"นั่งสมาธิแล้ว มักคิดฟุ้งซ่านไปต่างๆนาๆ"
หากคิดฟุ้งซ่านไปเรื่องอะไร
ให้กำหนดคิดหนอๆ
ถ้ามันไม่หยุด เราหยุดกำหนดคิดหนอ
กำหนดพองหนอ ยุบหนอ เท่านั้นเอง
ถ้าไม่เช่นนั้นแล้ว มันจะกลายเป็นปรุงแต่งและฟุ้งไป
ซึ่งตรงนี้หากคิดฟุ้งไปต่างๆ นาๆ เราแก้ไขอย่างไร
เราก็ต้องกำหนดคิดหนอๆ สัก ๔-๕ ครั้ง
แล้วก็หยุดกำหนด
หลังจากนั้นก็กำหนดพองหนอ ยุบหนอ
พอกำหนดพองหนอ ยุบหนอ มันจะคิดหรือไม่
ตอบว่า ยังคิดอยู่
แต่อาการคิดมันอยู่ในขอบเขต เหมือนมีเชือกผูกไว้
กำหนดองค์ภาวนา คือ พองหนอ ยุบหนอ
ให้ติดต่อกันโดยอย่าให้ขาดช่วง ขาดสาย
วิธีนี้ทำให้ตัดความคิดนั้นได้
แต่ถ้าถามว่าจริงๆ แล้วตัดได้หรือไม่
ตอบว่า ตัดไม่ได้หรอก
เพราะจิตของเรายังมีช่องว่างอยู่
มันย่อมมีสิ่งมาแทรกระหว่างตรงกลาง
หากมีตัวเชื่อมซึ่งกันและกัน
ตัวที่จะแทรกก็ไม่มี
เพราะเรามีองค์ภาวนาอยู่ตลอดเวลา
เมื่อมีองค์ภาวนาบริกรรมอยู่ตลอดเวลา
ความคิดอื่นๆ ที่เข้ามาแทรกแวบเดียวแล้วก็หายไป
แต่หากเรานั่งไปคิดยาว
คิดทั้งเรื่องอดีต
คิดเรื่องอนาคตบ้าง
คิดไปนานานับประการ
จึงจับต้นชนปลายไม่ได้
เราต้องกำหนดภาวนาให้มากขึ้น
อินทรีย์ในที่นี้ไม่ใช่ร่างกายอย่างเดียว ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
เราเรียกว่าอินทรีย์แต่ยังไม่พูดถึงเรื่องอินทรีย์
แต่ขอพูดเฉพาะตรงนี้ก่อน
นี่คือการกำหนดความคิดหรือตัดความคิด
โดยไม่ได้ตัดคำภาวนา
การกำหนด อาการพองหนอ ยุบหนอ
คือ การบริกรรมอยู่ตลอดเวลา
ขณะเดียวกันความคิดต่างๆ มันจะแทรกซึมตลอดเวลา
ถ้ากำหนดบริกรรมภาวนาอยู่ตลอดเวลา
ตัวฟุ้งมันจะหายไปเอง
นี่คือวิธีการตัดความคิด
หรือวิธีการสกัดความคิด
พระครูปลัดวีระนนท์ วีระนันโท
ไม่มีความเห็น