“หุ้นโรงพยาบาล” : กลยุทธ์การลงทุนเพื่อต้อนรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2015


บทความนี้ ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2555 ซึ่งราคาหุ้นโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) อยู่ที่ราคา 55 บาท ตอนนี้ราคาได้เพิ่มขึ้นมาพอสมควรแล้ว จึงต้องระมัดระวังในการเข้าลงทุน

โดย เจริญชัย ไชยไพบูลย์วงศ์

ผู้จัดรายการวิทยุ "รู้ใช้เข้าใจเงิน" FM 96.5

 

ประชาคมอาเซียน (AEC) เป็นทั้งโอกาสและวิกฤตของประเทศไทย ดังนั้น การเลือกซื้อหุ้นที่จะได้ประโยชน์จะต้องมีความเข้าใจเชิงธุรกิจเป็นสำคัญ โดยเฉพาะการวิเคราะห์อุตสาหกรรมที่คนไทยมีความถนัด ก็ย่อมมีความได้เปรียบสูงที่จะปกป้องตลาดภายใน และก้าวรุกออกไปเอาชนะเพื่อนบ้านได้

“โรงพยาบาล” เป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่ไทยมีความเชี่ยวชาญแต่ไหนแต่ไรมา ดังนั้น ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจึงน่าจะให้ผลดีมากกว่าผลเสีย โดยเมื่อมีโรงพยาบาลจากภายนอกเข้ามาแข่งขัน โรงพยาบาลไทยก็น่าจะสู้ได้สบายมือ ยิ่งกว่านั้น ในขณะที่ธุรกิจอื่นอาจได้รับความสูญเสียเมื่อมีบริษัทจากประเทศอาเซียนเข้า มาตีชิงตลาด แต่ธุรกิจโรงพยาบาลกลับได้ประโยชน์เมื่อผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเหล่า นั้นจะเข้ามาใช้บริการโรงพยาบาลไทย ซึ่งมีคุณภาพระดับโลก แต่ค่าใช้จ่ายอยู่ในระดับเหมาะสม

อย่างไรก็ตาม การรู้ว่าอุตสาหกรรมไหนกำลังมา ไม่ได้หมายความว่าจะได้กำไรจากการลงทุน เพราะสุดท้ายก็ต้องตัดสินกันว่าจะซื้อหุ้นได้ถูกตัวหรือไม่ โดยหุ้นที่ดีที่สุดอาจจะมีราคาสูงกว่าหุ้นที่ดีธรรมดาถึง 3-4 เท่าได้เลย

1. สินค้าและบริการที่ดีกว่า ในราคาที่ถูกกว่าคาดหมาย

หุ้นดีที่จะวิ่งขึ้นไป 5-10 เท่า ภายในเวลา 5 ปี ไม่จำเป็นต้องไร้ชื่อเสียงเรียงนามอย่างที่คิด หากทว่าเป็นหุ้นดีที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว โดยอาจมีราคาเพิ่มขึ้นมา 2 เท่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หากทว่าราคาก็ยังไม่สะท้อนผลกำไรในอนาคต

เหตุผลที่ราคายังไม่สะท้อนผลกำไรก็คือ หุ้นเหล่านี้มักจะผลิตสินค้าคุณภาพ ในราคาที่เหมาะสม จึงทำให้ได้กำไรดีแต่ไม่หวือหวามากนัก หากทว่าเมื่อความคุ้มค่าของสินค้าและบริการเริ่มทำให้ลูกค้าเก่ามีความภักดี ลูกค้าใหม่เริ่มทะยอยเข้ามาเป็นระยะ ก็จะทำให้ผลประกอบการก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) เป็นหุ้นที่เข้าข่ายสินค้าและบริการที่ดีเลิศ ในราคาที่เหมาะสม ซึ่งในจุดนี้หลายคนอาจจะแย้งในใจว่าโรงพยาบาลนี้ดีจริง แต่ราคาไม่ถูกเลย แต่ต้องอย่าลืมว่าจุดขายของโรงพยาบาลนี้ไม่ได้เน้นที่ตลาดระดับล่าง หากเป็นคนไทยและคนต่างชาติที่ร่ำรวย โดยเฉพาะเมื่อมีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2015 ก็ย่อมเป็นโอกาสในการขยายกิจการ หรืออย่างน้อยเมื่อมีนักธุรกิจจากอาเซียนเข้ามาตั้งกิจการในประเทศไทย นักธุรกิจเหล่านี้ก็ย่อมมีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าของโรงพยาบาล

ยิ่งกว่านั้น โรงพยาบาลยังได้อานิสงส์จากการโปรโมตการท่องเที่ยวของประชาคมอาเซียน ทำให้คนร่ำรวยในภูมิภาคนี้ที่อาจไม่เคยสนใจอาเซียนได้เริ่มเข้ามาท่องเที่ยว จึงทำให้โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์มีโอกาสเป็นที่รู้จักของคนรวยในภูมิภาคอาเซียน มากยิ่งขึ้น

