การศึกษาไทยในฝันของพยาบาลคนนี้ ^^


หัวข้อนี้หนึ่งไม่มีความรู้จริงๆค่ะ แต่ขอร่วมเขียนบันทึกด้วยคน สำหรับตัวหนึ่งเองเป็นพยาบาลวิชาชีพตัวน้อยๆคนนึง ไม่ได้เป็นครูหรืออาจารย์ หลายบันทึกได้เขียนถึงระบบการศึกษาไทยเอาไว้เยอะแล้ว หนึ่งขอเขียนในส่วนที่หนึ่งได้สัมผัสมาก็แล้วกันนะคะ หนึ่งเห็นนักเรียนในปัจจุบันอีกทั้งในข่าวต่างๆแล้วสลดใจ หนึ่งไม่รู้นะคะว่าใครจะคิดอย่างไร บางคนอาจชิน และปลอบใจตัวเองว่าก็เทคโนโลยีก้าวหน้าไปเรื่อยๆ จะให้เด็กนักเรียนไทยเหมือนสมัยก่อนคงไม่ได้ แต่ส่วนตัวหนึ่งเองแล้วหนึ่งรู้สึกว่าน่าเสียดาย มันใช่หรือ? เป็นเพราะอะไรคะ

  • สมัยหนึ่งยังเป็นนักเรียน ตารางเรียนแต่ละวันจะมีคาบว่าง(ศึกษาด้วยตนเอง) ถึงแม้คาบว่างจะเป็นชั่วโมงสุดท้ายของวันนั้น แต่หนึ่งและเพื่อนๆทุกคนก็ไม่สามารถออกมาจากประตูโรงเรียนได้ก่อนเวลา ทำให้เราได้ทำการบ้านเสร็จตั้งแต่ก่อนกลับบ้าน บางวันก็ได้เล่นกีฬา แต่สมัยนี้หนึ่งพบเห็นนักเรียน(ในชุดนักเรียน พบได้ทั้งประถม มัธยม สายอาชีพ มีหมดค่ะ) เดินในห้างสรรพสินค้าบ้าง โรงหนังบ้าง ฯลฯ ในเวลาราชการที่เด็กนักเรียนควรเรียนหนังสือควรอยู่ในโรงเรียน คิดๆแล้วเด็กสมัยนี้คงต้องใช้เงินกันเยอะมาก เพราะแต่ละครั้งที่ไปดูหนัง หรือไปเดินห้าง หรือไปกินอาหารฟ้าดฟู้ดค่าใช้จ่ายสูง นักเรียนยังไม่มีรายได้ พ่อแม่คงต้องหาเงินเก่งๆและให้เงินเด็กไปโรงเรียนกันมากโขทีเดียว 
  • สมัยหนึ่งเป็นนักเรียน ผมทรงนักเรียนหญิงคือตัดสั้นพอดีกับติ่งหู ทรงเดียวกันหมดทุกคนไม่มียกเว้น ไม่ว่าจะผมตรง ผมหยิก ผมหยักศก นักเรียนชายทรงคล้ายๆทหารเกณฑ์ทุกคน ดังนั้นเด็กนักเรียนสมัยนั้นจึงไม่ต้องมาเสียเวลาเข้าร้านเสริมสวยเพื่อดัดผม ย้อมผม ยืดผม ทำสีผม เซ็ทผม ฯลฯ หน้าตาก็สวยน่ารักกันตามธรรมชาติและวัยจริงๆ แต่เดี๋ยวนี้นักเรียนแม้แต่เด็กประถม หนึ่งก็พบว่าย้อมสีผม ซอยผม สไลด์ผม ทรงแปลกๆแบบเกาหลี ญี่ปุ่น กันหมด ยังนึกสงสัยว่าผมที่สไลด์นั้นไม่แทงเข้าลูกตากันบ้างหรือไง จะอ่านหนังสือกันยังไง หรือว่านี่เป็นอีกเหตุผลนึงที่ตอบคำถามที่ว่าทำไมเด็กไทยอ่านหนังสือน้อยมากกกกกกกกกคะ? (ขำขำนะคะ อิอิ) ไหนจะเรื่องแต่งหน้าทาปากอีก เด็กนักเรียนจริงๆแล้ววัยแบบนี้ผิวหน้าจะใสปิ๊งๆๆๆๆอยู่แล้วโดยไม่ต้องเสริมแต่งเลย แต่กลายเป็นว่าโบ๊ะแป้งซะหนาเตอะ ทาปากและแก้มแดงแจ๊ด (เด็กบอกว่าเป็นน้ำอุทัยทิพย์ไม่ใช่ลิปสติก) เห็นแล้วต้องอุทานในใจว่า นี่หรือนักเรียน 
  • อาจเป็นเพราะหนึ่งจบมาจากโรงเรียนสตรี แม้แต่เรื่องการนั่งพับเพียบง่ายๆเลย เวลานั่งพับเพียบต่อหน้าผู้ใหญ่ ต่อหน้าพระ เราถูกสอนมาว่าต้องพับเก็บปลายเท้าไปด้านหลัง และหากปวดเมื่อยมากจนทนไม่ไหวแล้วจริงๆเวลาจะเปลี่ยนท่าต้องใช้มือสองข้างยันพื้นพยุงตัวขึ้นแล้วพับขาทั้งสองข้างไปอีกทางแล้วเก็บปลายเท้าเช่นเดิม แต่สมัยนี้อย่าว่าแต่ต่อหน้าผู้ใหญ่เลย ต่อหน้าพระสงฆ์เด็กนักเรียนนุ่งกระโปรงสั้นเวลาเปลี่ยนท่าก็ยกขาขึ้นแล้วเปลี่ยนข้างทันทีโดยไม่เกรงว่าพระสงฆ์จะอาบัติกันเลยทีเดียว (นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องการแต่งกายที่ไม่ถูกกาละเทศะนะคะ วันก่อนไปเวียนเทียนที่วัด หนึ่งเห็นเด็กหญิงกลุ่มนึงนุ่งกางเกงขาสั้น คงเป็นเทรนใหม่วัยรุ่น ขอบอกว่าสั้นมากเพราะขอบขากางเกงนั้นเว้าขึ้นสูงกว่าเป้ากางเกงซะอีก แถมรูปร่างก็อวบอึ๋มกางเกงที่นุ่งก็ฟิตเปรี๊ยะ เสื้อที่ใส่ก็ติดกระดุมแทบไม่ได้ ดูแล้วตึงไปหมด รู้สึกอึดอัดแทน ยังนึกกังวลแทนว่าเวลาก้มกราบเกรงว่ากระดุมจะหลุดกระเด็นไปไกล แต่หน้าวัดและบริเวณวัดหนึ่งก็เห็นเค้าติดป้ายใหญ่ๆไว้ว่า ห้ามนุ่งสั้นเหนือเข่า สรุปคือต้องเอาผ้าซิ่นและเสื้อม่อฮ่อมที่ทางวัดเตรียมไว้มาสวมทับก่อนเข้าไปเวียนเทียน หลังเวียนเทียนก็ไปต่อกันประมาณนั้น ดังนั้นสถิติการเสียตัวคืนที่สูสีกับคืนลอยกระทงก็คงเป็นคืนวิสาขะบูชาอีกวัน อิอิ) เรื่องมารยาท เรื่องวินัยต่างๆก็เหมือนกัน เวลาหนึ่งเห็นนักเรียนสมัยนี้ทำให้หนึ่งอดที่จะตำหนิในใจไม่ได้ 
  • ปัญหาเด็กนักเรียนตีกันมีทั้งเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง คุ้นๆไหมคะว่านักเรียนตีกันเด็กไทยรับเอามาจากไหน หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น หนังเกาหลี(รึเปล่า) มีให้เห็นตลอดเกือบทุกเรื่องว่ามีแกงค์ยากุซ่าในโรงเรียน ถูกต้องหรือไม่ที่จะไม่มีการควบคุมสื่อเหล่านี้
  • ปัญหานักเรียนหญิงท้องก่อนวัยอันควร นำไปสู่การทำแท้งและปัญหาเด็กไร้บ้านอีกมากมาย โอ้!!ไม่จริง ประเทศไทยเปิดเสรีเรื่องเซ็กตั้งแต่เมื่อไหร่คะ (สังเกตว่าวัฒนธรรมตะวันตกที่ดีๆก็มีให้เห็นตั้งมากมาย แต่ทำไมเด็กไทยเลือกรับมาแต่สิ่งไม่ดี??)
  • นี่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น จริงๆมีอีกมากที่เห็นแล้วรู้สึกสลดใจ

การศึกษาไทยในฝันของหนึ่ง นโยบาย ระบบ การที่จะปฏิรูปการศึกษา การนำเทคโนโลยีมาใช้ ฯลฯ จะปรับเปลี่ยนหรือพัฒนามายังไงให้เหมาะกับสังคมไทยในปัจจุบัน แต่สำคัญคือไม่ควรลืมที่จะพัฒนาในเรื่องของจริยธรรม คุณธรรม วัฒนธรรมไทย มารยาทเบื้องต้นที่น่ารักของเด็กไทยที่ปัจจุบันที่แทบจะไม่ค่อยเห็นอีกแล้ว

ช่วยกันทำให้ความน่ารัก ความเป็นไทย ที่กำลังจะสูญหายไปจากเด็กไทย สังคมไทย กลับคืนมาอีกครั้งนะคะ 

ปล.ไม่แน่ใจว่าตรงประเด็นรึเปล่า แค่อยากระบายค่ะ ^^

คำสำคัญ (Tags): #การศึกษาไทย2020
หมายเลขบันทึก: 494747เขียนเมื่อ 14 กรกฎาคม 2012 01:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 กรกฎาคม 2012 23:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ถึงไม่มีความรู้เรื่องนี้.. แต่น้อง Hana ก็ยังเขียนตามความรู้สึกได้ดี สำหรับ kunrapee ไม่ค่อยรู้ (เหมือนกัน) เลยไม่ได้เขียน อิอิ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท