ยามนี้หันไปทางไหนเจอแต่ผักเปื้อนสารพิษตกค้าง ก่อโรคสารพันต่อคนไทย เช่น มะเร็ง วันนี้ผมจึงได้คิดหาหนทางปลูกผักชีวภาพไว้กินเองมาฝากท่านผู้อ่าน
1) ให้ใช้วิธีปลูกในรางยกแคร่มีน้ำหยดที่หัวรางและมีหินกรวดรองพื้น ดังที่ผมได้เสนอไว้แล้วในบทความ... http://www.gotoknow.org/blogs/posts/489257 (สำหรับรางนี้ควรใช้ท่อ pvc ขนาด 4 นิ้วผ่าครึ่งตามยาว ไปหาซื้อตามร้านแล้วจ้างให้เขาผ่าให้)
2) เอาท่อนี้ไปแขวนไว้ที่ผนังบ้านด้านนอก ที่หันไปทางด้านทิศใต้ (สำหรับเดือนสิงหา – เมษา) หรือที่รั้วบ้านก็ได้ ทั้งนี้เพื่อให้ได้รับแดดตลอดวัน โดยอาจแขวนได้หลายชั้น เว้นระยะห่างระหว่างชั้น อย่าให้บังแดดกัน ส่วนช่วงที่ดวงแดดอ้อมไปทางซีกโลกเหนือ (พค.-กค) ก็หันไปปลูกทางผนังด้านทิศเหนือแทน สำหรับบ้านที่ไม่มีผนังเหนือใต้ อาจพิจารณาบริเวณใต้ราวตากผ้า เพราะยังไงก็มีแดดทั้งวันแน่ๆ เอารางไปเขวนไว้ใต้ราวตากผ้าไปเลย อัดกันได้ 4 รางขนาดยาว 1.5 เมตร ก็พอได้อาศัยอยู่
3) จัดสรรพื้นที่แล้วจัดเวลาปลูกผักให้เหลื่อมเวลากันให้ดี กล่าวคือ เมื่อผักรุ่นนี้โตพอตัดกินได้หมด อีกรุ่นก็โตมาแทนที่พอดี และพอตัดรุ่นหนึ่งหมดไปแล้วก็ปลูกแทนที่ใหม่ทันที
4) สมมุติว่าเราปลูกผักอายุสั้นไว้กิน เช่น ผักบุ้ง ผักกวางตุ้ง ผักคะน้า ผักกาดขาว ผักกาดหอม (พวกนี้อายุต่ำกว่า 30 วันทั้งสิ้น) วันหนึ่งเรากินผักที่ปลูกในระยะเส้นทางปลูกยาว 50 ซม. ดังนั้นถ้ารางยาว 8 เมตรตามตัวบ้าน มีสองชั้น รางสองรางยาวรวมกัน 16 เมตรจะรองรับการกินของเราได้ถึง 32 วัน ก็ครบรอบการโตของผักพอดี เราจะมีผักกินตลอดปี ด้วยรางผักเพียงสองราง
5) การรดน้ำก็ไม่เสียเวลาเพราะรดที่จุดเดียวตรงหัวรางเท่านั้น เสียเวลารดน้ำวันละ 1 นาทีเท่านั้น
6) สำหรับปุ๋ยหมักชีวภาพเราทำเองได้จากเศษอาหารเหลือค้างประจำวันของเรา หรือเศษผักที่หั่นที่ตัดเหลือ ผสมตามสูตรที่ท่านชอบ (เช่น กากน้ำตาล + หัวเชื้อ EM) .วิธีทำคือ เอาเศษอาหารมาใส่ครกตำพอละเอียด (การตำจะยิ่งช่วยเร่งปฏิกิริยา และยังช่วยในการกรอกใส่ขวด) ผสมน้ำ กากน้ำตาล em ตามสัดส่วน แล้วเทกรอกลงในขวด ด้วยกรวย (ขวดน้ำดื่มขนาด 1.5 ลิตร ทั่วไป)....ประมาณ 3 วันก็น่าจะบรรจุได้ครึ่งขวดพอดี เราก็ปิดฝาหลวมๆ พอให้อากาศเข้าได้ แล้วหุ้มด้วยผ้าดำ เพราะพวกนี้เขาไม่ชอบแสง แล้วทิ้งหมักไว้ให้สุก สมมติว่าใช้เวลาหมัก 9 วัน เราก็ควรมีขวดหมัก 4 ขวด เราก็จะมีน้ำปุ๋ยจุลินทรีย์รดผักเราต่อเนื่องทุกๆ 3 วัน โดยเวียนกันใช้ไปได้อย่างต่อเนื่อง
