กลับไปเจาะลึกในบางตอนที่กล่าวมาแล้วอีกสักตอนนะครับ
เด็กหนึ่งคน จุดเริ่มต้นของการศึกษา ของเขาอยู่ตรงไหน
พอเข้าอนุบาล ครูอนุบาล ก็เริ่มสอน เริ่มให้ฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่ ให้รู้ภาษา ให้ฟัง ให้พูด ให้ถาม ให้บอกเล่า ถ้าสอนเก่ง สอนดี เด็ก ๆ ก็จะทำอะไรได้เป็นตุเป็นตะ เช่น เจ้าหนูน้อยคนนี้ ที่ผมได้ถ่ายวีดิโอมากับมือ https://www.youtube.com/watch?v=fisHfv_EP64
โตขึ้นมาหน่อย ก็อ่านหนังสือ ทำแบบฝึกหัด ทำการบ้าน รับการทดสอบ ที่ทำได้ดีก็มีมาก ทำได้ไม่ค่อยดีก็มีให้เห็น ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะต้นทุนทางปัญญาในการอ่านออก เขียนได้ คิดเป็น ทำได้ เข้าใจอะไรง่าย หรือ ยาก ที่มากจากสภาพแวดล้อมของเด็ก ๆ ที่มีความเข้าใจ รู้จริงแต่ละคำ แต่ละประโยคค่อย ๆ เพิ่มเข้ามา ๆ เป็นความรู้สะสม สะสมไว้ ๆ นานเข้า จะคิด จะทำอะไรก็ทำได้ กลายเป็นเด็กเก่งมากเก่งน้อย ด้วยเพราะความรู้ที่มาจากคำ จากประโยค ที่กลายเป็นความคิดรวมยอดของแต่ละคน ที่มีมากมีน้อยแตกต่างกันไป
การที่จะกลายเป็นความคิดรวบยอดได้ ต้องใช้ทั้งสมองของเด็กเอง และใช้วิธีการสอนของครู ที่ไม่เพียงแต่บอกคำแปลว่าคำนี้แปลว่าอะไร คำนั้นแปลว่าอะไร แต่ต้องใช้ความเก่งของครูโดยรวมด้วย เพราะเด็ก ๆ มีทั้งที่เข้าใจ และไม่เข้าใจ ถ้าครูเอาแต่สอนแต่ละคำ ๆ นักเรียน ที่คละ ๆ กันอยู่ ที่คิดคล่องคิดเร็วกว่าก็ไม่อยากจะเรียน
แล้วจะสอนอย่างไรให้เด็ก ๆ ทุกคน โดยเฉพาะเด็กที่เก่งน้อย มีโอกาสเข้าใจจริง ในทุกสิ่งที่เรียน จากการฟัง พูด คิด อ่าน เขียน ออกมาเป็นคำ ๆ รวม ๆ กัน เป็นประโยค และเรื่องราวได้จริง ๆ
ก็ทำหนังสือ-สื่อ ดิจิตอล ให้ใช้ ที่เด็ก ๆ ทุกคนอ่านได้ อ่านไป ๆ คำใด พยางค์ ประโยคใด แล้วไม่เข้าใจ ก็คลิ๊กอ่าน ฟัง ดู ได้ในได้ทันที เพราะมีทั้ง พจนานุกรม คำอธิบาย ภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหว วีดิโอ แอนนิเมชั่น ตัวอย่าง กรณีตัวอย่าง หรือ อะไรก็ได้ ที่ทำไว้ให้เด็กเข้าถึง เข้าใจในทุก ๆ คำ พยางค์ และประโยค อย่างไรก็ดีเด็กคนใดเก่งมาก ๆ หากจะไม่ใช้ก็ไม่เป็นไร เพราะมันก็มีส่วนที่ไม่สะดวกที่ ต้องเปิดคอมพิวเตอร์ เปิด แทบเล็ตอ่าน ก็อ่านหนังสือแบบปกติไป
นานไปหากไทยทำแทบเล็ตราคาถูกได้ ใช้เป็นวิถึชีวิต เด็ก ๆ ก็เรียนได้สบาย ๆ ไปทุกคน
หากเด็กเข้าใจอะไรจากการอ่านด้วยตัวเอง การสอนของครูก็จะง่ายขึ้น การที่ครูจะนำเอาเวลามาทำสื่อการเรียนการสอนก็ลดน้อยลงไป เพราะสื่อการเรียนการสอน ก็คือ สื่อที่จะทำให้ง่ายต่อความเข้าใจในเนื้อหาสาระที่อ่าน หรือฟัง หรือ ดู ถ้าเนื้อหาสาระที่อ่านง่ายต่อการเข้าใจ การสอนของครูก็ง่าย การเรียนของนักเรียนก็ง่าย ความเป็น”นักเรียน” ที่ช่วยตัวเองให้เรียนรู้อะไร ๆ ได้เอง โดยรับการสอนจากครูแต่น้อย ๆ เด็ก ๆ ก็จะค่อย ๆ เก่งขึ้นด้วยตนเองได้
หากเด็ก ๆ เข้าใจภาษาที่มาจากทุกคำ ทุกประโยคที่ได้ฟัง พูด อ่าน เขียน จนสรุปเป็นความคิดรวบยอดเก็บไว้ในสมองได้ นำไปใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ ก็กลายเป็นการเรียนรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้อง นำไปต่อยอดให้รู้จริงในสิ่งใหม่ได้ แต่ถึงอย่างไร ๆ ก็ยังเป็นภาระหน้าที่ของครู ที่จะทำให้เด็กเรียน ดีขึ้น ๆ จากพื้นฐานเดิมที่มีอยู่ ประมาณว่า ถ้าเก่งและดีระดับ 5 ก็ต้องเพิ่มให้เป็น 6 7 8 ถ้าเก่งดีระดับ 4 ก็ต้องเป็น 5 6 7 ถ้าเก่งระดับ 1 ก็ต้องเป็น 2 3 4 จะเป็นอย่างนี้ได้ก็ไม่ใช่ให้เด็กอ่าน ๆ เพียงอย่างเดียว ต้องฝึก ต้องปฏิบัติ ต้องรับการทดสอบ และอะไรจิปาถะจากครู
ถ้าเด็ก ๆ เราเก่งภาษาไทย จะเรียนอะไร ๆ ก็จะง่ายขึ้น ปัจจุบันนักเรียนเราตกภาษาไทย http://kunnatee.athittaya.com/?p=709 แล้ววิชาอื่น ๆ จะไปรอดได้อย่างไร
ปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนสะกดคำไม่ได้เป็นปัญหาที่ทำให้การศึกษาไทยไปต่อได้ยาก เพราะภาษาไทยเป็นเครื่องมือในการจะเรียนรู้วิชาอื่นๆ ถ้าเป็นต้นไม้ก็คือรากแก้ว(การศึกษาระดับประถมศึกษา)ที่จะยึดลำต้นให้แข็งแรงและทำหน้าที่หาอาหารมาเลี้ยงลำต้นให้เจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ เพื่อจะผลิดอกออกผลและเป็นที่พึงของตนเองและเอื้อเฟื้อคนอื่นได้ แต่ตอนนี้รากแก้วไม่แข็งแรงแล้วจะทำหน้าที่ดูแลลำต้นได้อย่าไร ใครจะให้คำตอบที่ดีได้