ผู้เขียน : อณฎณ เชื้อไทย
สำนักพิมพ์ : แสงดาว
จำนวนหน้า : 160 หน้า
ราคา : 120 บาท
ระดับความชอบ : 9/10
คงจำข่าวของน้องธัญย์ที่ตกรถไฟฟ้าที่ประเทศสิงคโปร์กันได้นะครับ
ตอนนี้เธอใส่ขาเทียมแล้ว เรียนหนังสือที่โรงเรียนจิตรลดา มุ่งหน้าสู่การเป็นจิตแพทย์
เป็นคนไข้ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เมื่อครั้งได้ยินข่าว ชื่นชมในความมีสติของเธอ สามารถโทร.กลับบ้านที่เธอพักที่สิงคโปร์ได้ แต่คนรับไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้
จนซักพักมีคนที่พูดภาษาอังกฤษได้โทร.กลับมาที่มือถือเธอ จึงได้เล่าเหตุการณ์และจุดเกิดเหตุให้เขามาช่วยกันได้
ต่อมาเห็นรอยยิ้มเธอมีตลอดในทุกการสัมภาษณ์ เหมือนเธอยืนอยู่เหนือความทุกข์เรื่องขาที่ขาดหายไป
ในเล่มนี้จะบอกมุมมองการใช้ชีวิตของน้องธัญย์ ซึ่งคิดบวกได้ยอดเยี่ยมมาก ปลอบคุณแม่ที่เสียใจได้
คุณพ่อคุณแม่มีส่วนอย่างมากในการหล่อหลอมเธอคนนี้ขึ้นมา
คุณพ่อเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ทิม วัดช้างไห้ เลยให้ลูกสาวสวดมนต์ไหว้พระทุกคืนๆ ละหลายบท และบทที่ขาดไม่ได้คือคาถาไหว้หลวงพ่อทวด
คุณพ่อใกล้ชิดและให้โอกาสลูกตัดสินใจเสมอ ทำให้เธอกล้าหาญในการเลือกทางเดิน
น้องธัญย์เรียนเก่งมาก และเป็นคนมีน้ำใจ ครูที่โรงเรียนบอกว่าหากเธอเห็นหอบเอกสาร จะรีบวิ่งเข้ามาช่วยทันที จึงเป็นที่รักเมื่ออยู่ในโรงเรียน
หลังจากเสียขา เธอก็บอกแม่ว่า เสียขาไม่ได้เสียสมอง และ ขาเทียมแบบนี้ก็แปลกดี
แถมยังให้คุณแม่กลับไปขายของหาเงินต่อแทนที่จะมาเฝ้าเธอ
อีกหนึ่งประเด็นคือพระกรุณาของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงรับเธอเป็นคนไข้ ขาเทียมที่เธอใช้ราคาสูงมาก การเข้าเรียนที่โรงเรียนจิตรลดา
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินที่มีแก่ไพร่ฟ้าเสมอมา
แม้เธอจะประสบสิ่งเลวร้ายในชีวิต แต่เมื่อคิดได้ ไม่คร่ำครวญกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว มาตั้งต้นหาทางในการดำเนินชีวิตด้วยการคิดบวก แล้วก็ตามมาด้วยความสุข
น้องธัญย์เด็กน้อยมอต้นทำให้ดูเป็นตัวอย่างแล้วครับ เป็นได้จริงๆ เพียงเราทำใจยอมรับความจริงให้ได้
คุณพ่อแม่ทั้งหลายก็เอาแบบอย่างพ่อแม่ของเธอ ผูกติดธรรมะไว้ เป็นเพื่อนคู่คิดของลูกตลอดชีวิต แล้วจะได้เด็กดีๆ ประดับโลกแบบน้องธัญย์คนนี้
แค่มีแนวคิดดีๆ ในการใช้ชีวิต ก็จะผ่านเรื่องร้ายๆ ในชีวิตไปได้
หรือเรื่องร้ายของคุณแรงเท่ากับที่น้องธัญย์เจอ?
มีความสุขจากการคิดบวกทุกคนครับ