สุขภาวะถิ่นแพร่ น่าน ลำปาง : ๔. ในน้ำตาและความเหนื่อยยากมีพลังการเรียนรู้ที่งดงาม


การทำงานและดำเนินชีวิต รวมทั้งการถอดบทเรียนตนเอง และการนำเอาสิ่งต่างๆมาคิดให้แยบคาย เพื่อจัดระบบตนเองและหารูปแบบการช่วยกันรวมกลุ่มจัดการให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อที่จะได้ทำงานและใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งที่กำลังทำกันอยู่ ให้ตอบโจทย์ในชีวิตหลายอย่างได้ไปพร้อมกัน ทั้งเพื่อตนเอง เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อถิ่นฐานและถิ่นอาศัย เพื่อเด็กและอนุชนรุ่นหลัง ที่สมาชิกผู้เข้าร่วมเวทีได้นำมาเรียนรู้ตนเองเหล่านี้ ทำให้ผมนึกไปถึงวาระ Agenda 21 ที่วงวิชาการและเครือข่ายสร้างนโยบายร่วมกันของกลุ่มประเทศสมาชิกสหประชาชาติทั่วโลก ได้เคยประชุมกันที่เมืองริโอเดอจาเนโร เมื่อปี ๑๙๙๒ ทศวรรษสุดท้ายของคริสตศตวรรษที่ ๒๐ เพื่อระดมพลังระดับสังคมนำโลกสู่ศตวรรษที่ ๒๑ ที่สมดุลและยั่งยืน โดยมุ่งบรรลุเป้าหมายอย่างเป็นองค์รวม และไม่จำกัดโอกาสคนรุ่นหลังที่จะได้บรรลุจุดหมายการพัฒนาของตนเองได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นรูปธรรมที่ปรากฏให้เห็นบนความเป็นตัวตนและสิ่งที่กำลังทำกันของเครือข่ายผู้เข้าร่วมเวทีครั้งนี้ด้วย ............

กลุ่มคนทำงานและเครือข่ายของคนทำงานในพื้นที่จากแพร่ น่าน และลำปาง เป็นกลุ่มคนเพียงจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับสถานการณ์ต่างๆที่เป็นกระแสส่วนใหญ่ของสังคม แต่เมื่อพิจารณาลงไปในวิถีปฏิบัติ ลักษณะการรวมกลุ่มและเชื่อมโยงตนเองเข้ากับความเป็นส่วนรวมด้วยการปฏิบัติ สิ่งที่อยู่ในวิถีชีวิตและการงานตนเอง การเคลื่อนไหวสังคมและสร้างการเรียนรู้เพื่อให้ประสบการณ์ทางสังคมแก่ผู้อยู่อาศัยร่วมกันในถิ่นฐาน ชี้นำคุณค่าและให้ความหมายใหม่ๆที่จะทำให้ปัจเจกและชุมชนเห็นศักยภาพซึ่งจะเป็นต้นทุนสำหรับพึ่งตนเองเองทางการจัดการได้ดีกว่าเดิม

รวมทั้งสร้างสำนึกเกี่ยวกับตัวตนและเกิดพลัง ความริเริ่มสร้างสรรค์ เพื่อสร้างสุขภาวะส่วนรวมและให้ตนเองได้บรรลุจุดหมายที่สนองตอบต่อการพัฒนา ชีวิตด้านในอย่างสมดุล เหล่านี้ นอกจากจะได้ช่วยจัดกระบวนการเรียนรู้ ถอดบทเรียน และสะสมเป็นกรณีตัวอย่างของความริเริ่มสร้างสรรค์ดีๆของสังคมในบริบทต่างๆ แล้ว ก็ทำให้เห็นนัยสำคัญต่อกระบวนการเรียนรู้ทางสังคมหลายประการด้วยกัน

กล่าวคือ กลุ่มผู้เข้าร่วมเวทีและเครือข่ายสมาชิกที่ทำงานด้วยกันในพื้นที่แพร่ น่าน และลำปาง ๒-๓ จังหวัดของภาคเหนือตอนบนเหล่านี้ เป็นเครือข่ายปัจเจกและกลุ่มคนทำงาน ที่ทำงานในแนวประชาคมบนประเด็นความสนใจที่เกี่ยวข้องกับตนเอง ทั้งต่อการงานที่ทำ การตั้งถิ่นฐานและถิ่นอาศัย อีกทั้งมีความเป็นส่วนรวมที่ริเริ่มขึ้นมาจากความสำนึกต่อสังคม ไม่ใช่คอยทำตามแรงกดดันจากภายนอกอย่างเดียว

ขณะเดียวกัน ก็ครอบคลุมจุดหมายและความจำเป็น สนองตอบต่อสภาวการณ์ต่างๆอย่างรอบด้าน ใช้ทักษะชีวิตอย่างบูรณาการและเป็นองค์รวม ทั้งการทำงานด้วยความรู้ ใช้ทักษะการจัดการทางสังคม ทักษะจิตใจ ความเป็นข้าราชการในท้องถิ่น ความเป็นปัจเจกที่มีจิตสาธารณะและเชื่อมโยงกับการสร้างสุขภาวะของส่วนรวม ด้วยการปฏิบัติในชีวิต

สิ่งที่เครือข่ายกำลังทำให้เกิดขึ้นในถิ่นฐานบ้านเกิดตนเอง ดังที่ประมวลภาพจากบทเรียนของเวทีดังข้างต้นนี้ เมื่อพิจารณาให้ดีแล้วก็จะพบว่า ก็คือรูปธรรมในการปฏิบัติของการกระจายอำนาจและการกระจายโอกาสความริเริ่มในการพัฒนาตนเองของท้องถิ่น การพัฒนาจิตใจและความมีคุณค่าต่อมนุษย์ที่สมดุลกับพลังทุนนิยมและความเป็นวัตถุนิยม ความตื่นตัวต่อการร่วมสร้างสุขภาวะสังคมของตนเองของพลเมืองกลุ่มต่างๆอันหลากหลาย ทั้งปัจเจกซึ่งเป็นคนทำงานและมีความสำเร็จหลายสาขา สตรี เด็กและเยาชน ผู้นำทางจิตใจ คนทำงานทางศิลปวัฒนธรรม พัฒนาที่พักอาศัย พัฒนาเมือง ชุมชน และการอยู่อาศัย และอื่นๆ

สิ่งเหล่านี้ ก็คือภาพสะท้อนของสิ่งที่ทั่วโลกต้องการและเคยกล่าวถึงใน Agenda 21 ซึ่งเมื่อเกือบ ๒๐ ปีก่อน ทั่วโลกได้มองมายังอนาคตอันเป็นปัจจุบันนี้ว่าจะร่วมกันส่งเสริมและสร้างสิ่งต่างๆเหล่านั้นให้เกิดขึ้นมากๆนั่นเอง หากนำกรอบแนวคิด 21 st Century Learning Skills ที่ท่านศาสตราจารย์นายแพทย์วิจารณ์ พานิช และนักการศึกษาทั่วโลกมักกล่าวถึงมาพิจารณาแล้วละก็ ไม่เกินจริงเลยที่จะกล่าวว่าสิ่งที่เครือข่ายคนรักษ์เมืองแพร่ น่าน และลำปาง รวมทั้งบางกอกฟอรั่มและเครือข่ายอีกหลายพื้นที่ กำลังทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปมาอย่างสืบเนื่องนั้น ในแง่หนึ่ง ก็จัดว่าเป็นกระบวนการเรียนรู้ของปัจเจกและชุมชน สำหรับ 21 st Century Learning Skills ในอีกมิติหนึ่งของสังคมนั่นเอง ซึ่งจะมีความหมายมากทั้งต่อท้องถิ่นและต่อสังคม ในอันที่จะสร้างและสั่งสมทุนทางสังคมสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นองค์รวมและมีความสมดุลมากยิ่งๆขึ้น สอดคล้องกับวาระความจำเป็นทั้งของสังคมไทยและสังคมโลกทั้งในปัจจุบันและอนาคต

