วัคซีนเป็นสารที่สร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่คนหรือสัตว์เพราะเมื่อฉีดหรือนำเข้าไปในร่างกาย ก็จะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันขึ้นในร่างกาย และป้องกันการเกิดโรคบางอย่างได้
คำว่า วัคซีน มาจากคำว่า Vacca ซึ่งเป็นภาษาละติน แปลว่า วัว
วัคซีนถูกค้นพบครั้งแรกโดยแพทย์ชาวอังกฤษชื่อ เอ็ดเวิร์ดเจนเนอร์ (Edward Jenner) ซึ่งพบว่า การใช้หนองจากวัวที่เป็นโรคฝีดาษมาใส่ในร่างกายคน จะสามารถป้องกันโรคฝีดาษในคนได้
วัคซีนนั้นอาจได้มาจากตัวเชื้อโรคโดยตรงหรือส่วนประกอบของเชื้อนั้น หรือสารที่เชื้อนั้นผลิตขึ้นแล้วนำมาทำให้หมดฤทธิ์ที่จะทำให้เกิดโรคนั้น โดยนำมาฆ่าให้ตายด้วยความร้อนหรือ ใช้สารบางอย่างทำให้หมดฤทธิ์ เช่น วัคซีนไทฟอยด์ อหิวาต์ ไอกรน เป็นต้น หรือโดยการนำตัวเชื้อมาทำให้อ่อนฤทธิ์ลงแต่ยังไม่ตาย เช่น วัคซีน BCG หัด โปลิโอ เป็นต้น
ไม่ว่าเราจะเตรียมวัคซีนโดยวิธีใดก็ตาม สิ่งสำคัญก็คือ จะต้องไม่ทำให้เกิดโรค และจะต้องมีประสิทธิภาพในการชักนำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันโรคนั้น ๆ ได้
เซรุ่มหรือซีรั่ม เป็นสารน้ำที่แยกได้จากเลือด โดยการเจาะเลือดจากสัตว์ แล้วตั้งทิ้งไว้ระยะหนึ่งเลือดจะแยกเป็นสองส่วน คือส่วนที่จับกันเป็นก้อนและส่วนที่เป็นน้ำใสซึ่งเราเรียกว่าเซรุ่ม อีกส่วนหนึ่ง
การเตรียมเซรุ่มสำหรับแก้โรคใดนั้น ทำโดยการฉีดเชื้อโรคหรือสารที่ก่อให้เกิดโรคนั้นเข้าสู่ร่างกายของสัตว์ สัตว์จะสร้างสารขึ้นต่อต้านโรคนั้น สารนี้จะพบอยู่ในส่วนที่เป็นน้ำใสของเลือด
เมื่อแยกส่วนที่เป็นน้ำใสนี้ออกมาก็จะทำให้ได้เซรุ่มสำหรับโรคนั้นและเมื่อนำเซรุ่มไปฉีดให้คน ก็จะทำให้คนมีภูมิต้านทานต่อสู้โรคนั้นได้
การให้เซรุ่มเป็นการเสริมภูมิต้านทานให้แก่คน โดยที่คนคนนั้นไม่ต้องสร้างขึ้นเอง ซึ่งต่างกับการให้วัคซีน เพราะวัคซีนจะเป็นตัวกระตุ้นให้คนสร้างภูมิต้านทานขึ้นมา
โดยทั่วไปนิยมให้เซรุ่มในกรณีที่การให้วัคซีนไม่ได้ผล หรือผลไม่ทันการณ์ เช่น คนถูกตะปูขึ้นสนิมตำ ก็ให้เซรุ่มแก้บาดทะยักหรือคนถูกงูพิษกัด ก็ให้เซรุ่มแก้พิษงู นอกจากนี้ยังมักให้ในกรณีของคนที่เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องอีกด้วย
ขอขอบคุณ“ข้อมูลสนับสนุนจากหนังสือ ๑๐๘ ซองคำถาม / สำนักพิมพ์สารคดี”
และขอบคุณรูปภาพจากhttp://maejopetclinic.wordpress.com
ไม่มีความเห็น