ช่วงวันที่ดิฉันไม่อยู่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมายในที่ทำงาน ได้ทราบข่าวจากน้องหนิงเล่าให้ฟัง...ว่ามีอุบัติการณ์เกิดขึ้นที่เป็นผู้ป่วยจิตเวช...กระโดดตึกแต่ไม่เสียชีวิต อาการสาหัส ด้วยความสุดวิสัยจริงๆ ของเราทีมจิตเวช เพราะช่วงเวลาที่คนไข้กระโดดนั้นเป็นช่วงเวลาที่เรายังไม่ได้ไปทำงาน เช้ามาก...
...
วันนี้หลังเสร็จสิ้นภารกิจช่วงเช้า...ดิฉันจึงชวนพี่เขียวลงพื้นที่ไปเยี่ยมบ้านผู้ป่วย เพื่อสอบข้อมูลเพิ่มเติมเพราะจริงๆ แล้ว case นี้มีอาการที่ไม่ค่อยคงที่เพิ่งถูกส่งตัวมารับการรักษาที่เราได้ไม่กี่เดือน และมาด้วยการฆ่าตัวตาย (suicide ซ้ำ) หลายครั้ง...
สภาพบ้านที่ดิฉันไปเจอ..ทำให้รู้สึกสงสารผู้ป่วยมาก..อาศัยอยู่กับพ่อ และพี่ชาย ที่มีอาการเจ็บป่วยทางสุขภาพจิตเหมือนกัน หากมองทางด้านการวิเคราะห์ family support แทบจะไม่มีเลยในผู้ป่วยรายนี้..เมื่อคุยกับ อสม. (อาสาสมัครในหมู่บ้าน) ให้ข้อมูลว่าปกติผู้ป่วยก็มีอาการดีอยู่...แต่บางครั้งที่มีอาการกำเริบ จะอาละวาด และเคยทำร้ายตัวเองมาหลายครั้ง...
และในครั้งนี้...น้องหนิงไปประเมินอาการของคนไข้หลังจากที่ได้รับการช่วยเหลือหลังกระโดดตึกแล้ว ปรากฎว่าคนไข้เรามีอาการหูแว่ว...ได้ยินเสียงคนบอกให้เดินตามไป นั่นตั้งข้อสังเกตได้เลยว่าคนไข้ขาดยา หรือรับประทานยาไม่ต่อเนื่อง...เมื่อสอบถามญาติและทีม อสม.ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ บอกว่าคนไข้จะมีอาการบ่อยครั้ง และไม่ค่อยทานยา อีกทั้งมีอาการเจ็บป่วยด้วยโรคเบาหวานเป็นโรคประจำตัว...และเพิ่งแยกทางกับสามี...จึงค่อยข้างคิดมาก อีกทั้งคนไข้ไม่มีอาชีพทำ ต้องไปขอกับข้าวที่วัดมาให้พ่อกับพี่ชายทานที่บ้าน...
การเผชิญปัญหาหลายอย่างของคนไข้ ล้วนแล้วสามารถเป็นสาเหตุกระตุ้นซ้ำได้ทั้งนั้น ... สภาพการมารักษาที่โรงพยาบาลก็ต้องมารอตรวจนานเนื่องจากแพทย์ไม่สามารถออกตรวจตอนช่วงเช้าได้ เวลาที่คนไข้มีอาการกำเริบเราค่อนข้างพบอุปสรรคในการหาทางช่วยเหลือคนไข้มาก...นั่นคือประสานแพทย์ได้ลำบากพอสมควร...อีกทั้งประเด็นการไม่รับประทานยาของผู้ป่วย ถือว่าเป็นปัญหาสำคัญที่เราแก้ไม่ตก รวมไปถึงไม่มีญาติมาดูแล...ทุกอย่างล้วนเป็นปัญหาที่ต้องมาแก้ไขอย่างเป็นระบบในกลุ่มผู้ป่วยจิตเวช...
