น้ำมันมะพร้าวเยื่อฟักข้าว
หัวกะทิ จากตลาดบอกผู้ขายให้บีบแบบไม่ใส่น้ำ
ฟักข้าวแก่สุก
ผ่าตามขวางหรือผ่าตามยาว
ใช้ช้อนตักเมล็ดใส่ในถ้วยหรือภาชนะ
ที่จะต้องคั้นเพื่อให้เยื้อสีแดงออกจากเมล็ด
ใช้มือยี่ หรือ ที่ตีไข่ ก็จะออกง่าย
เยื่อฟักข้าวไม่ได้ผสมน้ำ
หัวกะทิกับเยื่อฟักข้าว เทลงกระทะ เคี่ยวไฟอ่อนๆ
อัตราส่วน หัวกะทิ 2 ส่วนเยื้อฟักข้าว 1 ส่วน
เคี่ยวไฟอ่อนคนตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ติดก้นกระทะจนงวดลงเรื่อยๆ
น้ำมันเริ่ม ลอยอยู่ด้านบน
เมื่อใกล้จะเสร็จหัวกะทิและเยื่อฟักข้าว
จะละเอียดเบากระจายมองไม่เห็นน้ำมัน
จนหอมเกรียบๆซึ่งดูยากพอควรเพราะสีแดงไปหมด
เมื่อปิดไฟแล้วค่อยๆตักขึ้นไว้ข้างกระทะ ทัพพีกดให้น้ำมันออกมา
น้ำมันจะออกมามาก
ตักกรองบนผ้าขาวบางหรือกระดาษกรอง 1 ชั้น
พอน้ำมันเย็นดูแล้วใสดี ใช้ได้ทันที หรือใส่ขวด
มีปริมาณเบต้าแคโรทีน มากกว่าแครอท 10 เท่า มีไลโคฟีนมากกว่า มะเขือเทศ 12 เท่าและมีกรดไขมันขนาดยาวประมาณร้อยละ 10 ของมวล การกินเบต้าแคโรทีนจากฟักข้าวพบว่าดูดซึมในร่างกายได้ดี เพราะละลายได้ในกรดไขมันดังกล่าว
ความเชื่อที่ว่า ฟักข้าวบำรุงสายตา นั่นถูกต้องแต่ ต้องกินจากเยื้อเมล็ดไม่ใช่ส่วนอื่น เมื่อใช้เยื่อฟักข้าวเสริมอาหารให้กับเด็กก่อนวัยเรียนในงานวิจัยในประเทศ เวียตนาม พบว่าเด็กในกลุ่มมีปริมาณเบต้าแคโรทีนและไลโคฟีนในพลาสมาสูงขึ้น และกลุ่มที่มีปริมาณความเข้มข้นของเฮโมดกบินต่ำ มีความเข้มข้นขึ้นด้วย จึงแนะนำให้ผู้ที่มีเลือดจางกินข้าวหุงเยื่อเมล็ดฟักข้าวสุกด้วย ปัจจุบันมีผู้นำเยื่อเมล็ดนี้ผลิตเป็นเครื่องดื่มอาหารจำหน่ายในต่างประเทศ
ไลโคฟีน เป็นสารกลุ่ม แคโรทีนอยด์ พบได้ในผักและผลไม้บางชนิด ทำหน้าที่เป็นรงควัตถุรวบรวมแสงให้แก่พืชผผักออกซิเจนโมเลกุลเดี่ยว (อนุมูลอิสระ) และแสงที่จ้าเกินไป การกินไลโคฟีนที่มีฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่นได้รับการพิสูจน์จากวงการแพทย์ว่ามี ผลลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะอาหาร เนื่องจากเยื่อเมล็กฟักข้าวมีไลโคฟีนมากกว่าผลไม้อื่นๆทุกชนิด จึงถือว่าเป็นอาหารต้านมะเร็งที่ดีที่สุดชนิดหนึ่งจากฤทธิ์ของไลโคฟีน
ประเทศเวียตนาม การวิจัยทางคลีนิกที่มหาวิทยาลัยฮานอย
พบว่าน้ำมันจากเยื่อเมล็ดฟักข้าวมีประสิทธิภาพในการรักษามะเร็งตับ
ขอบคุณข้อมูล เยื่อสีแดงเมล็ดฟักข้าว จากเว็บไซต์หมอชาวบ้าน
โดยอาจารย์สุวัฒน์ ทรัพยะประภา ส่งเป็นเอกสารมาให้ทราบ
- ก่อนบันทึกนี้ได้ทำน้ำมันมะพร้าวเยื่อและเมล็ดฟักข้าวใช้ประโยชน์ เช่นเดียวกันแต่มีเมล็ดเคี่ยวลงไปด้วยก็จะได้ประโยชน์จากเมล็ดด้วย ซึ่งต้องเป็นเมล็ดฟักข้าวแก่นำเปลือกออก ที่จะได้ประโยชน์มากกว่าเมล็ดฟักข้าวอ่อน
- น้ำมันที่เคี่ยวหัวกะทิและเยื่อฟักข้าวสีแดง ในบันทึกนี้ ใช้บำรุงผิว และ เป็นน้ำมันประกอบอาหารได้เช่นเดียวกับน้ำมันอื่นๆ ฯลฯ
ด้วยความปรารถนาดี กานดา แสนมณี
ขอบคุณสาระดีๆมีประโยชน์นี้ค่ะ..
สวัสดีค่ะพี่ดา
ไม่เจอพี่ดานานมากคิดถึงเช่นกันค่ะ ยังเจอพี่สาโรจน์เพื่อนพี่ดา จะฝากอะไรมั้ยคะ ขอบคุณความรู้เรื่องฟักข้าว มหัศจรรย์จริงๆ
สวัสดีตอนดึกค่ะพี่ดา
น้องมาส่งพี่ดาเข้านอนค่ะ น้องจะไปปฏิบัติธรรม 3 วันนะคะ กลับมาค่อยคุยกันค่ะ
ว๊าวน่าสนใจอีกแล้วค่ะคุนพี่กานดา แต่อันนี้คงยากน่าดูสำหรับหนู เพราะไม่เคยเห็นและคงหาไม่ได้แน่ๆเลยค่ะTT คงต้องเก็บไว้ประดับความแทน..
สนใจข้อมูล เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย และผลิตภัณฑ์ เกี่ยวกับฟักข้าว ได้ที่ http://www.facebook.com/Ginsize
ทำไมต้องใช้เยื่อฟักข้าวสีแดงสกัดเป็นน้ำมันพร้อมหัวกะทิ ถ้าไม่ใช้หัวกระทิได้ไหมคะ