2. หุ้นดีจะไม่รีบขยายกิจการ หากจะทดลองนวัตกรรมใหม่จนมั่นใจแล้วจึงเติบโตยิ่งใหญ่

เหตุที่หุ้นดีเลิศมักจะมีราคาสูงขึ้นทีละน้อย จนกระทั่งวันหนึ่งก็กระโดดขึ้นไปไม่หยุดยั้ง บางทีสูงขึ้นไป 5-10 เท่าภายใน 2-3 ปี โดยไม่มีวี่แววให้คาดเดาได้มาก่อนเลย ก็เนื่องจากว่า ผู้บริหารของธุรกิจที่ดีเลิศ จะไม่รีบขยายกิจการอย่างรวดเร็ว หากจะมีช่วงเวลา “ทดลองนวัตกรรม” เพื่อให้เกิดความแน่ใจ เพื่อปรับปรุงในส่วนที่บกพร่อง เพื่อต่อเติมในส่วนที่ดีอยู่แล้ว ดังนั้นในช่วงนี้หุ้นจะไม่ได้มีผลกำไรดีแบบผิดหูผิดตา นักวิเคราะห์หุ้นอาจเห็นว่าผลิตภัณฑ์ที่ทดลองดีเยี่ยม แต่กลับทำกำไรให้ไม่มาก เพราะมีปริมาณการขายอยู่ในแวดวงที่จำกัด นักลงทุนที่เข้าไปซื้อหุ้นในช่วงเวลานี้จะมีอาการผิดหวัง ที่ราคาหุ้นไม่ขึ้นไปสักที

ครั้นเมื่อการทดลองเสร็จสิ้นแล้ว หุ้นเหล่านี้ก็จะนำนวัตกรรมที่พิสูจน์ว่าใช้ได้ผลดีเลิศ ขจัดจุดบกพร่องไปแล้วมากมาย เข้าสู่ตลาดอย่างเต็มตัว เมื่อถึงตอนนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ที่เคยต้องเสียเวลารอคอยที่ยาวนาน ก็จะรู้สึกว่าหุ้นของบริษัทนี้ไม่มีอะไรใหม่ นวัตกรรมก็เหมือนเดิม หุ้นดีแบบนี้ก็คงขึ้นไปเรื่อยเหมือนที่เคยเป็นมา ไม่มีอะไรโดดเด่นแตกต่าง

นี่จึงเป็นโอกาสของนักลงทุนชั้นเลิศ ที่จะเข้าไปลงทุนในหุ้นนี้ตั้งแต่อยู่ในช่วงปลายของ “ระยะทดลองนวัตกรรม” เพื่อที่จะถือยาวไปถึงช่วงที่ขยายกิจการสำเร็จเติบโตยิ่ง

5 ปีที่ผ่านมา BH ได้มีประสบการณ์ทดลองเปิดกิจการร่วมกับโรงพยาบาลในต่างประเทศ รวมถึงการขยายพื้นที่ให้บริการภายในโรงพยาบาลเดิม ซึ่งน่าจะสุกงอมประสบการณ์ทั้งความสำเร็จและล้มเหลวในระดับหนึ่งแล้ว จึงน่าจะพร้อมในการขยายกิจการอย่างเต็มที่

ล่าสุดก็มีโครงการจะขยายโรงพยาบาลแห่งที่ 2 ซึ่งน่าจะใช้เวลาประมาณ 4 ปีในการเปิดให้บริการ ถึงแม้จะเป็นเวลาที่ยาวพอสมควร แต่ราคาหุ้นก็อาจจะสะท้อนขึ้นไปก่อนได้เสมอ เพราะหุ้นตัวนี้ได้สั่งสมคุณค่ามาหลายปีแล้ว

การเข้าลงทุนในช่วง 1-2 ปีนี้ จึงอาจไม่เร็วเกินไป เพราะเราไม่รู้ว่าเมื่อไรหุ้นจะขึ้นไปแบบก้าวกระโดด เพราะถึงตอนนั้นแม้ว่าดีจริง แต่เราอาจไม่กล้าเข้าไปตามซื้อก็เป็นได้

ที่สำคัญ หุ้นได้ผ่านช่วงเวลาทดลองนวัตกรรมมาระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้น การเข้าลงทุนในช่วงนี้ จึงได้กำไรเวลามากกว่านักลงทุนที่เข้าลงทุนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

3. ผู้บริหารธุรกิจชั้นเลิศจะมีวิสัยทัศน์ที่ดี แต่ไม่หวือหวาสร้างวิมาน

ธุรกิจเป็นเรื่องของความเสี่ยงอยู่เสมอ หากทว่าการไม่กล้าเสี่ยงก็ย่อมไม่มีวันร่ำรวย ดังนั้น นักธุรกิจที่ดีจึงไม่ได้มีบุคลิกที่อนุรักษ์นิยม ไม่กล้าคิดนอกกรอบ ขณะเดียวกันก็จะไม่มีความฝันที่หรูเลิศเกินไป หากทว่าอยู่กับความเป็นจริงของโลกการแข่งขันที่โหดร้าย

ธุรกิจที่ดีจึงต้องมีช่วงเวลา “ทดลองนวัตกรรม” เพื่อให้เกิดการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับตลาด (Product Devolopment) แล้วจึงค่อยกระโจนเข้าสู่ตลาดอย่างเต็มที่

ธุรกิจที่แย่คือ ธุรกิจที่มั่นใจในตัวเองมากเกินไป เมื่อค้นพบนวัตกรรมใหม่ ก็จะลงทุนไปเต็มร้อย โดยไม่ได้พิจารณาความซับซ้อนของพฤตกรรมผู้บริโภค ที่มีความละเอียดอ่อนและไม่แน่นอน เมื่อถึงคราวดีก็ร่ำรวยกันไป หากเมื่อย่ำแย่ ก็ทำให้กำไรที่เคยได้รับกลายมาเป็นขาดทุน หรืออาจถึงขั้นต้องปิดกิจการลง

BH จึงเป็นหุ้นโรงพยาบาลที่น่าสนใจมาก เพราะผู้บริหารไม่กระทำตัวหวือหวาสร้างกระแส หากทว่าก็มีนวัตกรรมและการปรับปรุงคุณภาพออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนว่าผู้บริหารก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ปล่อยให้คู่แข่งก้าวล้ำหน้าไป หากทว่าก็ไม่ถึงกับต้องทุ่มทุกอย่างเพื่อให้ตามคู่แข่ง โดยไม่รักษาสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท ไม่เผื่อใจไว้บ้างว่าลูกค้าจะไม่ตอบรับ

ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จึงเป็นโอกาสของหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลที่จะได้รับประโยชน์ 2 เด้ง คือ การขยายกิจการไปยังต่างประเทศ และการแสวงหาลูกค้าใหม่จากนักธุรกิจที่เข้ามาเปิดกิจการในประเทศไทย โดยเฉพาะ BH เป็นหุ้นที่ได้มีช่วงเวลา “ทดลองนวัตกรรม” ในต่างประเทศมาพอสมควรแล้ว ที่สำคัญยังมีประสบการณ์กับลูกค้าต่างชาติมาอย่างยาวนาน จึงมีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะก้าวกระโดดในระหว่างช่วงเวลา 5 ปีนับจากนี้

สิ่งที่ต้องระวังในการลงทุนหุ้น BH มีเพียงประการเดียว คือ การเข้าซื้อหุ้นจากนักลงทุนรายใหญ่ โดยหากเป็นการลงทุนแบบไม่แทรกแซงการบริหารก็ย่อมไม่มีผลอันใด แต่หากเข้ามายุ่งเกี่ยว ก็ต้องประเมินกันต่อไปว่าจะส่งผลดีหรือผลเสียมากกว่ากัน เพราะไม่แน่เสมอไปว่าการเข้ามาของรายใหญ่จะเป็นผลลบเท่านั้น

BH สร้างตัวขึ้นมาถึงวันนี้ได้ ไม่ใช่เพียงแต่มีแพทย์ชั้นเลิศจากทั่วทุกสารทิศเท่านั้น หากทว่ายังต้องพึ่งพาระบบบริหารงานชั้นเลิศอีกด้วย ซึ่งถ้ามีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร ก็จะต้องจับตามองให้ดี เพราะมิเช่นนั้นหุ้นที่ดีเลิศ ก็อาจจะกลายเป็นแค่หุ้นดีที่ให้ผลตอบแทนแบบปกติธรรมดาเท่านั้น

หมายเลขบันทึก: 494982เขียนเมื่อ 16 กรกฎาคม 2012 15:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 กรกฎาคม 2012 00:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เป็นบันทึกที่น่าอ่านมากครับ...และมีช่องทางในการพัฒนาต่อไปครับ...อาจารย์สบายดีนะครับ

สบายดีครับ หวังว่าบทความนี้จะสร้างความรื่นรมย์ให้เหมือนที่ผ่านมานะครับ

สวัสดีค่ะ

ในด้าน fundamental ดูเป็นการลงทนที่น่าสนใจค่ะ ตามท่ีอธิบายมา โอกาสในการขยายตัวทั้งในและต่างประเทศมีมากขึ้น ต้องดูตัวเลข value และ tecnical อีกที หากเป็นการลงทุนระยะยาวคิดว่าน่าสนใจค่ะ แต่ผ่านตามีการขายหุ้นให้บริษัทต่างประเทศไปไม่น้อยไม่กี่วันมานี้นะคะ หวังว่าคงไม่มีการเปลี่ยนผู้บริหารดังที่กล่าวมาค่ะ ดีใจจังมีคนมาวิเคราะห์หุ้นดีดีให้ฟังด้วยค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท