Praepattra
ผู้ช่วยศาตราจารย์ Praepattra Kiaochaoum

ตอนที่ 4 ถอนคำสาบาน ถอนคำอธิษฐาน ยกเลิกสัญญาใจ


พวกเราได้รับรู้เรื่องจริงในเรื่องราวของความรัก  ความผูกพันที่พันผูกข้ามภพ ข้ามชาติ ติดตามมาพร้อมคำอธิษฐาน สัญญา สาบานต่อหน้าพระประธานอันศักดิ์สิทธิ์ของพระนางอุทุมมาพรเทวีหรือเทพธิดาอุทุมมาพร กับท่านอมรเทพไปแล้ว แรงอธิษฐานทำให้พระนางเกิดความทุกข์ทรมานยาวนานถึง ๑,๔๐๐ ปี (ไม่ใช่น้อยๆนะคะ แรงจริงๆ) ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อคะ พลังแรงอธิษฐานที่เกิดขึ้น ศักดิ์สิทธิ์จริงๆค่ะ ทุกข์จริง เจ็บจริงด้วย  โดยไม่ใช้สแตนต์อิน เลิกรักก็ไม่ได้ เลิกรอก็ไม่ได้ ไปไหนก็ไม่ได้ ทุกข์ เศร้า เสียใจ ทุกข์ระทมมานานจนหมดใจยินดีในรักแล้ว ก็ยังทำอะไรไม่ได้  เพราะพระนางติดอยู่กับคำอธิษฐาน  ไปไหนไม่ได้ (เฮ้อ..สุดแสนจะเศร้าใจ เราเคยไปสาบานรักแบบนี้ไว้กับใครบ้างไหมหนอ) 

 

มาเอาใจช่วยพระนางอุทุมมาพรเทวีหรือเทพธิดาอุทุมมาพรกันต่อนะคะว่า เมื่อตัดใจจากอมรเทพแล้ว พระนางจะถอนคำอธิษฐานได้หรือไม่ จะได้ไปเกิดบนสวรรค์หรือไม่ ตามมาอ่านเรื่องจริงไม่อิงนิยาย ได้มาจากกรรมฐานของคุณพี่เค้ากันต่อเลยคะ

 

            คณะพิธีถอนคำอธิษฐานและอมรเทพในชาติปัจจุบัน ได้นัดหมายและเดินทางออกจากลำพูนมาในสถานที่ ตามวัน เวลาที่ได้ใช้ในการอธิษฐานในชาติที่แล้วๆมา คือ เวียงท่ากาน เวลา ๑๕.๓๐  น.  ซึ่งก่อนหน้านั้นมีกำหนดการเดินทางทำพิธี ๔ ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ มีอุปสรรคขัดขวางการทำพิธีตลอด ติดธุระบ้าง น้องอมรเทพไม่สบายบ้าง ต้องเข้าโรงพยาบาล 2 ครั้ง พี่ที่เล่าเรื่องได้นัดเพื่อนๆ มาทำบุญร่วมกันและสวดมนต์บทรัตนสูตร จึงทำให้อาการป่วยของน้องอมรเทพดีขึ้น จึงได้ออกเดินทางมาที่เวียงท่าการในวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๓ ประมาณ ๓ โมงเย็น พอถึงเวียงท่ากาน จากสถานที่เงียบ สงบ สงัด จู่ๆก็มีลงแรงพัดมาอย่างไม่มีปีมีขลุ่ย และมีลำแสงสีขาวพุ่งลงมาจากท้องฟ้า มีกล่มหมอกควันเกิดขึ้น ทั้งๆที่ยังไม่ได้ไปจุดธูป (ขนลุก)

 

            เมื่อได้จุดธูป แล้วพนมมือ ก็มีลำแสงสีเหลืองพุ่งลงมาจากท้องฟ้าและอยู่ใกล้กับน้องอมรเทพ พี่เค้าก็เริ่มพิธีถอนคำอธิษฐาน กล่าวคำอธิษฐาน เพื่อนร่วมคณะต่างพากันได้ยินเสียงผู้หญิงกล่าวว่า “ขอบคุณมากนะ”

 

          เสร็จพิธีแล้วพระอาจารย์ที่ทางคณะนิมนต์มาร่วมเป็นสักขีพยานในการทำพิธีนี้ ก็ได้ทำการกรวดน้ำอุทิศบุกุศลให้ ก่อนเดินทางกลับ

 

            ในที่สุดคำสัญญาที่กลายเป็นคำสาป ทำให้เกิดการจองจำอันยาวนานถึง ๑,๔๐๐ ปีของพระนางอุทุมมาพรเทวีก็ได้สิ้นสุดลง  พระนางได้เป็นอิสระจากบ่วงรัก บ่วงทุกข์แล้ว พระนางได้ขึ้นไปอยู่บนวิมานในสวรรค์ชั้นดุสิตและจะไม่กลับมาเกิดอีกต่อไป

 

            นี่คือบทเรียนอันยิ่งใหญ่ ของความทุกข์ทรมานที่เกิดจากความรัก เรื่องนี้เป็นแบบอย่างให้ทุกคนรู้ว่า อย่าล้อเล่นกับคำสัญญา คำอธิษฐาน คำสาบานใดๆ เราควรมีสติ ไม่ไปสัญญา  สาบานรักไว้กับใคร และไม่ยอมให้ใครมาสัญญา สาบานรักกับเรา โดยเฉพาะการตั้งสัจจะอธิษฐานต่อหน้าพระพุทธรูป ทำให้เกิดอานุภาพและความศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ข้ามภพ ข้ามชาติติดตามกันไม่รู้จบ ถ้าไม่ทำพิธีถอนคำอธิษฐาน ก็อย่าได้หวังว่าจะสุข สมหวังในความรักอีกเลย ก็ต้องทนทุกข์เพราะความรักทุกชาติไปแบบนี้ล่ะ

 

            เพราะเราไม่อาจจะรู้ใจคนรักของเราได้ว่า ใจจะแปร รักจะเปลี่ยน ไปเมื่อใด จะรักษาความรักไว้ได้นานเท่าใด ที่สำคัญ เราจะตามกันมาเกิดในทุกชาติภพอีกหรือไม่ ชาตินี้เราเกิดเป็นมนุษย์ แต่เค้าล่ะ ชาตินี้เกิดมาเป็นอะไร ใช่เป็นมนุษย์เหมือนเราหรือเปล่า จริงๆแล้ว แน่ใจหรือว่าเค้าได้มาเกิดแล้ว 555 แน่ใจหรือว่าเราจะตามกันทันทุกชาติ ภพ  บุญกรรม ทำมาไม่เท่ากัน การเกิดเป็นมนุษย์เป็นของยาก แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่า จะแน่นอน


 

 

กฏไตรลักษณ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกเอาไว้แล้วนี้ค่ะ ว่า มันไม่เที่ยง (ไม่แน่นอน) มันเป็นทุกข์ มันบังคับไม่ได้ แล้วจะหวังอะไร กับใครได้ค่ะ กับตัวเองก็หวังพึ่งไม่ได้ค่ะ เราเวียนว่ายตายเกิด แล้วเราก็ลืม แล้วเราก็เกิด แล้วเราก็ลืม แล้วเราก็เกิด วนเวียนอยู่อย่างนี้ในวัฏฏสงสาร  น่าอนาถไหมค่ะ

 

 

รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง มันเป็นเพียงแค่คำพูดค่ะ ให้หลงใหล ให้ติดกับบ่วงรัก บ่วงทุกข์กันเล่นๆ ถ้าเอามาจริงจังถึงขั้นสัญญา สาบาน อธิษฐานกันด้วยแล้ว ระวังจะเป็นอย่างเรื่องพระนางอุทุมมาพร ต้องรออยู่ที่เดิม รอคนเดิมมาเป็นพันปี ดังนั้น ไม่ควรใช้ชีวิตอย่างประมาท อย่าล้อเล่นกับการตั้งสัจจะอธิษฐาน ผูกจิตวิญญาณของตัวเองกับใครทั้งสิ้น  ขอร้องอย่าทำ  อย่าได้คิดที่จะทำ

 

 

ชีวิตไม่แน่นอน ใจมนุษย์ก็ไม่แน่นอนค่ะ ทั้งใจเราเองและใจคนอื่น  มันเปลี่ยนกันได้  จำไว้นะคะ ต้องมีชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาทค่ะ  เพื่อจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความรักเหมือนดั่งพระนางอุทุมมาพรเทวี

 

 

สำหรับใครที่จำได้ว่า เราเอง เคยไปทำสัญญา สาบานไว้ อธิษฐานรักต่อหน้าพระพุทธรูปไว้กับใครบางคน จะทำจริงจังหรือทำเล่นๆก็ตาม ขอแนะนำว่า ให้ไปตามเค้ากลับมา แล้วรีบไปทำพิธีถอนซะ ในสถานที่เดิม เวลาเดิม อย่าได้รีรอ อย่าได้ลองดี อย่าได้ประมาท อย่ารอให้คำอธิษฐานกลายเป็นคำสาปจองจำเราทุกชาติภพ วันนี้อะไรๆยังไม่เปลี่ยน แต่วันหน้าอะไรๆก็เปลี่ยนไป รีบๆไปถอนคำสาบานรักก่อนดีกว่าค่ะ กันเหนียวค่ะ

 

 

สำหรับใครที่จำไม่ได้ แต่มีความสงสัยอยู่ว่าเราอาจจะไปเผลอ ขาดสติ ทำอะไรแบบนี้ไว้กับใครๆในชาติก่อนๆ ถึงได้ส่งผลให้ชาตินี้มีรักที่เป็นทุกข์ มีทุกข์กับความรักเสมอ  มีทุกอย่าง แต่ไม่มีรักแท้ ไม่มีรักจริง ก็ขอให้ไปเข้ากรรมฐาน ฝึกจิต ระลึกชาติกับครูบาอาจารย์ (พระวิปัสสนากรรมฐาน) จะได้รู้ที่มาที่ไป รู้จัก พบเจอเจ้ากรรมนายเวรตัวจริง แล้วจะได้ขออโหสิกรรมเค้าได้ แต่ถ้าใจร้อน หรือยังฝึกกรรมฐานได้ไม่ดีพอที่จะระลึกชาติเอาเองได้ ก็แนะนำให้ไปหาคนที่มีญาณทิพย์ค่ะ ไปขอให้เค้าช่วยตรวจดู ช่วยหาคนต้นเรื่อง สาเหตุแห่งความทุกข์ของเรา ถ้าเจอจะได้ทำพิธีถอนสัญญาอย่างเป็นทางการค่ะ

 

 

ถ้าจะรักกันในชาติปัจจุบันก็ขอให้รักกัน อยู่ด้วยกันโดยอาศัยบุญ กรรมในปัจจุบันนะคะ ทาน ศีล ภาวนาให้เสมอกัน ให้บุญรักษา  ธรรมคุ้มครองกันและกัน จะดีกว่าผูกวิญาณไว้ด้วยคำอธิษฐาน เพราะสุดท้าย เรื่องอาจจะไม่จบแบบ happy เหมือนในนิทานหรือในนิยาย แบบว่า

 

เราจะรักกันชั่วนิรันดร์ เราจะมีความสุขกันชั่วนิรันดร์

 

เป็นกำลังใจให้ทุกคนสุข สมหวัง ในความรักนะคะ

 

ขอให้บุญรักษา  ธรรมคุ้มครองทุกคนค่ะ

  

ปล. อ่านเรื่องจริงฉบับเต็มได้ในวารสารแระแสใจ เล่มที่ 9 วัดป่าเจริญราช www.veeranon.com

 

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ

อ่านเรื่องราวที่ผ่านมาได้ที่นี่ค่ะ 

 

http://www.gotoknow.org/blogs/books/view/searchsoulmate

 

 

หมายเลขบันทึก: 485526เขียนเมื่อ 19 เมษายน 2012 11:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 22:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท