ภาพจิตกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถวัดโพธินิมิตร
จิตกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถวัดโพธินิมิตร เป็นจิตกรรมในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งครั้งที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนิน ถวายผ้าพระกฐินที่วัด เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๒ พระองค์ทรงเห็นว่าพระอุโบสถเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ภายในยังไม่ได้มีลวดลายใดๆ จึงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จ้างช่างเขียนฝาผนังคือพระอาจารย์แดง วัดหงษ์รัตนาราม ซึ่งเป็นช่างเขียนที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น
ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นระยะเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของศิลปะไทยแบบประเพณี และศิลปะสมัยใหม่ที่เริ่มก่อตัวพัฒนา มาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งแสดงออกถึงอิทธิพลจาสังคมตะวันตกอย่างชัดเจน เป็นจิตรกรรมที่มีลักษณะแบบอุดมคติ (Idealistic Art)เป็นการเขียนแบบเหมือนจริง (Realism)เช่น ผลงานของขรัว อินโข่ง เป็นต้น
เริ่มมีการใช้หลักการสร้างภาพให้เกิดความรู้สึกเป็น ๓ มิติ (Three Dimentions)ด้วยการใช้แสงเงาแก้ปัญหาบนพื้นระนาบ ๒ มิติ ซึ่งเป็นที่นิยมแพร่หลายอย่างกว้างขวางในสมัยนั้น ส่วนประเพณียังคงปฏิบัติสืบทอดต่อกันมา มีลักษณะและรูปแบบที่แสดงความรู้สึกส่วนตนของจิตรกรและเรื่องที่นำมาสร้างสรรค์เหมาะสมกับความนิยมตามสมัย
ลักษณะการจัดองค์ประกอบภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถวัดโพธินิมิตรนี้ จะมีลักษระคล้ายกับแบบอย่างอุดมคติ คือเป็นรูปแบบ รูปทรง ของคนและสัตว์ ต้นไม้และอาคารบ้านเรือน กล่าวคือ จากขอบล่างของหน้าต่าง ที่สูงจากพื้นประมาณ ๘๐ ซม.สูงไปจนจดขอบหน้าต่างบน เขียนภาพพระราชพิธีจองเปรียง การลอยกระทง การบวชนาค การทำบุญตักบาตร การฟังโอวาทปาฏิโมกข์ วัดสุทัศนเทพวราราม วัดโพธินิมิตร วัดราชบพิตรสถิตมหาสีมาราม เป็นต้น ส่วนที่เหนือขอบหน้าต่างบน จนจดเพดานเขียนภาพพระเจ้าอโศกมหาราชทรงตอนกิ่งพระศรีมหาโพธิ และการนำกิ่งพระศรีมหาโพธินั้นจากเมืองปาฏลีบุตร ในอินเดียสู่เมืองอนุราธปุระเมืองลังกา
การเขียนภาพจิตรกรรมที่วัดโพธินิมิตรนี้ประกอบด้วน ภาพเล่าถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ เป็นภาพเรียงติดต่อกันไป โดยไม่มีเส้นแบ่งแยกออกเป็นส่วนเป็นตอน แต่จะใช้ฉากธรรมชาติ ได้แก่ กลุ่มต้นไม้ แนวก้อนหิน โขดหิน กำแพงเมือง ซึ่งเป็นส่วนประกอบของภาพนั้น แบ่งกลุ่มภาพออกเป็นตอน ๆ แต่ภาพจะมีความสัมพันธ์กัน โดยตลอดไม่ขาดจากกัน ซึ่งขนาดของกลุ่มภาพจะมีขนาดเล็กใหญ่คละกันไปโดยมากมักจะใช้สถาปัตยกรรมเป็นเกณฑ์ ในการแบ่งภาพในแต่ละกลุ่ม
การสร้างภาพจิตรกรรม จิตรกร ได้ใช้หลักการเขียนแบบทัศนียวิทยา (Perspective) กล่าวคือ เป็นระบบการเขียนภาพแบบ ๓ มิติ (Three deminsions) ระบบนี้ให้ผลทางสายตาทำให้เห็นภาพเหมือนจริง สามารถลำดับความใกล้ไกลของภาพได้ด้วยขนาดขนาดใหญ่จะอยู่ใกล้ขนาดเล็กจะอยู่ไหลออกไป จนกระทั่งกลายเป็นจุดสุดสายตาอยู่ที่เส้นขอบฟ้าหรือเรียกอีกอย่างว่า เส้นระดับตา ลักษณะของภาพพยายามจะเขียนให้มีลักษณะเหมือนจริง กล่าวคือ การเขียนภาพบุคคลอากัปกิริยาต่าง ๆ ภาพสถาปัตยกรรมบ้านเรือน ปราสาทพระราชวัง หรือแม้ภาพธรรมชาติ ต้นไม้ ทะเล จะมีระลอกคลื่นเหมือนกับคลื่นจริง ๆ
โดย คนบ้านเดียวกัน
ปรับปรุงและเรียบเรียงจาก
หน้งสือที่ระลึกงานถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน
กระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช ๒๕๔๐
ไม่มีความเห็น