KM00106 : IF.....THEN.....ELSE


จงอย่าไปสรุปเหตุการณ์ต่างๆ อย่างง่ายๆ จงกลับมาพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมี "สติ" และใช้ "ปัญญา" ไตร่ตรอง ก็อาจจะรู้และเข้าใจในเหตุและผลที่เกิดขึ้นครับ

IF.....THEN.....ELSE เป็นคำสั่งทางตรรกะ (Logic) ที่พบและใช้กันบ่อยในภาษาการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เช่น

 

IF น้ำหนักมากกว่า ๑,๐๐๐ กิโลกรัม THEN หยุด ELSE ไป

หมายความว่า ถ้าน้ำหนักมากกว่า ๑,๐๐๐ กิโลกรัม ให้หยุด ถ้าไม่ใช่ (ELSE) คือน้อยกว่า ๑,๐๐๐ กิโลกรัม ให้ไป (สมมุติว่าเป็นคำสั่งของลิฟท์) ดังนั้น หากมีน้ำหนักเพียง ๑,๐๐๐.๐๑ กิโลกรัม ก็ต้อง "หยุด" และหากมีน้ำหนัก ๙๙๙.๙๙ กิโลกรัม ก็ต้อง "ไป" เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นคำสั่งที่ระบบคอมพิวเตอร์ต้องทำตาม (อย่างไม่มีข้อแม้) เนื่องจากคอมพิวเตอร์ "คิดเองไม่เป็น" (ถึงแม้ใครจะบอกว่ามี AI (artificial intelligence หรือปัญญาประดิษฐ์ ก็ล้วนแต่เกิดจากการใส่คำสั่งที่ซับซ้อนของมนุษย์ลงไป)

วันนี้ผมยกตัวอย่างเรื่องนี้เพราะ วันก่อนมีน้องคนหนึ่งมาบ่นให้ผมฟังว่า "หัวหน้ามาต่อว่าๆ ปีที่แล้วไม่ทำอะไรผลงานกลับออกมาดี ปีนี้ทำตามขั้นตอนทุกอย่างทำไมผลงานจึงออกมาไม่ดี" "พี่ครับผมไปต่อไม่ถูกเลย" วิธีคิดแบบนี้ผมจึงเปรียบได้กับการคิดแบบตรรกศาสตร์ (ทำแล้วต้องได้อย่างนั้น) หรือการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แม้แต่เราเองก็อาจเคยคิดแบบนี้ครับ เช่น "มาทางนี้รถติดเลยเห็นไหม รู้นี้ไปทางโน้นดีกว่า" ทั้งที่เราก็ไม่อาจรู้ได้ว่าเมื่อไปอีกทางรถจะไม่ติด แต่ก็คิดว่าน่าจะดีกว่าสิ่งที่ทำอยู่ ทั้งที่มาทางนี้แล้วรถติดอาจเป็นเพราะมีอุบัติเหตุข้างหน้า เป็นเรื่องที่ไม่สามารถคาดคิดได้ว่าจะเกิด

 

วิธีคิดแบบที่ว่านี้ผมคิดว่าเป็นวิธีคิดที่ "บ่อนทำลาย" ความรู้สึกของผู้ปฏิบัติงานอย่างมาก เพราะสำหรับผมแล้ว "เป้าหมาย" ก็มีส่วนสำคัญ แต่ "กระบวนการก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน" หากคิดว่า "กระบวนการที่ทำเป็นสิ่งที่ถูกต้อง" และ "ดีงาม" อยู่แล้ว ก็ควรมาวิเคราะห์หาสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เรา "ไปไม่ถึงเป้าหมาย" ด้วย เช่น เราทำดีแล้วแต่คนอื่นเขาอาจทำดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกัน แทนที่จะไปโทษสิ่งที่เราทำ ก็จะมองเห็นข้อที่เราควรต้องปรับปรุงแก้ไขมากกว่า

 

การคิดแบบ IF.....THEN.....ELSE จึงไม่ควรนำมาใช้กับการตัดสินใจในการกระทำของใครหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เราคงเคยได้ยินหลายคนชอบพูดว่า "ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป" คนคิดแบบนี้คือคนที่คิดแบบ IF.....THEN.....ELSE หวังว่าทำดีแล้วจะได้ดี โดยลืมไปว่าโลกนี้ยังมีเรื่องของ "กรรม" เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และสุดท้ายก็ไปโทษว่าการ "ทำดี" ไปก็ไม่มีประโยชน์

 

พระพุทธเจ้าสอนเรื่อง "กรรม" ที่จริงๆ แล้ว ก็เป็น IF.....THEN.....ELSE เหมือนกัน เพราะทรงสอนว่า "ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องรับผลกรรมชั่วนั้น" แต่ขณะเดียวกันก็ทรงสอนว่า "เรื่องกรรมเป็นอจินไตย" ด้วย คือยากที่มนุษย์ปุถุชนอย่างเราจะเข้าใจ หากเป็น IF.....THEN.....ELSE  ก็เป็นตรรกะที่ทับซ้อนและซับซ้อนกันไปมาก เกินกว่าที่จะอธิบายมันได้ ดังนั้น จงอย่าไปสรุปเหตุการณ์ต่างๆ อย่างง่ายๆ จงกลับมาพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมี "สติ" และใช้ "ปัญญา" ไตร่ตรอง ก็อาจจะรู้และเข้าใจในเหตุและผลที่เกิดขึ้นครับ

คำสำคัญ (Tags): #km
หมายเลขบันทึก: 494827เขียนเมื่อ 14 กรกฎาคม 2012 23:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 กรกฎาคม 2012 23:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท