เรื่องราวที่ผมเคยเขียนไว้ใน อารยธรรมขอมในถิ่นผู้ไท ทั้งตอนที่ 1 และ 2 นั้นได้กล่าวถึงการพบร่อยรอยของวิถีวัฒนธรรมคนยุคโบราณสมัยเก่า อาจจะเป็นช่วงที่ขอมเข้ามาปักหลักอาศัย ทำมาหากิน สร้างบ้านแปงเมืองกันอยู่บริเวณนี้ หรืออาจจะเป็นร่องรอยของชาวละว้า ที่มีการเชื่อมโยงกับกลุ่มวัฒนธรรมของชาวมอญ อันนี้ก็ไม่ทราบได้ เพราะเป็นการศึกษาของนักประวัติศาสตร์ แต่ผมดูและสังเกตจากสิ่งที่พบเป็นหลักว่า วัตถุพยานที่พบในเขตชุมชนโบราณน่าจะเชื่อมโยงกันเนื่องจาก พื้นที่ไม่ห่างกัน รูปแบบศิลปกรรมคล้าย ๆ กัน แล้วนำมาปะติดปะต่อกันเป็นแผนที่ ผมได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชุมชนโบราณในแถบนี้ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการเชื่อมโยงและร่วมสมัยกับชุมชนโบราณแห่งแรก ที่ได้เสนอไป (ชุมชนทางไปอุโมงค์ผันน้ำ) สถานที่แห่งนี้ เรียกว่าเมืองสระพังทองซึ่งใช้ชื่อเรียกเป็นชื่อตำบลหนึ่งในเขตอำเภอเขาวง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตัวอำเภอ ห่างออกไป 5 กม.
ในบริเวณนี้ปัจจุบัน เป็นที่ทำการเกษตรกรรม และที่อยู่อาศัยของชาวผู้ไท ที่อพยพมาจากเมืองวัง สปป.ลาว ซึ่งมาพร้อมกันกับชาวผู้ไทเมืองกุดสิมนารายณ์ บริเวณนี้เป็นชุมชนโบราณ มีหนองน้ำโบราณเรียกว่าหนองสระพังทอง เลยเป็นที่มาของชื่อตำบล สิ่งที่ตรวจพบมีทั้งเครื่องประดับที่ทำจากทอง บ่งบอกว่ามีการค้าขายทองตั้งแต่อดีต โดยทองเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนที่มีค่ามากที่สุด จากคำบอกเล่าของชาวบ้านที่อยู่ใกล้เขตของใบเสมา กล่าวถึงการค้นพบเครื่องประดับโบราณ เช่น กำไลทอง แหวน ซึ่งมักเป็นการพบโดยบังเอิญจากการขุด ไถดินเพื่อทำเกษตรกรรม ผู้พบนำไปเป็นสมบัติส่วนตัว หรือขายต่อ แล้วมักประสบกับเหตุเภทภัยต่าง ๆ ถึงกับล้มหมอน นอนเสื่อ เสียชีวิตเกือบยกครอบครัวเลยก็มี จนต้องนำมาคืนไว้บริเวณเมืองโบราณแห่งนี้ เป็นคำสาปที่ตราไว้ หรือ ความเชื่อของผู้คน ก็แล้วแต่จะพิจารณา แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ ถ้าพบโบราณวัตถุควรส่งมอบให้เป็นสมบัติส่วนรวมของชุมชนดีกว่า
ในเขตเมืองสระพังทองนั้น พบใบเสมาอยู่หลายใบ มีการเคลื่อนย้ายมาไว้ที่วัดจำนวนหนึ่ง และยังอยู่ในบริเวณเดิมอีก 2 ใบ
บางใบยังจมดิน ดูจากลักษณะและศิลปกรรมแล้ว คล้ายคลึงกับที่พบที่ชุมชนโบราณแห่งแรก (ชุมชนโบราณทางไปอุโมงค์ผันน้ำ) จึงพอที่จะสรุปได้คล่าวๆว่า เป็นศิลปกรรมร่วมสมัยกันอย่างแน่นอน
วัฒนธรรมพระไม้ เกิดในยุคหลังหลังจากที่ชาวผู้ไทรับเอาพุทธศาสนาจากลาวเวียงจันทร์ ลักษณะจึงคล้ายศิลปะลาว
ไม่มีความเห็น