โดยท่านพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว วชิรเมธี)
บางคนมีชีวิตขึ้นกับสายตาของคนอื่น ไม่เชื่อมั่นในวิจารณญาณของตนเอง
มักคิดเสมอว่า...ถ้าเราพูดเช่นนี้ ทำอย่างนี้ ใช้โทรศัพท์รุ่นนี้
คบเพื่อนคนนี้ ใช้ของยี่ห้อนี้ แล้วคนอื่นจะมองเราอย่างไร
คนประเภทนี้ ทั้งชีวิตแทบไม่มีช่องว่างให้ความสุขได้เล็ดลอดเข้ามาในผืนแผ่นดินใจเลย เพราะ...
ใช้ชีวิตตามที่สังคมคาดหวัง...เกรงว่าถ้าไม่แสดงตนอย่างที่คนทั่วไปคาดหวัง.. จะถูกลดความสำคัญลง
สายตาของคนอื่นจะคอยจับเราเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาจนสูญเสียความเป็นตัวเอง
วีธีที่จะเอาชนะความทุกข์นี้คือหัดลดความสำคัญกับสายตาของคนอื่น
ควรรู้จักพูดว่า "ช่างมันฉันไม่แคร์" ในบางเวลา ในบางสถานการณ์
คนที่ทุกข์เพราะทำงานแล้วเจ้านายไม่เห็นคุณค่า ต้องนึกถึงความไม่เที่ยง
วันนี้เขาไม่เห็นคุณค่า..แต่พรุ่งนี้อาจไม่ใช่
ส่วนคนที่ได้รับคำชมเชย จำไว้มันไม่เที่ยง
คนที่ชมเราวันนี้อาจเป็นคนเดียวกับคนที่ตำหนิเราวันหน้า
ไฟที่เกิดจากกองเพลิงธรรมดา ไหม้ได้อย่างดีสุดก็แค่ชั่วฟีนหมด
แต่ไฟแห่งความริษยาที่เราก่อขึ้นในใจ
ถ้าไม่ได้น้ำแห่งธรรมะมาดับ บางทีล่วงลับข้ามภพไปยังดับไม่ได้
ก่อนนอนทุกคืน.... คุณโยมควรปลดสลักความรุนแรงในใจเรา
เราริษยาใคร.. โกรธใคร.. เราแค้นใคร... แผ่เมตตาให้เขาซะ
เพราะถ้าเรายังโกรธ ยังริษยา เมื่อนั้นมันคือระเบิดเวลา
ที่จะทำลายโมงยามแห่งความสุขทุกคืนวันไม่จบไม่สิ้น
สรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัย
ไม่ได้เป็นไปตามที่บนบานศาลกล่าว
หากโลกนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยให้คนสมปรารถนา
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง โลกนี้จะเหลือใครบ้างที่เป็นคนผิดหวัง
หลักของความจริงสากลมีอยู่ว่า..ทุกสิ่งทุกอย่างไหลไปสู่ความเปลี่ยนแปลง
ทางพระเรียกอนิจจัง
ถ้าเราไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง..ซึ่งถือว่าเป็นกฏธรรมชาติ
เราถึงได้เป็นทุกข์
ไม่มีความเห็น