วันนี้ช่วง ๑๕.๓๐ - ๑๘.๓๐ น.
ครูวุฒิได้เดินทางไปนมัสการพระอาจารย์สุขสัญญา กตปุญโญ เจ้าอาวาสวัดโนนสำราญ
ซึ่งท่านเป็นทั้งที่ปรึกษาองค์กรชุมชน และ ประธานเครือข่ายประชาสังคมตำบลโคกเพชร (ฝ่ายศาสนจักร)
และร่วมบรรยายเรื่อง "กสิกรรมแบบเกื้อกูล" กับครูวุฒิที่ ร.ร.ขุขันธ์ราษฎร์บำรุง เมื่อวานนี้
จึงมีภาพตัวอย่างและความก้าวหน้าของ "กสิกรรมเกื้อกูล" แบบ "ไร่ป่านาสวน" มาฝาก
(กอข้าวกอหนาท่าทางแข็งแรง อยู่ร่วมกับป่ายางนาได้สบายๆ บ่งบอกความเป็นไร่สวนนาป่าของจริง)
(ป่าต้นแดง แซมด้วยกอข้าวที่ยังเล็กนี้ อายุเพียงปีเศษๆ เท่านั้น)
(ต้นไม้ทุกต้นถูกปลูกและดูแลเอาใจใส่อย่างพิถึพิถัน เช่นเดียวกับแม่ผู้อารีย์เลี้ยงลูกด้วยหัวใจและจิตวิญญาณ)
(ผสมผสานด้วยพืชผักสวนครัวไร้สารพิษ หลายหลากมาชนิด)
(ระบบนิเวศน์เริ่มสมบูรณ์ทุกตารางนิ้ว มดแดงทำรังอยู่ทุกต้น)
(ด้านข้าง ด้านหลังศาลาโรงธรรม ก็ปลูกปอ ตะเคียนทอง ราชพฤกษ์ที่ถูกห่อด้วยพลูอีกชั้น)
(มองมุมไหนๆก็ชื่นตาชื่นใจไปทั้งสิ้น เป็นอีกครั้งที่ถ่ายรูปไม่เบื่อ)
ซึ่งถึงวันนี้
เป็นเวลาเพียง ๒-๓ ปีเศษเท่านั้น
ที่พระอาจารย์มาจำพรรษาในฐานะเจ้าอาวาสที่นี่
"วัดโนนสำราญ" ของหมู่บ้านเล็กๆไม่ถึง๘๐ หลังคาเรือน
ที่เคยเงียบเหงา โล่งเลี่ยน และอยู่นอกสายตาสาธุชนทั่วไป
ก็กลับมาเขียวขจี ร่มรื่น และมีชีวิตชีวาอย่างเห็นได้ชัด
สมเป็นวัดที่ท่านเจ้าอาวาสและชาวบ้านมีหัวใจสีเขียวจริงๆ
(ไม้เล็กที่เพิ่งเพาะ-เพิ่งปลูก ท่านดูแลเอาใจใส่อย่างดี)
แต่อย่างไรก็ตาม
ไม้งามรุ่นๆที่กำลังโตวันโตคืนนั้นก็พอวางใจได้
แต่ด้วยเป้าหมายที่ท่านเจ้าอาวาสวางไว้ว่า
อยากเร่งสร้างวัดแห่งนี้เป็น "ศูนย์บำบัดทุกข์บำรุงสุข"
ทั้งทางกาย ทางจิตใจ และทางเศรษฐกิจ ของพุทธศาสนิกชนทั้งใกล้-ไกล
เพราะท่านเห็นทุกข์ของผู้คนนับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน จะรอช้ามิได้
ท่านจึงอยากเร่งปลูกต้นไม้พร้อมจัดระบบ "กสิกรรมเกื้อกูล" แบบ "นาป่า"
หรือ "ไร่ป่านาสวน" ตามแบบฉบับของ "มหาวิชชาลัยธรรมชาติ"
ให้สมบูรณ์พูนผลเป็นรูปเป็นร่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ท่านจึงร่วมกับพระในวัดซึ่งมีอยู่เพียง ๔ รูป(รวมตัวท่านเอง) พร้อมด้วยโยมแม่ของท่านเร่งปลูกและดูแลอย่างเต็มที่
โดยในส่วนของชุมชนก็ช่วยท่านอย่างเต็มกำลัง
แต่ด้วยความจำเป็นในการหาเลี้ยงชีพ ชุมชนจึงช่วยท่านได้เพียงในวันธรรมสวนะเป็นส่วนใหญ่
นอกนั้นท่านพร้อมด้วยพระลูกวัด(อายุมากพอควร) และโยมแม่ของท่านก็ลุยเองทั้งสิ้น (โยมแม่ของท่านมาปฏิบัติธรรมและปวารณาตัวเป็นผู้ช่วยดูแลต้นไม้ในวัดอีกแรงหนึ่ง ซี่งท่านบอกว่าเป็นการถือโอกาสออกกำลังกายไปในตัวด้วย)
ยิ่งในส่วนตัวของท่านเองนั้น กลางวันต้องออกพระธรรมฑูตและสอนศีลธรรมในโรงเรียนทั้งละแวกใกล้เคียง และต่างอำเภอ
ดังนั้น ส่วนใหญ่ท่านจึงต้องรดน้ำและดูแลต้นไม้ในช่วงที่ดวงอาทิตย์เลยลับขอบฟ้าไปแล้ว
(ระบบน้ำรดต้นไม้และที่ใช้ในวัด ต้องเดินระบบมาจากทุ่งนาหลังวัด เพราะน้ำใต้ดินในพื้นที่บริเวณวัดเป็นน้ำครำสนิมเหล็ก)
(พระลูกวัดและโยมแม่ของท่าน กำลังทำงานตามกำลังและคำสั่งจากหัวใจ)
ซึ่งกระผมเลยถือโอกาสเรียนแจ้งข่าวบอกบุญบอกกุศลพี่น้องชาว G2K ด้วยบันทึกนี้ว่่า
หากท่านใดอยากร่วมสร้างกุศลด้วยการช่วยปลูกและดูแลต้นไม้ในศาสนสถานแห่งนี้ ซึ่งยังมีพื้นที่ที่ต้องปลูกอีกกว้างพอควร
ก็แจ้งความจำนงได้โดยตรงที่ท่านอาจารย์พระมหาสุขสัญญา กตปุญโญ เจ้าอาวาส
หมายเลขโทรศัพท์ ๐๘๙-๙๐๓-๕๖๓๙ พระอาจารย์ท่านคงไม่ขัดศรัทธา
โดยเฉพาะพี่น้องท่านที่อยากปลูกต้นไม้ แต่ไม่ค่อยมีที่ปลูก อยากปลูกต้นไม้ แต่ไม่ใคร่มีเวลา
จะปลูกผ่านพระสงฆ์องคเจ้า หรือจะช่วยอุปถัมภ์ฝากท่านหาคนช่วยปลูกและดูแลต้นไม้ ประเภท ยางนา ตะเคียนทอง สักทอง ประดู่ แดง มะค่า กันเกรา พันชาติ ฯลฯ
ที่อนาคตต้องเติบใหญ่ให้ประโยชน์เป็นคุณอเนกอนันต์ ทั้งแก่โลกและผู้คนทั่วไป ก็คงจะดีไม่น้อย
ส่วนจะเป็นรูปแบบใดๆนั้น ก็ขอให้ขึ้นอยู่กับศรัทธา ความสะดวก และความพึงใจของพี่น้องก็แล้วกันนะครับ
(เรื่องนี้ท่านไม่ได้บอก เป็นความคิดของครูวุฒิเอง โดยในส่วนตัวก็ตั้งใจไว้ว่าจะได้พาเด็กๆไปช่วยท่านเป็นระยะๆ และถือโอกาสฟังธรรมจากท่าน ซึ่งท่านมีเทคนิควิธีการเทศที่แยบคาย มีกุศโลบายที่แยบยล พร้อมวจนอันสุนทร และสื่อประกอบการเทศนาที่เข้าถึงซึ่งส่วนลึกของจิตใจผู้ฟังจริงๆ และถือเป็นการทำบุญตามแนวของท่านดาบฯวิชัย สุริยุทธ ที่ว่า "การปลูกต้นไม้ เป็นการทำบุญที่ถูกต้องที่สุด" ด้วย)
..........................