ช่วงนี้ประเทศไทยมีความเสี่ยงหลายๆ ด้าน
เรื่องแรก ข่าวรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์พิจารณาอนุญาตให้รัฐบาลอเมริกันใช้สนามบินอู่ตะเภาเป็นข่าวใหญ่และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของชาติ
เบื้องหลังมีว่า อเมริกาเคยรุ่งเรืองเป็นมหาอำนาจในเอเชีย ช่วงหลัง 11 กันยายน ก็ต้องไปสนใจและแก้ปัญหาประเทศอื่นๆ ในอิรัก ในอัฟกานิสถาน ทำให้ทอดทิ้งเอเชีย ไปนาน
ช่วงดังกล่าวประเทศจีนแผ่อิทธิพลเข้ามามากขึ้นเพราะจีนเข้มแข็งในเศรษฐกิจและในทางการเมืองและการทหาร
โอบามาหันมาสนใจเอเชียมากขึ้นเพื่อคานอำนาจกับจีน
บทบาทของอเมริกาเพื่อสร้างความสมดุลในเอเชียทำอะไรกับไทยขอให้เน้น
-ทำด้วยความโปร่งใส
-ปรึกษาหารือให้ข้อมูลต่อคนไทย
-และทำงานร่วมกันกับทุกๆ ประเทศในเอเชีย เช่น ถ้าอเมริกาใช้อู่ตะเภาได้ จีนและเกาหลีก็มาร่วมใช้สนามบินได้ด้วย
ข่าวที่อเมริกาขอใช้อู่ตะเภา ต้องเจรจาอย่างโปร่งใสไม่ใช่มีวาระซ่อนเร้น ฝ่ายค้านและนักวิชาการที่เป็นกลางยังไม่แน่ใจและไม่เห็นด้วย
คนไทยมีความวิตกว่า บทบาทของคุณทักษิณที่อาจจะต่อรองกับรัฐบาลอเมริกา เพื่อตัวเองได้ประโยชน์จากการขอวีซ่าเข้าสหรัฐ ดังนั้นต้องระวังเรื่องเหล่านี้
-ท่าทีของมิตรประเทศอย่างจีนว่าเป็นอย่างไร?
-ถ้าจะทำต้องผ่านสภาผู้แทนฯ มาตรา 190
-และผลประโยชน์คือคนไทยกับอเมริกาได้รับร่วมกันไม่ใช่ผลประโยชน์แอบซ่อนเพื่อคุณประโยชน์ของคุณทักษิณเท่านั้น
รัฐบาลยิ่งลักษณ์มีแนวทางอย่างไรและจะเดินหน้าแบบโปร่งใสหรือทำเหมือนที่ถูกหลายฝ่ายโจมตีอยู่
ความเสี่ยงเรื่องที่ 2 ก็คือ ภาวะเศรษฐกิจโลก ถึงแม้ว่าผลการเลือกตั้งของกรีซจะช่วยให้ภาวะเศรษฐกิจโลกหายใจได้คล่องขึ้นช่วงหนึ่ง แต่ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจยุโรปยังอ่อนแอมากทำให้
-การส่งออกจากไทยไปยุโรปลดลง เป้าการส่งออกไม่ถึง 15% แน่ๆ
-การส่งออกของจีนและประเทศใน ASEAN มีแนวโน้มลดลง ทำให้ส่งออกจากไทยไปจีนและประเทศอาเซียนลดลง
-ผลกระทบจากยุโรปทำให้เศรษฐกิจจีนและอาเซียนอาจจะอ่อนแอลง
-นักท่องเที่ยวจากยุโรปซึ่งมีกำลังซื้อมากและมีการใช้จ่ายต่อหัวค่อนข้างจะดีก็จะมีแนวโน้มลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ปัจจัยลบทางเศรษฐกิจต้องมาดูว่าตลาดใหม่ (Emerging Markets) อย่างเอเชียหรือกลุ่มบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ จะแข็งแกร่งพอจะรองรับได้หรือไม่?
อเมริกาจะฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเพื่อจะช่วยยุโรปได้หรือไม่? คำตอบก็คือยังไม่พอเพราะการว่างงานก็ยังเป็นปัญหาอยู่โอบามายังหาทางออกให้เศรษฐกิจอเมริกายังไม่สำเร็จ
เรื่องเศรษฐกิจโลกคนไทยจึงต้องบริหารความเสี่ยงด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีความพอประมาณและเดินทางสายกลาง เพื่อให้อยู่รอดอย่างยั่งยืนต่อไป
นอกจากนั้น ความเสี่ยงการเมืองในไทยที่มีอยู่ตลอดเวลา พักรบแค่ช่วงปิดสภาประมาณเดือนกว่าๆ เท่านั้น ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองยังรุนแรงต่อไป
ความขัดแย้งดังกล่าวเกิดจากคุณทักษิณที่อยากให้รัฐบาลทำทุกอย่างเพื่อตัวคุณทักษิณเองและทำผิดกับคำมั่นสัญญาของพรรคเพื่อไทยว่าจะไม่นิรโทษกรรมตัวเองในการหาเสียง
ฝ่ายค้านไม่ได้ค้านการเป็นรัฐบาล รัฐบาลก็ยังดำเนินการไปได้ ดำเนินนโยบายปกติทางเศรษฐกิจและสังคม แต่ค้านในเรื่องที่นิรโทษกรรมและให้คนผิดและคนโกง
คำถามคือ คุณทักษิณจะตั้งหลักอย่างไรในช่วงเปิดสภาฯ
ในความเห็นของผมมี 2 ทางเท่านั้น
-สู้ต่อในช่วงเปิดสภาเดือนสิงหาคม
-หาทางออกที่พบกันครึ่งทางก่อนเปิดสภาฯ
คาดว่าคุณทักษิณคงรู้แล้วว่า ถึงจะมีเสียงข้างมากในสภาอาจจะสู้แบบวิธีเดิม จึงเป็นช่วงที่คุณทักษิณอาจหาทางออกที่พบในครึ่งทาง
ดังนั้นข่าวเรื่องส่งคนมาพบคุณสุเทพจึงเป็นเรื่องน่าจะเชื่อได้ ทำให้แกนนำเสื้อแดงออกมาต่อต้านกันเป็นขนานใหญ่เพราะกลัวจะเสียอำนาจ
ประเทศไทยจะหลุดพ้นจากคุณทักษิณอย่างไรจึงเป็นปัญหาที่น่าสนใจ
ในความเห็นของผม ความถูกต้อง ความดีคงจะชนะในที่สุด คนไทยก็จะพยายามก้าวผ่านคุณทักษิณไปได้เพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมาเป็นบทเรียนราคาแพงของคนไทยทุกคนไม่ว่าการประท้วงใช้ความรุนแรง การเผาบ้าน เผาเมืองเผาศาลากลาง ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน จะเป็นบทเรียนราคาแพงให้แต่คนไทยต้องคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ
ความเสี่ยงอีกเรื่องที่อยู่กับเราในระยะ 10 ปี ข้างหน้าคือการที่คนไทยต้องปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลง เข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2015 ซึ่งจะมองเลยไปอีก 10-20 ปีข้างหน้า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าคนไทยปรับตัวได้ การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนก็คงจะเป็นแรงกดดันทำให้ปัญหาบางอย่างในประเทศได้รับการแก้ไข
แต่การปรับตัวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การปรับตัวเรื่อง การเตรียมสร้างพัฒนาทุนมนุษย์ของคนไทยอย่างแท้จริง
ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่เพราะการเมือง เน้นระยะสั้น แต่การพัฒนาทุนมนุษย์ต้องทำระยะยาว
ผมมั่นใจว่าถ้าคนไทยทุกคนเห็นด้วยกับการพัฒนาทุนมนุษย์ ประเทศก็จะอยู่อย่างมั่นคงในระยะยาว
ดังนั้นการศึกษาของไทยจึงเป็นหัวใจในการพัฒนาทุนมนุษย์และรองรับความเสี่ยงของคนไทย เพราะความเสี่ยงหรือวิกฤติจะมาพร้อมโอกาส ซึ่งการพัฒนาทุนมนุษย์จะช่วยได้มากๆ
มิติแรกคือ พื้นฐานซึ่งมาจากทฤษฎี 8K’s
-คุณธรรม จริยธรรม
-ปัญญา
-เครือข่าย
- ความยั่งยืน
เมื่อมีทุนเหล่านี้ครบแล้วค่อยพัฒนาทุนมนุษย์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มคือ
-ความคิดสร้างสรรค์
-นำไปต่อยอดเรื่องนวัตกรรม
และสำคัญที่สุดก็คือค้นหารากเหง้าของคนไทยที่แตกต่างกับคนในโลก แม้กระทั่งคนในอาเซียนคือ ทุนทางวัฒนธรรม
คำถามคือ ใครในประเทศไทยจะเห็นด้วยและใครเป็นแนวร่วมช่วยกันจรรโลงประเทศต่อไป
ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ
[email protected]
www.gotoknow.org/blog/chiraacademy
แฟกซ์ 0-2273-0181
ไม่มีความเห็น