"ฉันตั้งความปรารถนาจะให้ผู้ที่มารับบริการทันตกรรมจากฉัน พ้นจากความทุกข์ ด้วยความพยายาม ความสามารถ และทักษะทั้งหมดเท่าที่มี
ฉันจะพยายามชี้แจงข้อมูล ขั้นตอน รวมทั้งทางเลือกในการรักษา และแนะนำผู้รับบริการเสมือนเป็นญาติสนิทของฉัน
ผู้คนรอบข้างจะไว้วางใจฉัน เพราะฉันจะปฏิบัติงานด้วยความสัตย์ ฉันจะหลีกเลี่ยงการโยนความผิดให้ผู้อื่น หรือสิ่งอื่น หากเกิดปัญหาในการให้บริการ
ฉันจะปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมงานด้วยความเอาใจใส่เสมือนกับคนในครอบครัว
ผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่และมีค่ามากกว่า ทรัพย์สิน หรือแม้แต่คำขอบคุณ คือการได้รับรู้ว่า สิ่งที่ฉันทำ มีความหมาย และช่วยสร้างความสุขให้กับเพื่อนมนุษย์"
การเป็นหมอ เป็นอาชีพที่ "เลือกที่จะทำดี" ได้ การทำความดีนั้นเริ่มขึ้นที่การกำหนดใจของเรา
รศ.ทพ.ดร.จีรศักดิ์ นพคุณ อาจารย์ที่ผมเคารพนับถือได้ให้โอวาทไว้เมื่อผมเป็น นิสิตทันตแพทย์ ปีสี่ ก่อนที่จะฝึกปฏิบัติงานในคลินิกไม่กี่วันว่า "จงใช้ชีวิตอย่างตรงไป ตรงมา"
หากมีโอกาสได้ฝึกตั้งแต่เป็นนักศึกษา น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ฝึกใจให้มีเมตตา ฝึกให้เกิดความรู้สึกว่า การประกอบวิชาชีพทันตกรรม เป็นการกระทำที่บำบัดทุกข์ให้กับผู้อื่น ผลลัพธ์หลักของการทำฟัน ไม่ใช่คะแนน ไม่ใช่เงินค่ารักษา หากแต่เป็นการทำสิ่งที่มีความหมาย และมีคุณค่าให้ผู้มาพึ่งเราได้มีความสุขทั้งทางกายและใจกลับไป
ปุถุชนยังเกลือกด้วยโลกียะ บางครั้งย่อมกระทบกับอารมณ์ด้านลบ อันมาจากความบกพร่องของเครื่องมือ ดินฟ้าอาการ หรือแม้แต่จากพฤติกรรมของผู้คนรอบๆ ตัว ผู้ยังไม่บรรลุธรรมคงยากที่จะทำใจให้มีพรหมวิหารได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ดี การฝึกทำฟันน่าจะเป็นโอกาสที่จะได้ "ตระหนักรู้" จิตของตัวเอง
ผมเชื่อว่าหลายท่านเคยไปหาหมอ ผมเชื่อว่ามนุษย์มีความไวพอที่จะรับรู้ได้ว่า หมอที่กำลังรักษาเราอยู่นั้น ตั้งใจแค่ไหน จริงใจแค่ไหน
ผมจะพยายามใช้บทภาวนาข้างต้น เพื่อเตือนสติตัวเองทุกครั้งก่อนเริ่มลงมือให้การรักษาผู้มารับบริการ ผมคิดว่า น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่จะช่วยให้หลายๆ อย่างดีขึ้น
ไม่มีความเห็น