ความเครียดของพยาบาล OPD


แพทย์ คนนั้นบอก "ไม่เอา case สูติ" คนนี้บอก "เอาแต่ case นัด " อีกคนบอก "ไม่เอาคนแก่คุยไม่รู้เรื่อง " อีกท่านบอก "ไม่เอาเด็กไม่ถนัดตรวจ" แล้วคนไข้ที่่เขาไม่เอา จะให้ใครตรวจ ซวยตู(พยาบาล)อีกแล้ว

การทำงานที่แผนกผู้ป่วยนอกนั้น ต้องพบเจอกับผู้ป่วยหลากหลายประเภท 

 เวลาประเมินความเครียดของ เจ้าหน้าที่ มักพบว่า พยาบาลแผนกผู้ป่วยนอก จะมีความเครียดสูง กว่าจุดอื่นๆ  เนื่องจาก เป็นบริการด่านหน้า ที่ต้องรับในหลายๆเรื่อง  ความพึงพอใจในภาพรวมของโรงพยาบาลจะอยู่จะรอดก็จะมีแผนกผู้ป่วยนอก เป็นตัวแปล เสมอ จึงจะขอยกตัวอย่างในสิ่งที่ทำให้พยาบาล OPD เครียด ดังนี้

      1.ความเครียดจากปริมาณคนไข้ที่มากมาย ในช่วงเช้า  เสียงผู้ป่วยที่พูดคุย จอ แจ คล้ายตลาด  เสียงเด็กร้องงอแง  เสียงผู้ป่วยร้องขอความช่วยเหลือ  ซึ่งภาพแบบนี้จะเริ่มต้นให้เห็นได้ตั้งแต่ยังไม่ 7 โมงเช้าด้วยซ้ำ

    2.  ความเครียดจากคำถามและเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ป่วย หรือ ญาติผู้ป่วย 

     "คุณหมอ คนไข้เป็นลม"

     "คุณหมอเด็กชัก"

     "คุณหมอเด็กไข้สูงมาก"

      " คุณหมอ คนไข้อ๊วก"

       " คุณหมอคนไข้ปวดท้องมาก"

      " คุณหมอ ตา (ยาย) หิวน้ำ  ปวดท้องเข้าห้องน้ำ " ไม่มีญาติมาด้วย ( ต้องเป็นญาติจำเป็นไปก่อน)

       "คุณหมอ เมื่อไหร่หมอใหญ่จะมาตรวจ"

       "คุณหมอทำไมยังไม่ถึงคิวอีก"

        "คุณหมอ ทำไมแทรงคิวให้คนนั้น" ( อยากบอกว่าคนนั้นน่ะนายอำเภอ)

       "คุณหมอเมื่อไร ผลเลือดจะออก"

       "คุณหมอ ขอยาพาราหน่อย"

       "ที่นี่ไม่มีพยาบาล  มีแต่พยามาร" (เสียงคนไข้จิตเวชโวบวาย)

       "คุณหมอพูดดังๆ ฉันไม่ได้ยิน" ตะโกนจนคอจะแตกอยู่แล้ว เพราะคนไข้หูตึงมาก

        และอีก ฯลฯ..................

     2. ความเครียดจากการต้องตอบคำถามแทนแพทย์

      " ผู้ป่วยรอสักครู่คะแพทย์ ไปดูผู้ป่วยในตึกผู้ป่วยเดี๋ยวมา" ( แต่จริงๆ แพทย์ไปไหนก็ไม่รู้)

       "  ตอนนี้แพทย์ มีผู้ป่วยหนักที่ฉุกเฉิน" ( แต่จริงๆ แพทย์ดูหุ้นอยู่ในห้อง )

      " แพทย์ติดผ่าตัดจะเสร็จเวลา...... "  (พอถึงเวลาผ่าเสร็จแพทย์ ไม่ออกมา เพราะหายไปไหนไม่รู้  พยาบาลต้องออกไปแก้ตัวใหม่ " พอดีแพทย์ผ่าตัดเสร็จแล้ว แต่มีผู้ป่วยฉุกเฉิน จึงไปดูผู้ป่วยก่อน "  รอแล้วรอเล่าแพทย์ก็ยังไม่มา ติดต่อทางมือถือไม่ได้ ต้องแก้ตัวใหม่ " พอดีคนไข้ฉุกเฉิน อาการแย่มาก ต้องไปส่งคนไข้ที่ รพ.ศุนย์ ใครที่รอตรวจกรุณาติดต่อโต๊ะพยาบาล เพื่อรับใบนัดใหม่ " บ้างพอใจบ้างด่าพยาบาล

    ฯลฯ.........

    3. ความเครียดจากการบริหารจัดการ ผู้ป่วย

     น้องผู้ช่วย " พี่เด็กท้องเสีย ดูท่าทางแย่"

 โทรประสาน Er บอก "พี่แพทย์หนูไม่รู้อยู่ใหน ให้พบแพทย์ OPD orderก่อน เดี๋ยวจัดการให้ "

พาเข้าพบแพทย์ OPD ไม่ทันจะพูดอะไร แพทย์บอก " คนไข้จะตายอยู่แล้ว เอาเข้ามาทำไมไม่เอาไปฉุกเฉิน"

 สุดท้ายสั่ง IV น้อง ER ถาม order แพทย์อะไร บอก ไม่มีแพทย์ อะไร  ลงไปเลย sign by ตู(พยาบาล)นี่แหล่ะโว๊ย....   น้อง Er งง แต่ก็ทำตาม

   "เด็กเป็นคางทูมไม่รู้หรือไง" ทำไมเอามาห้องนี้ แพทย์โวยวาย (เป็นน้องพยาบาลใหม่ซักประวัดิ ) ฉันคิดในใจ ถ้ารู้หมดตูก็เป็นแพทย์ แล้วซิ คางทูม กับโพรงประสาทฟันอักเสบ อาการมันมากล้ำกึ่ง แล้วตู(พยาบาล)จะรู้มั๊ยนี่

   " ผมรับ case แค่ 5 case มีธุระ ที่เหลือให้แพทย์อื่น หรือจัดการให้ด้วย"  พอเอาคนไข้ เข้าพบแพทย์อื่น ก็ถูกถาม"ไม่ใช่ case ผม เอามาทำไม" บอกเหตุผล ไป  แพทย์บอก ผมก็มีธุระ ไม่ตรวจ   ...เมื่อทุกแพทย์ ไม่ตรวจ น้องผู้ช่วยถาม ทำไงดีพี่ ....

   เอามาใครไม่ตรวจ ตู(พยาบาล)ตรวจเอง...ผู้ป่วยบ้างก็พอใจ บ้างก็ไม่พอใจ ด่าพยาบาลซะงั้น .....

     แพทย์ คนนั้นบอก "ไม่เอา case สูติ"   คนนี้บอก "เอาแต่ case นัด "  อีกคนบอก "ไม่เอาคนแก่คุยไม่รู้เรื่อง "   อีกท่านบอก "ไม่เอาเด็กไม่ถนัดตรวจ" แล้วคนไข้ที่่เขาไม่เอา จะให้ใครตรวจ ซวยตู(พยาบาล)อีกแล้ว

   ผู้ป่วยมีอันจะกินมา " ต้องการตรวจกับแพทย์ ...." แต่เป็น case ที่แพทย์บอกว่า ไม่รับ " ก็ส่งเข้าคิดว่าคุ้นเคยกับแพทย์ดี  ผู้ป่วยเดินออกมาหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส คิดในใจรอดแล้วตู(พยาบาล) แต่แพทย์เรียกเข้าไปบอก " บอกไม่รู้เรื่องเหรอว่าไม่เอา case แบบนี้ ทีหลังอย่าเอาเข้ามานะ" ตู(พยาบาล ) ซวยอีก แล้วตูจะรู้มั๊ย ทำไมไม่พูดกับผู้ป่วยตรงๆ ...ว่ะ ...

   4. ความเครียดจากคำถามแพทย์

    " ทำไมซักประวัติ แค่นี้ ต้องให้มานั่งซักใหม่" แล้วตู (พยาบาล)จะรู้มั๊ย ก็ถามยังไงเธอก็บอกแค่นั้น ดันไปนึกออกในห้องแพทย์ พยาบาลซวยอีก

     "ใครเอา แฟ้ม นัด OR ไปไหน  หามาให้หน่อยเร็วๆด้วย" โอ๊ยก็พี่ท่านถือไป ER แล้วไม่เอากลับ พยาบาลต้องไปตามเก็บมาให้ใช่มัยเนี๊ยะ

     " นี่ใจคอจะไม่ให้หยุดกินกาแฟเลยใช่มั๊ย"  พยาบาลคิดในใจ ธ่อ เหลืออีกคนเดียวคนไข้เธอจะหมด  ก็ตรวจๆ ไปเถอะ เพราะถ้าเธอตัดพัก ไม่รู้ชาติไหนเธอจะกลับมาอีก

    5.  ความเครียดจากหัวหน้างาน "จะเอา รง. เดี๋ยวนี้  ณ บัด now เข้าใจ๊ .. เข้าใจครับ แต่ตอนนี้ยุ่งโคตรๆๆๆ

    6.  ความเครียดจากผู้บริหารระดับสูง  เรามักจะถูกเรียกเข้าห้องเย็น ( เมื่อก่อนที่ รพ.ชุมชน มักมีห้องแอร์ แต่ห้องผู้อำนวยการ ชาวรพช.จึงมักพูดกันว่า เวลาถูกผู้อำนวยการเรียกพบนี่คือการเข้าห้องเย็น  อีกนัยหนึ่งก็คือ ถึงจะไม่เปิดแอร์แต่เราก็รู้สึกหนาวสุดขั้วหัวใจ ) เวลาที่ผู้ป่วยร้องเรียน   โดยที่ไม่มีโอกาสได้อธิบาย เพราะคนไข้ถูกเสมอ  ...

....อาจยังยกตัวอย่างไม่หมด ในอีกหลายๆความเครียดของพยาบาล OPD...นี่แค่ยกตัวอย่างก็แทบกินยาจิตเวชแล้วคร้าบ......

....เฮ้อ... นี่แหล่ะ ความเครียดของพยาบาล OPD แต่ไม่ใช่ที่พิมาย ที่เดียวนะ อาจมีบางกรณีที่คล้าย  แต่บางกรณี เกิดที่อื่น เรื่องนี้ได้มาจาก การพบปะพูดคุยกับเพื่อน ที่มาเจอกันในช่วงสงกรานต์ค่ะ สำหรับที่พิมาย ปัจจุบันถือว่า ตอนนี้ทีมงานทั้งแพทย์พยาบาลเป็นองค์รวม เมื่อก่อนอาจมีปัญหานี้บ้าง...แต่บางโรงพยาบาลอื่นนี่ซิ มีแบบนี้เป็นส่วนใหญ่ ...คิดดูซิใจพยาบาลจะเครียดแค่ไหน ... 

หมายเลขบันทึก: 485160เขียนเมื่อ 15 เมษายน 2012 06:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 21:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เหมือนกันหลายเรื่องค่ะ

แต่ประเด็นคนไข้ ท้องเสียแล้วดูแย่มาก ที่สูงเนินแพทย์อนุญาตให้พยาบาลสามารถดูแลให้การพยาบาลเบื้องต้นได้ก่อนค่ะ เช่น IV, ยาฉีดบางตัว

 

แพทย์ คือ ผู้ร่วมงานที่ก่อให้พยาบาลเกิดความเครียดจากที่ทำงานมากที่สุด ยืนยันค่ะ

ใช่ค่ะ จะต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ทุกวัน ตลอดระยะเวลา 3 เดือน ที่จบมาเป็นพยาบาลใหม่

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท