บทที่ ๒
ในบทที่ ๑ ได้แสดงให้เห็นภาพความสัมพันธ์ระหว่างจุดประสงค์การเรียนรู้สู่การวัดและประเมินผล โดยการสร้างความเข้าใจต่อคำที่ย้ำให้เห็นพฤติกรรมที่ต้องการให้ปรากฏในตัวของผู้เรียน
ถ้าเรามองให้ลึกลงไปในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนครั้งหนึ่ง ๆ นั้น เราจะเห็นวัฏฏสงสารของชีวิตการเรียนการสอนที่วนเวียนอยู่อย่างไม่รู้จบและเป็นห่วงโซ่ร้อยรัดกันไปตลอดเวลาที่มีการเรียนการสอน ดังนี้
วงเวียนการเรียนรู้
จุดประสงค์
กิจกรรมการเรียนการสอน วัดและประเมินผล
(ดูรูปได้ที่ https://sites.google.com/site/chatreesamran/hnangsux/-doc-11 ครับ)
ความสัมพันธ์สอดรับเป็นวงกลมของการจัดการเรียนการสอนนี้จะไม่มีที่สิ้นสุด ตราบใดที่ชีวิตนี้ยังมีการเรียนรู้เกิดขึ้น
ชีวิตทุกชีวิตย่อมมีเป้าหมาย และเป้าหมายของชีวิตนั้นๆ ย่อมมีการนำมานั่งทบทวนตนเองว่า ได้เดินทางไปสู่เป้าหมายที่วางไว้มาก – น้อยเพียงใด
คนกินข้างเสร็จแล้วจะทบทวนถามตนเองว่าอิ่มมากน้อยเพียงใด ภาพเหล่านี้เป็นภาพที่ซ่อนลึกอยู่ในวงเวียนการเรียนรู้ เพราะในการกินข้าวครั้งหนึ่ง ๆ ก็ย่อมมีจุดประสงค์ แล้วลงมือกินข้าว คือ กิจกรรม กินไป ๆ ก็ต้องตรวจดูว่า อิ่มแล้วยัง นั่นคือ การวัดและประเมินผล การกินข้าว
สิ่งที่น่าสังเกตอยู่อย่างหนึ่งคือ เมื่อคิดจะประเมินผลการกินข้าวจะมีคำถามซ่อนอยู่ว่า “อิ่มแล้วยัง” ตรงนี้แหละคือสิ่งที่เราน่าจะนำมาพิจารณาว่า ในชีวิตจริงของคุณครูนั้น มีคำถามอย่างนี้ซ่อนอยู่ระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนบ้างไหม “คุณครูเคยถามตนเองบ้างไหมว่า”
คุณครูลองนำโจทย์ปัญหานี้ถามตนเองขณะที่ดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน แล้วมองหาภาพลึก ๆ ที่ซ่อนอยู่ในชั้นเรียนเพื่อจะนำมาประมวลเป็นคำตอบ ตอบคำถามข้างต้น เหมือนกับที่เราถามตนเองว่า อิ่มแล้วยัง ขณะที่กำลังกินข้าว
การวัดผลและประเมินผลนั้น คุณครูต้องดูที่จุดประสงค์ว่าต้องการให้ผู้เรียน รู้ ทำและเกิดอะไรขึ้นกับผู้เรียน ถ้าคุณครูพลิกกลับไปดู “ ภาพแสดงความสัมพันธ์ระหว่างจุดประสงค์การเรียนรู้กับการวัดและประเมินผลการเรียนรู้” ที่ทำเป็นตัวอย่างในบทที่ 1 แล้วนั้น คุณครูก็จะเห็นภาพได้ชัดเจนว่า จุดประสงค์การเรียนรู้ต้องการอะไร ซึ่งเราผู้สอนก็ต้องวัดและประเมินผลสิ่งนั้นให้ปรากฏภาพมาตอบจุดประสงค์การเรียนรู้ให้ได้
สิ่งที่คุณครูพึงรำลึกไว้เสมอว่า ทุกครั้งที่วัดผลการเรียนรู้นั้น คุณครูจะต้องอาศัยองค์ประกอบที่สำคัญคือ
1. จะต้องมีจุดมุ่งหมายของการวัดผลระบุไว้ให้ชัดเจนว่า
1.1 จะวัดอะไร
1.2 จะวัดในสถานการณ์ใด
1.3 จะวัดไปทำไม
คำถามทั้ง 3 ข้อนี้จะช่วยให้คุณครูเดินทางได้ตรงเป้าและเส้นทางที่ปรากฏในภาพแสดงความสัมพันธ์ระหว่างจุดประสงค์กับการวัดประเมินผลที่แสดงผ่านมานั้นจะตอบคำถามทั้ง 3 ข้อนี้ได้ ทั้งนี้คุณครูผู้สอนต้องเขียนระบุคำตอบเหล่านี้ให้ชัดเจนใน “สิ่งที่ผู้วัดและประเมินผลต้องค้นหาให้พบ” ซึ่งจะเป็นเครื่องช่วยให้คุณครูทำงานได้ตรงทิศทาง ถ้าเราไม่เขียนไว้ให้ชัดเจนก็จะลืมได้ การลืมส่งผลให้วัดผลได้ไม่ตรงประเด็นเท่าที่ควรจะทำให้ข้อมูลที่ได้มาขาดความน่าเชื่อถือ
2. เมื่อคุณครูรู้ว่า เราจะวัดอะไร ในสถานการณ์ใดและวัดไปทำไมแล้ว คุณครูต้องกำหนดเครื่องมือการวัดให้ตรงกับงานที่ต้องการใช้ เช่น แบบสัมภาษณ์ ข้อสอบ มาตรการประเมินค่า แบบการสังเกต พร้อมกับมีเกณฑ์คะแนนที่ชัดเจนด้วย