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มติที่ประชุมขององค์กรให้จิตเวชย้ายที่ทำการไปอยู่...ศูนย์เลี้ยงเด็กเดิมที่อยู่ด้านหลังของโรงพยาบาล...???...และหลายหน่วยโล่งใจที่คนไข้กระโดดตึกไม่ใช่คนไข้ของตน หากแต่เป็นคนไข้จิตเวช...???...ทุกอย่างถูกมองอย่างแยกส่วน...และเกิดคำถามในใจว่า..."คนไข้จิตเวช...สังคมมองเขาอย่างไรกันนะ..."
ดร.จันทวรรณ
ขอนำกำลังใจนั้นส่งต่อให้คนไข้นะคะ...
ขาหักสองข้าง...เมื่อเขารู้สึกตัว...ตื่นจากภวังค์แห่งอาการหลอนทางจิต...คนไข้ขอร้องพร้อมน้ำตาว่า...ช่วยชีวิตเขาด้วย...
เรื่องของจิตใจนี้ซับซ้อนนะคะ..หากเราไม่มองอย่างละเอียดมากพอ..เราจะไม่เข้าใจเขาดีพอเลย...
ขอบคุณนะคะ
กะปุ๋ม
ปัญหาเรื่องการเจ็บป่วยทางจิต เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากค่ะ เข้าใจนะคะว่าการช่วยเหลือผู้ป่วยแต่ละ case นั้นต้องใช้ความพยายาม และความอดทน รวมถึงความตั้งใจ มากแค่ไหน
ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ พี่กะปุ๋ม
การให้คำปรึกษาเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ Dr.Ka-Poom ถือว่าโชคดีที่มีโอกาสได้ช่วยผู้ป่วยจิตเวชเหล่านั้น
ผมให้กำลังใจครับ
น้องไออุ่น...
ขอบคุณมากนะคะสำหรับกำลังใจ...
พี่กะปุ๋มเชื่อว่า...ทุกคนที่อยู่ ณ ตรงนี้ต่างอยู่ได้ด้วยความรัก...รักในงาน...และเรารักคนไข้...และพร้อมที่จะลุกขึ้นมาเพื่อปกป้องเขาเหล่านั้น...ให้ได้รับสิทธิที่เขาพึงได้รับจากสังคมคะ...
*^__^*
พี่กะปุ๋ม
ดร.จันทวรรณคะ...
อารมณ์เข้มแห่งการเรียกร้อง...ความยุติธรรมสู่คนไข้ของกระปุ๋มมากกว่าคะ...คนไข้จิตเวชมักไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปฏิบัติต่อสังคม...
...
ชักสงสัยตัวเองเหมือนกันคะว่า...ร้องไห้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่...ต้องไปถามเพื่อนสนิทก่อนคะ...เพราะเวลาอยากร้องไห้...มักจะขอร้องไห้กับเขาเสมอคะ...(ยิ้มๆๆ)...ครั้งสุดท้ายจำได้ว่า...เขาบอกว่าเขาต้องทำให้กะปุ๋มเข้มแข็งและไม่ร้องไห้...จนถึงทุกวันนี้กะปุ๋มก็ลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง...และยังไม่ร้องไห้อีกเลยคะ
*^__^*
กะปุ๋ม
คุณปภังกร...
นั่นสิคะ...กะปุ๋มก็ยังหาคำตอบให้แก่ตนเองไม่ได้เหมือนกัน...เชื่อไหมคะว่า..."โชคดีจัง...ที่กระโดดลงมาน่ะไม่ใช่คนไข้เรา...แต่เป็นคนไข้จิตเวช????...." dกะปุ๋มงง...เป็นไก่ตา...ถลนออกมาเลยคะ...
...
คนไข้ของกะปุ๋มมักโดนผลักออกจากสังคมคะ...หากตามอ่านบันทึกย้อนหลัง...จะทราบ...
...
ปัญหาการดูแล...รักษาคนไข้เรานี้...เราขาดแพทย์ที่มารักษาโดยเฉพาะ...เท่าที่มีแพทย์สองท่านแวะเวียนมานี่ก็ถือว่าเป็นพระคุณอย่างยิ่ง...เพราะเป็นการเพิ่มภาระท่าน ... ทั้งที่การมาตรวจผู้ป่วยจิตเวชนี้แพทย์มาตรวจจะไม่ได้รับค่าตอบแทน...และแพทย์ท่านอื่นๆ จะมองว่าไม่ใช่ธุระของท่าน ยิ่งกรณีผู้ป่วยรายนี้ที่มีภาวะอาการกำเริบ...เราแทบต้องวิ่งอ้อนวอน...ขอให้แพทย์ท่านอื่นสั่งยาให้ก่อน...
สำหรับเรื่องนี้...หากเราคนจิตเวช...มีอำนาจมากพอในองค์กร...เราคงจัดการมาตรการได้ดีกว่านี้...เราเสนออะไรไปคนตัวเล็กๆ อย่างเรา...ก็ทำอะไรได้ไม่มาก...ทุกอย่างต้องมองอย่างเป็นระบบ...และแก้ไขอย่างเป็นระบบ...ไม่ใช่การมาแก้ไขที่ปลายเหตุ...และปกป้องความจริง...เพราะเพียงแค่กลัวว่าจะไม่ผ่านการประเมิน HA...
สลดใจยิ่งนัก
กะปุ๋ม
คุณเอกคะ...
ตอนนี้กะปุ๋มมีโครงการหลายอย่างที่อยากลงมือทำอย่างจริงจังมากกว่าเพียงแค่การรายงานไปตามระบบ...แล้วบอกว่าเราได้ทำตามสนองนโยบายแล้ว...
ปัญหาผูป่วยจิตเวชนี้...เรื้อรังมากแต่ละรายรักษาไม่ต่ำกว่า 2-10 ปีขึ้นไป...อะไรคือปัจจัยที่แท้จริงที่ทำให้เขาไม่หาย...และอะไร...อะไร...อะไร....มีมากมายหลายคำถาม...ที่ก้องอยู่ในใจ...ที่ต้องแสวงหาคำตอบอีกเยอะ...
ตอนนี้ใจร้อนมาก...มีงานอยู่ในมือหลายอย่างหากเป็นไปได้....ไม่ต้องหลับต้องนอน...ทำงานๆๆ...เพื่อแสวงหาคำตอบแห่งความสงสัย...นั้น...ก็คงดีนะคะ...แต่ตอนนี้ได้แต่ตั้งสติ...และค่อยทำไปอย่างสุขุมมากขึ้น
ขอบคุณนะคะสำหรับกำลังใจ
กะปุ๋ม
คุณปภังกรคะ..อีกรอบ..
ที่กะปุ๋มเล่าว่าสุดวิสัยเราคนจิตเวช...ที่เราไม่ได้ดูแลผู้ป่วยรายนี้ตอนที่เขากระโดด...หากเราเจอรับรองได้เลยว่า...เราจะไม่ยอมให้เกิดเหตุแน่นอน...
อย่างคราวที่คนไข้อาละวาดที่แผนก OPD ชักมีดและดาบออกมา...เชื่อไหมคะว่าทุกคนวิ่งหนีหมด...มีดิฉันกับน้องหนุ่ยที่วิ่งลงไป...ช่วยเขา...เพราะอะไรทราบไหมคะ...เพราะเรารู้ว่าตอนนั้นเขากำลังทุกข์มากเลยคะ...เขากำลังต่อสู้กับความรู้สึกภายในจิตใจของเขากับเสียงรบกวนที่ได้ยิน ที่เราเรียกว่าอาการหูแว่ว...เราช่วยเจรจากับเขาจนเขาสงบคนอื่นๆจึงวิ่งออกมา...ทั้งกดและผลักเขาให้นอนราบกับพื้น...คุณทราบไหมว่าตอนนั้นน้ำตาเขาไหลพรากออกมาและมองดิฉันพร้อมกับอ้อนวอนว่าช่วยเขาหน่อย...เสียงในหูนั้นรบกวนเขามากเหลือเกิน...
ดิฉันแทบจะขอร้องคนที่ใช้เท้ากดเขาไว้ว่า...เขาคือคนนะ...ดิฉันคุยกับเขาได้...เขาถึงได้รับอิสระ...อีกครั้ง...ทราบไหมคะว่าเราคนจิตเวช...ถูกต่อว่า...วิ่งลงไปทำไม...????...ณ ตอนนั้นเราก็ตอบไม่ได้นะคะว่าวิ่งลงไปทำไม...เรารู้แต่ว่าคือหน้าที่ที่เราต้องไปช่วยไม่ใช่วิ่งหนี...
บางทีดิฉันก็งง ๆๆ เหมือนกันนะคะ...
บางทีไปหาสอนหนังสือในสถาบันศึกษาก็ดีเหมือนกันนะคะ...อยู่กับทฤษฎี...ตลอดเวลา...จินตนาการสภาพการณ์จริงเอาเอง...
ขอบคุณคะ
กะปุ๋ม
1อยากบอกว่าเมื่ออ่านถึงสภาพความเป็นไปและเป็นอยู่ของผู้ป่วยแล้วก็รู้สึกสะท้อนใจและเห็นใจผู้ป่วยมากเลย...แต่ขณะเดียวกันสภาพการทำงานที่บางครั้งเสี่ยงอันตรายในการช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตของกะปุ๋มและน้องๆก็เป็นเหมือนสิ่งซ้ำซากในระบบบริการของเราจริงๆ....อยากให้กำลังใจอย่าเพิ่งรีบหนีไปสอนหนังสือเลย...อยู่ต่อเพื่อคนไข้เถอะ ขนาดมีเราเขายังเอาเท้าเหยียบแต่ถ้าไม่มีเราล่ะอะไรจะเกิดขึ้น....
2.กรณีคนไข้จิตเวชและพยายามทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตายซ้ำซาก เป็นเรื่องสุดวิสัยที่จะห้ามไม่ให้เกิดขึ้นได้...แม้เราจะพยายามป้องกันหรือให้การบำบัดไปแล้วก็ตาม....การย้ายตึกอาจเป็นการแก้ปัญหาเพียงเบื้องต้น...อย่างที่ทำงานของseangjaเองแต่เดิมก็มีผู้ป่วยโดดตึก เขาจึงทำลูกกรงกั้นไว้รอบอาคาร ผู้ป่วยเขาก็ใช้วิธีการอื่นแทน เช่น กรีดข้อมือ หรือ เก็บผ้าหรือสายเชือกเอาไว้ผูกคอ แต่บางรายอดทนหน่อยก็กลับไปทำที่บ้านไม่ทำที่โรงพยาบาล....ตราบใดที่แรงกดดันหรือสภาพจิตใจหดหู่เศร้าหมองนั้นยังคงอยู่และไม่สามารถที่จะค้นหาสิ่งสนับสนุนหรือกำลังใจช่วยเหลือให้แก่ตนได้ ผู้ป่วยก็ยังคงมีโอกาสเสี่ยงที่จะทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตายได้อยู่เสมอ...ปัญหาที่น่าเศร้าก็คือกระบวนการติดตามผลหลังเกิดเหตุการณ์แทนที่เราจะมองอย่างทั้งที่เป็นการค้นหาจุดที่ควรนำมาแก้ไขและป้องกันต่อไปข้างหน้าและจุดที่เป็นข้อควรปฏิบัติต่อไปหากอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ สิ่งที่มักพบและรู้สึกไม่ค่อยดีนักก็คือ การค้นหาผู้กระทำผิด??เขียนรายงานและถูกไต่สวน....งานบริการทางจิตสังคมเรามักถูกแพทย์วิจารณ์ว่าเรารู้ดีแต่What ...แต่How and Whyไม่ค่อยมีบอก...จริงแล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเราบอกแล้วแต่ท่านไม่สามารถเข้าใจหรือเป็นเพราะว่าอะไรก็ไม่รู้....คิดในด้านบวกก็อาจจะดีนะที่ย้ายตึกไปอยู่ในที่อันสงบและพื้นที่ไม่สูงเพราะเกิดคนไข้จะโดดตึกจิตเวชอีกอย่างน้อยคนไข้ก็ไม่เจ็บ/ตาย หรือถ้าหากเขาจะโดดจริงตอนนี้คงต้องไปใช้สถานที่อื่น
...
ขอบคุณคะ...พี่ขวัญ
ขอบคุณที่เข้าใจกัน...
กะปุ๋ม
...
---ก็ต้องทำใจละครับ...เขาว่ากันว่าถ้าคนเราพอใจและชอบในงานที่ตังเองทำ จะมีความรู้สึกเหมือนไม่ได้ทำงานเลยละ ถ้าไม่ชอบก็ต้องหางานใหม่กันละครับ..ชะงั้น
---ถ้าเหนื่ยใจหนักใจก็ให้มองขึ้นไปบนฟ้า ก็จะรู้ว่าเราเป็นเพื่ยงสิ่งเล็กๆที่อยู่ในจรักวาลนี้แล้วเรื่องแค่นี้จะไปหนักหน่าอะไรไม่เห็นดวงอาทิตย์จะดับเพราะเรื่องนี้เลย ---ไม่ก็คิดไปหาคนที่เป็นทุกมากกว่าเรา---และที่สำคัญคนบ้าก็คือคนบ้าครับ
---เวลามีปัญหาหนักใจ ผมชอบมองขึ้นฟ้าแล้วคิดว่า แล้วมันจะผ่านไป แล้วดูเหมือนจิดใจจะโล่งขึ้นมาทันตาลองดูนะครับ
คุณ อ.จอห์น...
ขอบคุณมากนะคะ...ปล่อยไว้เนิ่นนาน...ตอนนี้กะปุ๋มเจอปัญหาที่ผ่านไป...ตามมาไม่เจอว่ามีบันทึกไหนบ้างที่มีความเห็นล่าสุด...ก้เลยพลาดไปหลายบันทึก...ไม่ได้คุยกับมิตรที่ดีหลายท่าน
...
ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มีให้..แก่คนจิตเวชนะคะ
*^__^*
กะปุ๋ม
คุณ arnato_kung คะ...
ขอบคุณนะคะ..เราไม่เคยมีใครบ่นว่า...เหนื่อยกับการทำงาน..เป็นความโชคดีของกะปุ๋มที่ได้มาร่วมทีมเพื่อนร่วมงานที่หนักเอาเบาสู้คะ...และที่สำคัญ...เราทำงานด้วยความรักคะ...
*^__^*
กะปุ๋ม
คุณกิ่งดาวคะ...
ขอบคุณมากนะคะ...สำหรับกำลังใจ
จิตเวช รพ.ยโสธรเป็นเครือข่าย...ของโรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์คะ...และคนไข้ที่ส่งต่อมาที่เรา เพื่อให้ได้รับที่สถานบริการใกล้บ้าน และหากคนไข้ที่อาการไม่ดีหรือไม่คงที่เราก็จะส่งกลับคืนพระศรีฯคะ...
...
กะปุ๋มชอบมากเลย..และส่วนตัวก็ค่อนข้างเชื่อ...ในกระบวนการป้องกันมากกว่า..การแก้ไขทีหลังคะ
*^__^*
ขอบคุณคะ
กะปุ๋ม