จุดเปลี่ยนที่เกิดขึ้นภายใต้การทำงานของโครงการ LLEN
การใช้กระบวนการสอนด้วยโครงงานในการพัฒนาผู้เรียน
ซึ่งก่อนเคยสอนแบบครูบอก นักเรียนท่อง จำความรู้มาสอบ และมักพบว่า สอนกันไม่จบเนื้อหาที่กำหนดให้ คนเก่งได้คะแนนสูง คนอ่อนได้คะแนนต่ำ ซึ่งเป็นปัญหาโลกแตกจริงๆ เมื่อโรงเรียนได้รับคัดเลือกเข้าโครงการ LLEN จากการเปิดวงเสวนาถึงเด็กที่ทำกิจกรรมเก่งแต่ทำไมผลการเรียนไม่ดี จึงเกิดการท้าพิสูจน์ (ในใจว่า) การสอนวิธีการคิด โดยการตั้งคำถามให้นักเรียนไปสืบเสาะเอง ผลสัมฤทธิ์นักเรียนจะดีไหม? แตกต่างกันไหมระหว่างเด็กอ่อนเด็กเก่ง จากการลงพื้นที่จริง (แต่ก่อนลงในกระดาษ คือเขียนแผนเพื่อส่ง) สร้างบรรยากาศในการสืบเสาะด้วยจัดค่ายบูรณาการแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น (แหล่งเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงศรีเนตรภัทร) ทั้งเด็กอ่อนเด็กเก่ง (ห้อง1 ห้อง7) ทุกอย่างบรรยากาศเหมือนกันหมด ตั้งคำถามด้วยสภาพปัญหาในท้องถิ่น ตอบปัญหานั้นด้วยโครงงาน
โดยครูคอยฝึกทักษะการสืบค้นข้อมูล ฝึกทักษะการคิด ฝึกการสรุปงานด้วย mind mapping ฝึกการเขียน ใช้ social network ครูดูแล คอยเป็นกำลังใจ เอื้ออำนวยแก่นักเรียนทุกด้าน ครูต้องใจเย็นและแข็งใจ ไม่บอกคำตอบ รอเวลาให้เด็กมาเฉลยเอง ถ้าช้าใช้การกระตุ้น บางครั้งครูต้องเรียนรู้ไปกับเด็ก
พบข้อจริงเกินคาดว่า เด็กอ่อนพัฒนาได้จริง ส่วนเด็กเก่งก็ได้รับการพัฒนา โดยเฉาะทักษะที่ไม่มีในบทเรียน และเกินคาดผลการสอบ O-net ของเขาทำให้โรงเรียนเราผ่านรอบ3 อย่างสบาย
ในปีที่สองของ LLEN จึงได้ขยายการบูรณาการด้วยโครงงานจาก 5 รายวิชาเป็น 8 รายวิชา ใช้บรรยากาศในการเปิดโลกโครงงานมาสร้างบรรยากาศจุดประกาย ในรุ่นน้อง ด้วยคำถามว่าอยากรู้อะไร อยากพัฒนาอะไร และด้วยได้รับการพัฒนาศักยภาพของครู การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในวงการ LLEN ทำให้ทราบว่าการสอนวิธีการคิดให้กับเด็กไม่เพียงแต่โครงงานเท่านั้น ได้จัดบรรยากาศการคิดด้วยวิธีการที่หลากหลาย และได้นำกระบวนการจิตปัญญามาสอดแทรกในระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
ด้วยการพัฒนาเต็มระบบ ในก้าวย่างปีที่ 2 ของ LLEN เชื่อมั่นว่านักเรียน มีคุณภาพสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
อยากตามดูพวกเขาเหล่านั้น เพื่อพิสูจน์ผลผลิต ของ LLEN
มาเชียร์ดีใจได้พบพี่ แต่ได้คุยกันหน่อยเดียว แงๆๆๆ