๑) ทำไมคุณต้องทำสิ่งนี้ หลายครั้งที่เราคิดหรือทำอะไรก็ตามแต่ เราแทบหาคำตอบที่แท้จริงไม่ได้เลยว่า เราทำสิ่งนี้ทำไม เพื่ออะไร มีหลายองค์กรหรือหลายหน่วยงาน ที่มักให้พนักงานปฎิบัติบางสิ่งบางอย่างโดยไม่บอกให้ชัดเจนว่า เขาทำสิ่งนั้นไปทำไม เพื่ออะไร และจะได้อะไร พนักงานจึงเพียงทำไปเพราะทำตามกัน หรือทำตามสั่งเท่านั้น "การทำเพื่อองค์กร" จึงไม่อาจตอบคำถามได้ทั้งหมดว่า "ทำไมคุณ (เรา) ต้องทำสิ่งนี้" การเข้าใจว่าทำไมเราต้องทำสิ่งนี้จึงเป็นการนำไปสู่การทำสิ่งนั้นอย่างเข้าใจ และรู้ว่าเราควรทำอะไร รวมทั้งยังสามารถ "ต่อยอด" ความคิดออกไปได้ หากเราหรือองค์กรไม่สามารถทำให้พนักงานตอบคำถามข้อได้ก็ควร "หยุด" เพื่อหาสิ่งที่ดีกว่าทำต่อไป
๓) มันมีประโยชน์จริงหรือเปล่า ข้อนี้เรียกว่าต้อง "เปิดใจ" คิดกันเลยทีเดียว เพราะหากมีใครบอกว่า "สิ่งที่เราทำอยู่ไม่มีประโยชน์" คงไม่มีใครชอบใจแน่ และยิ่งตัวเราเองคงยากที่จะบอกตัวเองว่า "เรากำลังทำสิ่งที่ไม่มีประโยชน์" แต่ลองคิดดูนะครับ หากเราไม่รีบหาคำตอบนี้แต่เนิ่นๆ ในการทำอะไร แล้วมารู้ที่หลังเมื่อเวลาผ่านไปนานแล้วว่าสิ่งที่เราทำไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ก็อาจไม่เป็นผลดี รวมไปถึงยังปิดโอกาสที่จะทำให้เราได้ปรับปรุงหรือพัฒนาสิ่งที่ทำอยู่อีกด้วย
๕) ถ้าไม่ทำสิ่งนี้คุณจะทำอะไรแทน ข้อนี้เป็นเหมือนข้อสุดท้ายของการที่เราจะ "หยุด" ก็ว่าได้ ดังนั้นการ "หยุด" จึงไม่ได้หมายความว่า "หยุุดไปเลย" หากแต่หมายความว่าเราต้อง "หยุดเพื่อเริ่มสิ่งใหม่" หากเรายังหาสิ่งที่จะทำทดแทนในสิ่งที่เราจะ "หยุด" ไม่ได้ ก็ควรต้องทำสิ่งนั้นต่อไปก่อน พร้อมๆ กับต้องกลับไปดูข้อ ๑ ใหม่ (อันนี้ผมสรุปเอง) แต่หากเราคิดว่ามีสิ่งที่สามารถทำแทนสิ่งเดิมได้ และอาจให้ผลดีกว่ารวมถึงมีคำตอบทั้ง ๔ ข้อแรกในใจแล้ว ก็ควรเลือกที่จะทำสิ่งใหม่
ไม่มีความเห็น