ครั้งหนึ่งผมเคบอ่านหนังสือของ อ.วรภัทร ภู่เจริญ เล่าถึงสมัยเป็นอาจารย์อยู่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ท่านออกข้อสอบโดยการให้นักศึกษาออกข้อสอบพร้อมเฉลยเอง ผมจำไม่ได้มากนักว่าผลออกมาเป็นอย่างไร แต่เท่าที่พอจำได้ก็ไม่ได้ผลออกมาดีมากนัก
ขยายความให้เห็นภาพ ผมเข้าไปอ่านในสังคมออนไล์ ที่เกี่ยวกับเรื่องการบันทึกข้อมูลสุขภาพ ส่วนใหญ่ก็มักคุยกันเรื่องความสมบูรณ์ของข้อมูล มีการแลกเปลี่ยนเทคนิคและวิธีการต่างๆ มากมาย ขณะเดียวกันผมลองถามกลับไปในบางแห่งที่มีข้อมูลค่อนข้างจะสมบูรณ์ว่า "แล้วมีอัตราการการใช้บริการเท่าไหร่" อาจมีคำตอบเพียงเบาๆ หรือไม่มีกลับมา
ก) การคิดที่ไม่ “ยึดติด” กับเนื้อหา แต่ให้เข้าใจ “บริบท” (ผู้เขียน : เช่น ไม่จำเป็นต้องไปจำปีที่กรุงศรีอยุธยาแตก แต่ควรเข้าใจว่าเพราะเหตุใดกรุงศรีอยุธยาจึงแตก)
ข) สามารถเก็บสะสมข้อมูลต่างๆ และนำสรุปเป็นทฤษฎีหรือนำมาตั้งข้อสังเกตใด (ผู้เขียน : อาจต้องต่อเนื่องจากข้อแรก คือ เมื่อเข้าใจในบริบทของเรื่องต่างๆ มากเข้าก็สามารถนำมาคิดต่อยอดได้)
ค) ไม่ยึดติดกับสาขาการศึกษาเดียวในการวิเคราะห์ เช่น เมื่อเป็นนักเศรษฐศาสตร์ ก็ใช้วิชาเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์เพียงแต่อย่างเดียว (ผู้เขียน : อันนี้เราพบบ่อย ยิ่งเมื่อเรียนมากขึ้นบางครั้งก็ยึดติดกับสาขาที่ตัวเองเรียนมา จนอาจปิดกั้นเรื่องอื่นๆ ทำให้มุมมองแคบลง พูดง่ายคือมี “อัตตา” เพิ่มมากขึ้น)
ง) มีความสามารถในการคิดบังคับตนเองให้กระทำในสิ่งที่สำคัญ พูดง่ายคือ คิดในเรื่องที่ควรคิดและเป็นประโยชน์
ไม่มีความเห็น