7) สำหรับการกำจัดแมลงให้ไปหาเขียดตัวน้อยๆมาเลี้ยงบนแปลง รวมทั้งจิ้งจก นอกจากนี้อาจปลูกผักไล่แมลงแซมเช่น ต้นหอม ผักชี
8) ถ้าเราทำหลายๆ ชั้นเต็มผนังบ้านเลย ต้นผักจะช่วยบังแดด ทำให้บ้านเย็นขึ้นด้วย อีกทั้งน้ำที่ระเหยจากใบผัก จะเย็นกว่าปกติ (ปรากฎการณ์ evaporative cooling) ก็จะยิ่งช่วยดูดความร้อนออกจากผนังบ้าน เลยได้ความเย็นสองต่อ โดยเฉพาะผนังด้านนี้แหละที่รับแสงทั้งวันและส่งผลต่อการร้อนของบ้านมากที่สุด การตัดผักที่สูงๆ ก็เพียงแค่ปีนกะไดไปตัด สนุกดี
โชคดีมีผักสะอาดกินกันถ้วนหน้าเด๊อพี่น้องเด๊อ
...คนถางทาง (๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๕)
ปล. ท่อยาว ๘ เมตรอาจยาวไป ขนย้ายมาจากร้านลำบาก อาจต้องเป็น ๔+๔ (บรรทุกใส่ฮอนด้าแจ๊สได้สบาย) แต่การรดน้ำจะมากขึ้นสองเท่า กรวดรองพื้นเพื่อให้ง่ายๆ ใช้กรวดชนิดเดียวกันไปเลย เอาหินฝุ่นเทาที่ใช้โรยถนนก็ได้ รองพื้นหนาสัก ๑ นิ้วเพื่อให้เป็นทางน้ำไหลใต้ดิน ท่อที่ว่าให้ทำเอียง ๑ องศานั้นอาจมากไป เอาง่ายๆ ก็คือทำให้ได้ระดับแล้วยกหัวรางขึ้นสัก ๑ ซม. ก็พอแล้วสำหรับท่อยาว ๔ เมตร (คือลาดชัน ๑ ต่อ ๔๐๐) น้ำจะได้ไหลแบบเอื่อยๆ ช้าๆ พอให้ดินมีเวลาดูดซับความชื้นได้ (เรื่องนี้จะให้ดีวิทยาลัยเกษตรน่าจะนำไปวิจัยหามุมเอียงที่ดีที่สุด ขนาดหินรองพื้นที่ดีที่สุด จะเป็นประโยชน์มาก)
อาจารย์ชลัญเคยปลูกใส่กระถางปลูกดอกไม้ แขวนเป็นไม้ประดับด้วยก็ OK นะค่ะ แต่ปลูได้ปริมาณน้อยๆ คงสู้ท่อพีวีซีไม่ได้
I can put both hands up for this: ต้นผักจะช่วยบังแดด ทำให้บ้านเย็นขึ้นด้วย อีกทั้งน้ำที่ระเหยจากใบผัก จะเย็นกว่าปกติ (ปรากฎการณ์ evaporative cooling) ก็จะยิ่งช่วยดูดความร้อนออกจากผนังบ้าน เลยได้ความเย็นสองต่อ
We don't use "air con" but a technology based on this at our place. It works --silently-- and no electricity bill!