ความตื่นตัวและการมีความริเริ่มสร้างสรรค์ในลักษณะดังกล่าวนี้ ของปัจเจกและชุมชนตามพื้นที่ต่างๆ ซึ่งมีความเชื่อมโยงใกล้ชิดกับปัญหาและความจำเป็นอันแท้จริงในชีวิตประจำวัน ซึ่งภาครัฐและกลไกตลาด ตลอดจนการจัดการความเป็นส่วนรวมด้วยระบบกลไกขนาดใหญ่โดยทั่วไปจะไม่สามารถ สนองตอบได้อย่างทั่วถึงและไม่สามารถครอบคลุมความจำเป็นให้ได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว อีกทั้งเป็นความเคลื่อนไหวของกลุ่มสังคมที่เป็นส่วนน้อยเพราะก่อเกิดได้ยาก และต้องการความเป็นพลเมืองอีกแบบหนึ่ง หากจะส่งเสริมให้สามารถดูแลตนเอง ซึ่งจะทำให้สังคมมีความเข้มแข็งและมีสุขภาวะที่ก่อเกิดขึ้นจากระดับรากฐานชุมชน หรือหากจะให้ดียิ่งขึ้น ก็คือจะสามารถสนับสนุนและสร้างเสริมพลังให้เป็นภูมิปัญญาชี้นำการปฏิบัติแก่สังคมให้เพิ่มความหลากหลายได้มากยิ่งๆขึ้นในท้องถิ่นต่างๆนั้น ปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งและเป็นปัจจัยที่เวทีนี้ได้ให้ความสำคัญก็คือ การเรียนรู้เพื่อพัฒนาการจัดการตนเอง ให้เป็นการจัดการเชิงธุรกิจเพื่อสังคม ที่สอดคล้องกับธรรมชาติของสิ่งที่เป็นและทำกัน รวมทั้งสอดคล้องกับเงื่อนไขชีวิตและสนองตอบต่อเงื่อนไขของสังคมและสิ่งแวดล้อมต่างๆ

แจนและครูปิงปอง ได้เล่าแนะนำตนเอง พร้อมกับได้แบ่งปันเรื่องราวต่างๆ ทั้งที่เป็นความภาคภูมิใจในชีวิตและความเป็นจริงของชีวิตเบื้องหลังความสำเร็จมากมายที่คนและสังคมไม่รู้ ที่สะท้อนให้เห็นพื้นฐานชีวิตและวิธีจัดการตนเองของกลุ่มคนที่ทำงานสร้างสรรค์ต่างๆ ให้สังคมได้มีสิ่งที่สร้างสรรค์และดีงาม ก่อเกิด ดำรงอยู่ และเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง กระตุ้นและส่งเสริมให้เกิดวงจรชีวิตสังคมอีกหลายมิติไปด้วยอยู่เสมอๆ ว่ามิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยง่าย

แจนพื้นเพเป็นคนแพร่ จบจากคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นหลานของชิณวร ใช้ชีวิตเป็นศิลปิน ช่างฟ้อน หลายโอกาสก็ได้รับเลือกเป็นทูตวัฒนธรรม อีกทั้งปัจจุบัน ก็ได้ร่วมกับเพื่อนทำกิจการแกลลอรี่และสตูดิโอที่เชียงใหม่

ครูปิงปองนั้น เป็นครูและเป็นผู้บริหารโรงเรียนวัดปงสนุก จังหวัดลำปาง ขณะเดียวกัน ก็เป็นครูนักวิชาการและครูนักอนุรักษ์มรดกสังคมวัฒนธรรมของสังคม นำนักเรียน คณะครู และชุมชน ทำการอนรุักษ์ฟื้นฟูพุทธศิลป์และศิลปวัฒนธรรมของชุมชนวัดปงสนุก ประสบความสำเร็จและเป็นแบบอย่างให้กับสังคมทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ ทั้งสองท่านนี้ มีความสามารถอย่างเป็นเลิศในการรำและจัดงานศิลปวัฒนธรรมล้านนาด้วย

