตัดสินใจยอมรับความกรุณาจากน้องหนิง (สุปรานี รวมธรรม) และ น้องหนุ่ย (Ployrung Jansam) ที่ให้ความอนุเคราะห์และคุณหมอสิทธิ์ (พิสิทธิ์ จันทร์สาม ) ที่ให้ความกรุณาตรวจรักษาและยืนยันในอาการที่ข้าพเจ้ามองและพิจารณาตนเอง
ตื่นมาเช้านี้...
ได้ผลอาการดีขึ้น ...
และก็ยังคงทำงานเพื่อ สัจจะเป็นที่ตั้ง...ของใจ ต่อไป
ขอบพระคุณและอนุโมทนาบุญในความเมตตาและกรุณาทุกท่าน
แต่...วิถีชีวิตก็ยังคงดำเนินไปตามแนวทางธรรมชาติ และน่าจะเป็นการผสมผสานให้หาความสมดุลย์ที่ลงตัวในชีวิตที่ไม่ใช่การสุดโต่งอย่างไร้ปัญญาต่อไป
แต่อย่างไร้ก็ตามในสัจจะที่ตั้งไว้ ก็ยังไม่ใช้การฆ่า เช่น ยา antibiotic ข้าพเจ้าก็ไม่ใช้ให้กระบวนการเยียวยาด้วยตนเองร่วมกับ "Meditation Therapy" และวิถีธรรมชาติต่อไป
...
๒๐ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๕
อนุโมทนาบุญกับอุบาสิกานิภาพร นี่แหละคือทางแห่งการพ้นทุกข์ที่แท้จริง "อาตาปี สัมปะชาโน สติมา" สาธุ สาธุ