3. เมื่อคุณครูวัดผลได้มาแล้ว อย่าลืมว่า ความสำคัญของการวัดผลนั้นอยู่ตรงที่คุณครูนำผลที่วัดได้มาแปลผลและนำใช้ประโยชน์ในการพัฒนาผู้เรียน ตรงนี้สำคัญมาก
ส่วนในการประเมินผล นั้น เป็นกระบวนการต่อเนื่องจากการวัด การประเมินผลจะต้องอาศัยข้อมูลจากการวัดที่เป็นปรนัย กล่าวคือ มีความเที่ยงตรง เชื่อถือได้ หรือในบางครั้งการประเมินผลต้องอาศัยการ “สังเคราะห์ข้อมูล” จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำมาตัดสินคุณค่าของสิ่งนั้น โดยคุณครูสามารถอาศัยองค์ประกอบที่สำคัญ 3 ส่วนอีกเช่นกัน คือ
นั่นแสดงว่า การวัดกับการประเมินจะมีความสัมพันธ์เชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งเดียว เพราะคุณครูประเมินผลได้ดี มีผลที่น่าเชื่อถือได้ก็ต้องอาศัยข้อมูลจากการวัดมาตีค่าความหมายแล้วกำหนดคุณค่าว่า ดี ดีมาก น่าพอใจ มากน้อยเพียงใด โดยอาศัยเกณฑ์มาตรฐานที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว
เมื่อมาถึงตรงนี้ คุณครูก็อาจจะมองเห็นคุณค่าของ “ภาพแสดงความสัมพันธ์ระหว่างจุดประสงค์การเรียนรู้กับการวัดและประเมินผลการเรียนรู้” และ “กรณีความสอดรับกันระหว่างการวัดและประเมินผลการเรียนรู้กับพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออกในขณะที่เกิดการเรียนรู้” เพราะทั้งสองส่วนนี้จะช่วยให้คุณครูดำเนินการสร้างเครื่องมือและตอบคำถามที่คุณครูถามเพื่อเป็นแนวทางในการค้นหาคำตอบได้อย่างดี
คำถามสำคัญที่คุณครูจะต้องน้อมรำลึกอยู่เสมอทุกครั้งที่เตรียมการสอน ลงมือทำการสอนและเมื่อสอนเสร็จแล้ว คือ “สอนทำไม และผู้เรียนจะได้อะไร หรือผู้เรียนจะนำไปใช้ประโยชน์ที่ใดได้บ้าง” คำถามนี้คือข้อที่คุณครูควรสำเหนียกไว้ทุกลมหายใจเข้าออก เพราะเป็นกุญแจสำคัญของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
สอนทำไม จะควบคู่ไปกับวัดและประเมินผลทำไม คุณครูต้องค้นหาประโยชน์ของการวัดและประเมินผล คำถามแรกนี้เป็นคำถามที่จะนำคุณครูให้คิดวางแผนการวัดและประเมินผล ข้อต่อไปได้ ถ้าคุณครูตอบได้ว่า “วัดและประเมินผลทำไม” แล้วคุณครูจะสามารถเขียนจุดประสงค์ของการวัดและประเมินผลได้ตรงเป้าหมาย ชัดเจนและง่าย
ในการวัดและประเมินผลนั้น คุณครูส่วนใหญ่จะวัดและประเมินผล 3 ช่วง ของการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนครั้งหนึ่ง ๆ คือ ก่อนสอน ระหว่างสอน และหลังสอน
การวัดและประเมินผลก่อนสอน นั้นเพื่อที่จะจัดวางตำแหน่งของผู้เรียนว่า ใครอยู่ในกลุ่มการเรียนเก่ง ปานกลาง และอ่อน เพื่อง่ายต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
การวัดผลประเมินผลระหว่างสอน นั้นเพื่อที่คุณครูผู้สอนจะได้ดูว่า ผู้เรียนแต่ละคน แต่ละกลุ่มพัฒนาการเรียนรู้ขึ้นมาในระดับใด มีด้านใดที่ต้องเติมเต็มให้อีก เพราะหน้าที่ของครูคือ
เติมเต็มให้รู้
เติมดูให้เห็น
เติมเล่นให้เรียน
เติมเขียนให้อ่าน
แล้วเด็กจะสร้างผลงานให้ครูเห็นได้
การวัดและประเมินผลหลังสอน เป็นการสรุปผลการเรียนรู้ของผู้เรียนว่า พัฒนาขึ้นมาเพียงใด และสรุปผลการสอนของคุณครูว่า กิจกรรมใดที่ผู้เรียนนำใช้แล้วเกิดการเรียนรู้ กิจกรรมใดที่ทำให้ผู้เรียนสับสน ต้องแก้ไขต่อไป การวัดและประเมินผลหลังสอนจะมีประโยชน์ต่อการตัดสินผลสัมฤทธิ์ทางระดับการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วย
อ่านเป็นเล่มได้ที่นี่ https://docs.google.com/docume...
ไม่มีความเห็น