........ ครั้งหนึ่ง แจนได้รับเลือกให้เป็นผู้แสดงถ่ายทอดประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมือง เชียงรายด้วยการรำและแสดงนาฏลีลาประกอบงานเวทีและแสงสีเสียงอย่างอลังการ อีกทั้งเป็นงานเชิดชูเกียรติภูมิล้านนาที่เชียงราย และเป็นการได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อม แสดงต่อเบื้องพระพักตร์ของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินินาถอีกด้วย เป็นความภาคภูมิใจอย่างที่สุดในชีวิต แจนจึงทุ่มเท ซ้อม รำและแสดงน้อมเกล้าฯถวายอย่างเต็มความสามารถ เมื่อเสร็จและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถโดยเสด็จทรงพระราชดำเนินกลับ แล้ว ระหว่างที่กำลังพักและเตรียมเดินทางกลับ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหา

แจนมองเห็นแต่เงามืดใต้แสงจ้าของสปอตไลต์ แรกเลยนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ชายคนนั้นก็เดินเข้ามาพูดชื่นชมและทักทายว่าเป็นแจนหรอกหรือ พี่ปิงปองน่ะ แล้วก็บอกว่าพี่ดีใจและภูมิใจน้องเหลือเกิน เราเคยฝึกรำ อดข้าว ทุกข์ยาก หาชุดเอง เหน็ดเหนื่อยและมีข้าวแกงเพียงกล่องเดียว ก็ต้องกินกันหลายคน เพื่ออยู่ซ้อมและเดินทางไปแสดงที่ต่างๆด้วยกัน

วันนี้น้องได้ทำหน้าที่อย่างยิ่งใหญ่และสง่างามที่สุด พี่ดีใจเหลือเกิน
ครูปิงปองกล่าวชื่นชมและแสดงความภาคภูมิใจกับแจน

แล้วทั้งสองคนก็กอดกันและยืนร้องไห้ด้วยกันอย่างตื้นตันใจ
แจนเล่าให้เวทีเห็นภาพและไหว้ขอบคุณครูปิงปองอีกครั้ง.......

........................

บทเรียนจากความเป็นจริงในชีวิต ที่แจนและครูปิงปองได้ช่วยกันเล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งที่สมาชิกผู้เข้าร่วมเวทต่างก็ได้นำมาเล่าถ่ายทอดสู่กันฟัง ซึ่งทั้งหมด ทำให้เห็นสิ่งที่มีเป็นต้นทุนเดิมอยู่แล้วในหมู่คนทำงานแนวนี้ ที่จะทำให้ได้แนวทางสำหรับพัฒนากระบวนการเรียนรู้และยกระดับวิธีจัดการทาง ด้านต่างๆให้มีความเหมาะสม หลายประการด้วยกัน คือ .......

  • การมีประสบการณ์ได้ร่วมทุกข์สุขกันด้วยความเป็นพี่น้องและเพื่อน ที่ก่อเกิดความผูกพันกันอย่างแนบแน่น ผ่านการได้ทำงานและทำกิจรรมความสนใจ ที่ให้ประสบการณ์หลากมิติของชีวิต ทั้งความสำเร็จ ความล้มเหลว ความท้าทาย ความท้อแท้ ให้ความจริงใจกันอย่างลึกซึ้ง
  • ให้คุณค่าต่อมิติจิตใจ มิจิตวิญญาณ เกียรติยศของชีวิต การแสดงออกของพลังความสร้างสรรค์ของมนุษย์
  • มีกระบวนการเรียนรู้ ทั้งทักษะเข้าถึงความเป็นเลิศของตนเอง และการเรียนรู้ทักษะชีวิต ฝึกฝน อดทน ทำงานต่อเนื่อง สั่งสมประสบการณ์ อย่างเข้มข้น จริงจัง กระทั่งรู้จักตนเองและเข้าถึงความเป็นตัวของตัวเอง
  • เป็นครูและแบบอย่างของกันและกัน ทั้งครูเพื่อการงานและการดำเนินชีวิต มีความเป็นที่พึ่งพาให้กันและกันได้
  • สร้างคน สร้างโอกาสให้ตนเองและผู้อื่น โดยเฉพาะคนรุ่นหลัง
  • มีความกตัญญู ยกย่องเชิดชูผู้ที่มีน้ำใจ ผู้ให้การอบรมสั่งสอน และถ่ายทอดประสบการณ์ให้
  • มีชีวิตเชิงอุดมคติต่อสังคม ชุมชน และถิ่นฐานบ้านเกิด
  • มีรูปแบบการใช้ชีวิตลดความเป็นภาระต่อตนเองและผู้อื่น ที่จะสร้างขีดจำกัดให้กับตนเอง
  • เลือกสรรสิ่งที่จะสร้างความสุข และเป็นสิ่งดีที่สุดจากตนเอง ให้แก่สังคมและผู้อื่นก่อน 
  • ทำงานเพื่อมีรายได้หลายทางสำหรับจุนเจือกัน
  • รับการสนับสนุนจากแหล่งต่างๆทั้งในและต่างประเทศ โดยต้องไม่กระทบต่อแนวการทำงานของเครือข่าย

