สรุปการเรียนวันที่ 14 06 55
ระบบนิเวศ แยกออกเป็น
พืช
พืชบก :
-ไม่มีดอก
-มีดอก
-ยืนต้น
-ไม้เลื้อย
-ไม้พุ้ม
-ไม้ล้มลุก
พืชน้ำ :
-พืชในน้ำ
-แพลงตอน: แพลงตอนพืช , และแพลงตอนสัตว์
สัตว์ :
1) มีกระดูกสันหลัง และไม่มีกระดูกสันหลัง
2) แบ่งตามลักษณะการกิน
เพิ่มเติมเนื้อหา
วัวควายมีรูปร่างที่อ้วน นั้นเนื่องมาจากมันมีเนื้อมากไม่ใช่เพราะมันมีไขมันมาก เพราะว่าพวกวัวและควายกินพืชเป็นอาหารไขมันจึงน้อย พวกมันจะได้รับโปรตีนจากการกินพืชจำพวกถั่ว และเนื่องมาจากการหมักของกระเพาะที่มีจุลินทรีย์ซึ่งเป็นโปรตีน
การสูญพันธุ์ของแร้ง ในปัจจุบัน หรือสัตว์ต่าง มีผลมาจากยาเบื่อ เช่น ถ้าเราวางยาเบื่อหนูแล้วหนูตายเราก็เอาไปทิ้ง สัตว์พวกที่กินซากต่างๆ ก็จะมากินและได้รับสารพิษไปเช่นกันจึงทำให้เกิดการสูญพันธุ์ และแร้งแพ้ยารักษาโรคของวัวเมื่อมันมากินซากวัวที่ตายมัยจึงแพ้ยาแล้วตาย
- การออกลูกเป็นตัว เรียกว่า Viviparous
- การออกลูกเป็นไข่ เรียกว่า Oviparous
อากาศ : ออกซิเจน , ก๊าซคาร์บอนไดรืออกไซค์ ,ไนโตรเจน , ไฮโดรเจน
น้ำ : S , C , I
แร่ธาตุ : C, P ,N ,K , S ,Mg ,Ir
เพิ่มเติม
คาร์บอนไดร์ออกไซค์ + น้ำ จะได้สารละลายโลหะ
ส่วนใหญ่แล้วโลกของเราจะได้รับพลังงานมาจาก ดวงอาทิตย์ และ พลังงานของตัวมันเอง และภายบนโลกก็มีพลังงานอื่นอีกมามาย เช่น พลังงานศักย์ และ พลังงานจลน์ ซึ่งสามารถเปลี่ยแปลงเป็นพลังงานอย่างอื่นได้เช่นกัน
1) เซรุ่มและวัคซีนต่างกันอย่างไร
เซรุ่ม :
เป็นการให้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปหรือที่เรียกกันเป็นภาษาหมอว่า
“อิมมูโกลบุลิน”
ซึ่งเมื่อให้เข้าสู่ร่างกาย
ภูมิคุ้มกันนี้จะสามารถออกฤทธิ์ต่อต้านเชื้อโรคได้ทันที
เซรุ่มจะสกัดมาจากเลือดของสัตว์ เช่น เลือดม้า หรือเลือดกระต่าย
โดยการฉีดเชื้อโรค
ที่ทำให้มีฤทธิ์อ่อนลงแล้ว ให้กับม้าหรือกระต่าย เพื่อให้ม้า
หรือกระต่ายสร้างภูมิคุ้มกันโรคขึ้นแล้ว
จึง ดูดเลือดม้า กระต่าย มาสกัดส่วนที่เป็นน้ำใสซึ่งเป็น
ภูมิคุ้มกันอยู่มาฉีดให้กับผู้ป่วย
ตัวอย่างของเซรุ่มใน ปัจจุบัน เช่น เซรุ่มป้องกันโรคคอตีบ
เซรุ่มป้องกันโรค บาดทะยัก
เซรุ่มป้องกันโรคไอกรน เซรุ่มป้องกันโรค พิษสุนัขบ้า
และเซรุ่มแก้พิษงู
การฉีดเซรุ่มมีทั้งข้อดี และข้อเสีย
ข้อดี คือ
ร่างกายสามารถนำเซรุ่มไปใช้ในการต้านทานโรคได้อย่างทันท่วงที
ข้อเสีย คือ ผู้ที่ได้รับเซรุ่มนั้นอาจเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงได้
วัคซีน :
เป็นกระตุ้นร่างกายให้สร้างภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดี
วัคซีนจะทำหน้าที่กระตุ้น
ให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน
ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นเครื่องป้องกันของร่างกาย และทำหน้าที่
ต่อสู้กับเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรีย
การให้วัคซีนเป็นหนึ่งในวิธีการสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรง
ที่มีความคุ้มค่ากว่าเมื่อต้องทำการรักษา
หลังจากติดเชื้อหรือเป็นโรคแล้ว
และต้องไม่ลืมว่าโรคบางโรคได้สูญหายไปจากโลก
ส่วนหนึ่งคงเนื่องจากการนำวัคซีนมาใช้ เช่น โรคฝีดาษ
และโรคบางโรคกำลังใกล้จะถูกกำจัดให้หมดไป
ด้วยการใช้วัคซีนเช่นกัน เช่น โรคโปลิโอ
1) หน่วยของกัมมันตรังสี มีอะไรบ้าง
ปริมาณ | หน่วยเดิม | หน่วยใหม่ (SI unit) |
กัมมันตภาพรังสี (Radioactivity) | คูรี (Ci) | เบคเคอเรล (Bq) |
รังสีที่ถูกดูดกลืน (Absorbed dose) | แรด (Rad) | เกรย์ (Gy) |
รังสีที่ทำให้อากาศแตกตัว (Exposure) | เรินท์เกน (R) | คูลอมบ์ต่อกิโลกรัม (C/kg) |
รังสีสมมูล (Dose Equivalent) | เรม (Rem) | ซีเวิร์ต (Sv) |
2) ต้องมาปริมาณรังสีเท่าใดจึงจะเป็นอันตรายต่อตัวเรา
1.
การได้รับรังสีจากแหล่งกำเนิดรังสีจากภายนอก (External
exposure) ความรุนแรงของการบาดเจ็บ
ขึ้นอยู่กับความแรงของแหล่งกำเนิดและระยะเวลาที่ได้รับรังสี
แต่ตัวผู้ที่ได้รับอันตรายไม่ได้สารกัมมันตรังสีเข้าไปในร่างกาย
จึงไม่มีการแผ่รังสีไปทำอันตรายผู้อื่น
2. การได้รับสารกัมมันตรังสีเข้าสู่ร่างกาย
(Internal exposure)
มักพบในกรณีมีการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีที่เป็นก๊าซ ของเหลว
หรือฝุ่นละอองจากแหล่งเก็บสารกัมมันตรังสี
หรือที่เก็บกากสารกัมมันตรังสีจากการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เกิด
ขึ้นอยู่ในประเทศญี่ปุ่นขณะนี้
การกระจายของสารกัมมันตรังสีจะฟุ้งไปในอากาศ น้ำ
มนุษย์อาจได้รับรังสีเข้าสู่ร่างกาย
ทางการหายใจฝุ่นละอองของรังสีเข้าไป , กินของที่เปรอะเปื้อนเข้าไป
หรือการกิน, การฝังสารกัมมันตรังสีเพื่อการรักษา
สารกัมมันตรังสีที่อยู่ในร่างกายจะแผ่รังสีออกมา
ทำอันตรายต่อร่างกายเป็นระยะเวลานาน
จนกว่าจะถูกกำจัดออกไปจากร่างกายจนหมด
และยังสามารถแผ่รังสีไปทำอันตรายคนที่อยู่ใกล้เคียงได้
แต่หากใครที่ได้รับรังสีในปริมาณมาก ๆ
อาจกลายเป็นอาการ "ความผิดปกติจากการได้รับรังสีสูงแบบเฉียบพลัน
(Acute Radiation Syndrome,
ARS)" ซึ่งเป็นความผิดปกติทางร่างกาย
อันเป็นผลมาจากการได้รับรังสีปริมาณสูง ๆ ทั่วทั้งร่างกาย
หรือเกือบทั้งร่างกายในระยะเวลาสั้น ๆ เช่น
ผู้ป่วยจากการได้รับรังสีจากระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมาและนางาซากิ
หรือผู้ป่วยจากการได้รับรังสีแกมมาจากวัสดุกัมมันตรังสีโคบอลต์-60
ที่สมุทรปราการ เมื่อหลายปีที่ผ่านมา โดยต่อไปนี้
จะกล่าวถึงเฉพาะกรณีที่ได้รับรังสีสูงเฉียบพลัน คือ
"ความผิดปกติจากการได้รับรังสีสูงแบบเฉียบพลัน (Acute Radiation
Syndrome, ARS)"
ที่มา : http://health.kapook.com/view24286.html
10 Sv – มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตในเวลาเป็นวันหรือสัปดาห์ - การได้รับรังสีปริมาณมากในครั้งเดียว (acute exposure) จะมีผลกระทบขึ้นกับปริมาณของรังสี ดังนี้
1 Sv – มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งในภายหลัง (5 ใน 100)
100 mSv – มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งในภายหลัง (5 ใน 1000)
50 mSv – ปริมาณรังสีที่ได้รับต่อปีของผู้ที่ปฏิบัติงานทางรังสีตาม TLV
20 mSv – ปริมาณรังสีที่ได้รับเฉลี่ยต่อปี หรือโดยเฉลี่ยในเวลา 5 ปี ตาม TLV โดยคร่าวๆ สำหรับร่างกายมนุษย์แล้ว
3) แรงกดอากาศของโลกต้องมีค่าเท่ากับเท่าไหร่
ความกดอากาศ, ความดันอากาศหรือความดันบรรยากาศเป็น ความกดดันอยู่จุดใดหนึ่งของชั้นบรรยากาศของโลก โดยทั่วไปความกดอากาศจะประมาณเท่ากับความกดดันที่เกิดขึ้นย้อนน้ำหนักของอากาศอยู่บนจุดนั้น ๆ ซึ่งหมายความว่า จุดที่มีความกดอากาศต่ำจะมีอากาศที่มีมวลสารต่ำกว่าจะอยู่ข้างบนมัน ด้วยเหตุผลแบบเดียวกัน ความกดอากาศจะต่ำลงเมื่อระดับความสูงเพิ่มขึ้น ความกดอากาศที่ความสูงระดับน้ำทะเล จะเท่ากับ 1 atm (หนึ่งหน่วยบรรยากาศ) หรือ 101.325 kPa (กิโลปาสคาล) หรือ 760mmHg (มิลลิเมตรปรอท)
ความกดอากาศมารตฐาน
อากาศมีสถานะเป็นก๊าซ แต่อากาศก็มีน้ำหนักเช่นเดียวกับของแข็งและของเหลว เราเรียกน้ำหนักซึ่งกดทับกันลงมานี้ว่า “ความกดอากาศ” (Air pressure) ความกดอากาศจะมีความแตกต่างกับแรงที่เกิดจากน้ำหนักกดทับตรงที่ความกดอากาศมีแรงดันอากาศทุกทิศทาง เช่นเดียวกับแรงดันอากาศในลูกโป่ง เมื่ออากาศเย็นซึ่งมีความหนาแน่นมากกว่าอากาศร้อน จึงมีความกดอากาศมากกว่าเรียกว่า “ความกดอากาศสูง” (High pressure) ในแผนที่อุตุนิยมจะใช้อักษร “H” สีน้ำเงินเป็นสัญลักษณ์ ในทางกลับกันหากอากาศร้อนก็จะมีความหนาแน่นน้อยกว่าอากาศเย็น จึงมีความกดอากาศน้อยกว่าเรียกว่า “ความกดอากาศต่ำ” (Low pressure) ในแผนที่อุตุนิยมจะใช้อักษร “L” สีแดง เป็นสัญลักษณ์ นักอุตุนิยมวิทยาใช้เครื่องมือ "บารอมิเตอร์" อย่างละเอียดสำหรับวัดความกดอากาศ หน่วยที่ใช้วัดความกดของอากาศนั้นอาจจะเป็นความสูงของปรอทเป็นนิ้วหรือเซนติเมตร ปอนด์ต่อตารางนิ้ว หรือกิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตรก็ได้ แต่ในปัจจุบันส่วนมากนิยมใช้หน่วยเป็นมิลลิบาร์ (millibar) เพราะเป็นหน่วยที่สะดวกกว่า ซึ่งเราจะเปรียบเทียบกันได้ตามหลักการคำนวณต่อไปนี้
เศษส่วนของ 1 atm | ความสูงโดยเฉลี่ย | |
---|---|---|
(เมตร) | (ฟุต) | |
1 | 0 | 0 |
1/2 | 5,486 | 18,000 |
1/3 | 8,376 | 27,480 |
1/10 | 16,132 | 52,926 |
1/100 | 30,901 | 101,381 |
1/1000 | 48,467 | 159,013 |
1/10000 | 69,464 | 227,899 |
1/100000 | 96,282 | 283,076 |
ที่มาของข้อมูลในตาราง: http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8
ขอบคุณค่ะ ^^"
ข้อมูลอย่างแน่น
ขอบคุณค่ะ ปิง ^"
โรควัวบ้ามีวัคซีนยัง
ผมอยู่ที่จังหวัดน่าน จะมีแรงกดอากาศเฉลี่ยกี่กิโลกรัมต่อตารางนิ้วครับ
ขอตอบคำถามแรกก่อนเลยนะคะ ที่อาจารย์ถามว่าวัวซีนโรควัวบ้ามีหรือยัง?
- ยังไม่มีค่ะ มีแต่แนวทางป้องกันในการติดเชื้อของวัวบ้าค่ะ ซึ้งทาง WHOหรือ ( World health organizaton) ได้หาข้อแนะนำการลดการติดเชื้อเอาไว้ค่ะเท่านั้นค่ะ เป็นเพียงการป้องกันเท่านั้น แต่ยังรักษาไม่ได้ " อ้างอิงได้จาก ข้อมูลด้านล่างค่ะอาจารย์" ^^
ขอเสนอคำแนะนำของ WHO ( World health organizaton) ในการป้องกันการติดเชื้อโรควัวบ้า
WHO ได้ให้ข้อสรุปและให้คำแนะนำในการลดการติดเชื้อวัวบ้า (BSE) ดังนี้
1 ทุกประเทศต้องไม่ใช้ซากสัตว์เคี้ยวเอื้อง (ruminant tissue)เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ เคี้ยวเอื้อง ( ruminant feed) และต้องกำจัดสัตว์ที่สงสัยว่าจะติดเชื้อ BSE ไม่ให้เป็นอาหารแก่สัตว์หรือมนุษย์
2 ทุกประเทศจะต้องมีการประเมินความเสี่ยงในการติดเชื้อ BSE ของแกะและแพะ และแนะนำว่าไม่ควรใช้ เนื้อกวาง(Deer or Elk) ที่ติดเชื้อ Chronic Wasting disease (โรค CWD เป็นโรคติดต่อในกวางที่พบในอเมริกาเหนือ) ในการเลี้ยงสัตว์หรือเป็นอาหารของคน ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่มีรายงานว่าโรคCWDในกวางจะสามารถติดต่อในคนได้ แต่ควรหลีกเลี่ยง
3 ไม่มีหลักฐานที่แสดงว่ามีการติดเชื้อในกล้ามเนื้อลาย (Skeletal muscle tissue) ในสัตว์ แต่เพื่อความมั่นใจในการทำอาหารควรดึงเอาเส้นประสาทและระบบน้ำเหลืองที่มองเห็นได้ของเนื้อวัวออก
4 นม, ผลิตภัณฑ์ของนมปลอดภัยในการบริโภค ส่วนไขสัตว์, เจลาติน ถ้าผลิตด้วยขบวนการที่ถูกต้องพบว่าจะไม่ติดเชื้อ
5 วัคซีนที่เตรียมจากส่วนประกอบของวัว ,ยา และ เครื่องสำอางค์ที่ผลิตจาก ผลิตภัณฑ์จากวัว และสัตว์ตะกูลเดียวกัน อาจทำให้ติดเชื้อBSEได้ ดังนั้นบริษัทผู้ผลิตจะต้องหลีกเลี่ยงไม่ใช้สัตว์ที่ติดเชื้อ หรือเลือกใช้สัตว์ที่อยู่ในสถานที่ที่พิสูจน์แล้วว่าไม่มีการติดเชื้อดังกล่าว
-ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก : ข้อมูลจาก WHO http://www.who.int/inf-fs/en/fact113.html
: เรียบเรียงโดย พญ. รุ่งทิพย์ วรรณวิมลสุข
จังหวัดน่านมีความกดอากอาศหรือความดันอากาศที่ 1003.5 hPa ค่ะ แต่อากาศในตอนเช้าและบ่ายต่างกัน ความดันอากาศสูงจะลงมาปกคลุมภาเหนือตอนบน ทำให้ตอนเช้ามีอุณหภูมิต่ำ และตอนบ่ายก็เริ่มสูงขึ้นค่ะ ความดันขึ้นอยุ่ในแต่ละพื้นที่ค่ะอาจารย์ ^"
---- ไม่รุ้ตอบถูกหรือป่าวนะค่ะ---
หน่วย hPa หมายถึงอะไรครับ ถ้าจะเปลี่ยนเป็น กิโลกรัม/ตารางเมตร จะมีค่าเท่าไรจะ
หน่วย hPa หมายถึงอะไร คือหน่วยวัดความดันอากาศ
แปลงหน่วยต้องทราบค่า ของ hpa ก่อนนะ
ดูมันแถ ... ถ้าไงแปลงค่า 1003.5 hpa มีค่าเท่ากับกี่ กิโลกรับ/ตารางเมตร
ค่าที่ได้เท่ากับ 10232.852197 กิโลกรับ/ตารางเมตร ค่ะ
555 เป็นคำตอบที่เกรียนมากมายครับ 10232 kg/m2