การทำงานและดำเนินชีวิตในแนวทางอย่างนี้ในสถานการณ์ของเศรษฐกิจสังคมดังปัจจุบัน มีทั้งโอกาสและข้อจำกัดเพิ่มมากขึ้น ในส่วนที่เป็นข้อจำกัดนั้น กลุ่มคนทำงานและมีความสามารถให้กับสังคมในลักษณะนี้ หากเป็นในอดีตก็จะอยู่ในฐานะที่ชุมชนจะให้การดูแลเหมือนกับเป็นสล่าและคนของส่วนรวม โดยจะได้รับความเคารพยกย่องและอยู่ในชุมชนได้เป็นอย่างดี แต่ปัจจุบันนี้ หากดำเนินชีวิตแบบดั้งเดิมในชุมชน ก็จะไม่สามารถอยู่ได้ ซึ่งก็จะส่งผลให้ชุมชนและสังคมเกิดความอ่อนแอทางภูมิปัญญาสำหรับสร้างสรรค์ สุขภาวะออกจากตนเองไปด้วย แต่ในอีกด้านหนึ่ง ด้านที่เป็นโอกาสและจุดแข็งก็มี โดยการขยายตัวของเศรษฐกิจสังคม ก็จะเป็นโอกาสสำหรับริเริ่มการจัดการด้วยการพึ่งตนเองทางเศรษฐกิจ ทดแทนหลายอย่างที่หดหายไปแล้วจากสภาพสังคมปัจจุบัน ได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น

คุณลักษณะของการทำงานและการดำเนินชีวิตบางประการ ดังที่กล่าวมานี้ จัดว่าเป็นพื้นฐานสำคัญอย่างหนึ่งที่จะสามารถสร้างเป็นหลักคิดและวางแนวออกแบบองค์กร เพื่อเรียนรู้การจัดการที่ดีต่อไปของเครือข่ายในอนาคต.

หมายเลขบันทึก: 491784เขียนเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 13:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 กันยายน 2013 22:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

ขอบพระคุณอ.นุ และอาจารย์ ดร.ขจิตครับ
ที่เข้ามาเยือนและคลิ๊กให้ดอกไม้กำลังใจให้กัน บันทึกนี้หืดขึ้นคอเลยครับ มันโพสต์ได้อย่างขาดๆหายๆ พอขอแก้ไขก็ล่ม แต่เสียดายเรื่องราว เลยขลุกอยู่เป็นนานสองนาน ออกมาพอได้ภาพรวมๆนี่แหละครับ

กราบนมัสการท่านพระอาจารย์มหาแล อาสโย(ขำสุข) เป็นอย่างยิ่งครับ
แล้วก็อยากกราบเรียนว่า เมื่อวานก่อนนี้ ผมได้รับธนาณัติเท่ากับราคา ๑,๐๐๐ พับ
ที่พระคุณเจ้าแสดงความจำนงค์ขอร่วมทำสื่อ จัดนิทรรศการ และจัดเวทีเรียนรู้หนองบัว
ในนามของเวทีคนหนองบัวของเรา ร่วมงาน 'เฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษามหาราชินี ฉลองกาล ๘๙ ปีโรงเรียนอนุบาลหนองบัว(เทพวิทยาคม)' ของหนองบัวของเราแล้วนะครับ ผมจะทำสื่อเพิ่ม แล้วก็ประเดี๋ยวจะออกแบบ ส่งมาให้พิจารณาและได้คุยปรึกษาหารือกันอย่างกว้างขวางนะครับ

ขอกราบร่วมอนุโมทนา
ด้วยความประทับใจและซาบซึ้งใจแทนลูกหลานหนองบัวมากๆครับ

ขอบคุณคุณหมอทิมดาบและ อ.นุครับ
ที่แวะมาเยือนและให้ดอกไม้กำลังใจไว้ทักทายกัน

ขอขอบคุณอาจารย์ธนิตย์ที่แวะมาเยือนครับ

  • "การจัดการความเป็นส่วนรวมด้วยระบบกลไกขนาดใหญ่โดยทั่วไปจะไม่สามารถ สนองตอบได้อย่างทั่วถึงและไม่สามารถครอบคลุมความจำเป็นให้ได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว..."....
  • นี่คือความจริง
  • ขอบคุณครับ
  • ปณิธิ ภูศรีเทศ

คุณครูปณิธิหายไปนานเลยนะครับเนี่ย
ทำให้หิวอ่านกลอนและชมรูปเขียนของคุณครูมากเลยเชียว

แวะมาเยี่ยมยามท่านพี่ครับ

สวัสดีครับอาจารย์หมอ JJ ครับ
ด้วยความคิดฮอดหลายครับ กำลังนึกถึงอยู่เลยละครับ อะไรจะพอดิบพอดีขนาดนั้น งั้นต้องขออนุญาตเสียเลยครับ เมื่อวานกับวันสองวันมานี้ ผมเพิ่งได้แนะนำอาจารย์ให้แก่เครือข่ายวิชาชีพสุขภาพ กับทีมทำงานประสานงานเพื่อทำงานวิชาการงานหนึ่งของมหาวิทยาลัยมหิดลอยู่เลยครับ โดยได้แนะนำให้คณะทำงานจัดประชุมวิชาการงานหนึ่ง ให้พิจารณาเชิญอาจารย์ไปร่วมเป็นวิทยากรในเรื่องเกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้กับการพัฒนาคนทำงานทางด้านสุขภาพในกระบวนทัศน์ใหม่ๆ แล้วก็ได้เจออาจารย์เข้ามาเยือนในนี้หลังจากเหมือนกับหายไปครู่หนึ่งนี่แหละครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์ ชื่นชมการทำงานของอาจารย์ค่ะ

สวัสดีครับคุณณัฐรดาครับ
ขอบคุณครับ เครือข่ายนี้ พึ่งพลังปฏิบัติของปัจเจก ทุนชีวิตครอบครัว กับการจัดการร่วมกันเป็นเครือข่ายของคนที่มีความสนใจเดียวกัน เหมือนกับแนวการทำงานของคุณณัฐรดามากเหมือนกันครับ เป็นแนวการทำงานที่น่าสนใจและทำให้เห็นมิติใหม่ๆของวิธีที่คนซึ่งมีศักยภาพความสร้างสรรค์ทางด้านต่างๆที่มีในสังคม จะมีเวทีและวิธีจัดการตนเองที่ดี ทำงานได้และดำเนินชีวิตได้ หลากหลายมากยิ่งๆขึ้น การเข้าไปเสริมวิธีทำงานความรู้และเสริมศักยภาพคนกับวิธีจัดการที่พอดีๆ ให้บนกระบวนการทำงานไปเลย จะเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยกันทำให้ความริเริ่มที่ก่อเกิดเป็นหน่วยเล็กๆในสังคม สามารถพึ่งการปฏิบัติของตนเองเป็นหลัก พร้อมกับมีเครือข่ายช่วยถ่ายทอดขยายผลบทเรียนและกรณีตัวอย่างจากประสบการณ์ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและให้การเรียนรู้นำการเปลี่ยนแปลงแก่ผู้คนในสังคมไปด้วย ก็จะเป็นทางหนึ่งของการสร้างสุขภาวะสังคมขึ้นมาจากความแตกต่างหลากหลายที่มีอยู่ในสังคม เหมือนกับแปรความแตกต่างให้เป็นพลังที่สร้างสรรค์อย่างหนึ่งเหมือนกันนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท