ชีวิตรันทด


ชีวิตรันทดของป้านิ่ม

       ป้านิ่มที่ฉันรู้จักเมื่อสมัยที่ฉันเรียนมัธยม แกขายน้ำแข็งใสที่อร่อยที่สุดในอำเภอพิมาย  เครื่องน้ำแข็งใสที่แกทำแกจะทำเองแทบทั้งหมด ทั้งเชื่อมมัน เผือก  รอดช่อง รากบัวเชื่อม ทับทิมกรอบ  และอีกหลายอย่าง  อีกทั้ง กะทิที่แกใช้ก็เป็นกะทิสด เรียกว่าใครได้รับประทานเป็นต้องติดใจทุกคน  แกเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ  ครอบครัวแก มีพี่น้อง 2 คน  แกเป็นสาวโสด  คอยดูแล แม่และพี่ชาย แม่ป้านิ่ม เป็นอัมพาต   แผลกดทับ  และ โรคอัลไซเมอร์  ส่วนพี่ชาย เป็นโรคลมชัก  และหลอดเลือดสมองแตก อัมพาตเหมือนแม่  เมื่อ 3 ปีก่อน ฉันไม่ได้เจอแกอีกเลย ขับรถผ่านบริเวณที่แกเคยขายของก็ไม่เคยเห็นแก ได้ข่าวว่าเพียงว่า แม่แกเสียชีวิต แล้ว  ฉันก็ไม่ได้คิดอะไร  เพราะจะว่าไปก็ไม่ใช่ญาติ ที่รู้จักเพราะเป็นลูกค้าน้ำแข็งใสแก  วันนี้มีโอกาส ได้เจอแกอีกครั้ง  ฉันประหลาดใจมาก  ป้านิ่มเดินเข้ามาหายกมือไหว้  หมดฉันปวดแขน  มาตรวจเรื่องปวดแขน  นั่งดูไปก็เหมือนไม่มีอะไร  แต่การพูดจาของป้านิ่มเปลี่ยนไป ป้านิ่มพูดตะกุกตะกัก  ไม่ชัด  เดินตัวแข็งๆ  เประปะไม่ตรงทาง  ทั้งๆที่แกพยายามทรงตัวเต็มที่  สอบถามประวัติเพิ่มเติมทราบว่า เมื่อ 2 ปี ก่อนป้านิ่มถูกรถเชี่ยวศีรษะฟาดกับพื้นมารักษาที่ โรงพยาบาลพิมาย  ส่งไปรักษาที่ รพ.มหาราช แต่ป้านิ่มแกไม่อยู่รักษา เพราะแกห่วงพี่ชายที่นอนเป็นอัมพาต และ โรคลมชักที่บ้านว่าจะไม่มีคนดูแล  ไม่มีใครให้อาหารทางสายยาง แล้วก็ไม่ได้ไปรักษาอีกเลย  สัก 2 เดือนนี่รู้สึก แขนขาไม่ค่อยมีแรง เดินทรงตัวไม่ได้  หยิบจับอะไรไม่ถนัด   แต่เพราะไม่มีคนดูแลพี่ชาย จึงไม่มารักษา พอดีวันนี้พี่ชายมีอาการชักอีก  คนข้างบ้านมาส่ง แกจึงถือโอกาสมาขอยาแก้ปวด  แต่ เจอชลัญธร  พยาบาลผู้เชี่ยวชาญระบบประสาท จะให้ case อย่างนี้หลุดรอดได้อย่างไร  จึงนำป้านิ่ม ไปให้ นพ.อธิคม  อายุรแพทย์  ตรวจอย่างละเอียด  แพทย์ อธิคมสงความเห็นว่า  น่าจะมีก้อนในสมอง  อนิจจา...! ฉันอุทานในใจ กรรมอะไรของแกนี่ พี่ชายอาหารก็ทรงๆ ทรุดๆ  แล้วจะทำยังไงดี  สุดท้ายแพทย์อธิคมก็มาปรึกษาฉัน

  " พี่โจ้เอายังไงกันดีเรา"

  "ก็ต้องส่งมหาราชแหล่ะหมอ"

   "แกจะไม่ยอมไป  ห่วงพี่ชาย "

   "ถ้าไม่ไป  เป็นมากกว่านี้ใครจะดูแลใครล่ะหมอ "

  สุดท้ายก็ต้องไปนั่งคุยกะแกคือแกห่วงพี่ชายมากถ้าไปมหาราชจะไม่มีคนดูแลพี่  ใครจะเอาข้าว+ยาให้กิน  ขี้เองก็ไม่ได้ ต้องใช้มือล้วง  แล้วจะทำยังไง ฉันก็ถามแกว่า จ้างสักวันได้มั๊ย  ป้านิ่มก็บอกว่า ไม่ได้อย่างเดียว ไม่มีใครเลย  แต่ฉันคิดว่ามีอะไรมากกว่านั้น  ฉันถามป้านิ่มตรงๆ  " ไม่มีเงินใช่มั๊ย " ป้านิ่มก้มหน้า  น้ำตาไหล 

        " ป้านิ่มค่าจ้างคนดูแลพี่ชายป้า หนูจัดการให้  ป้านิ่มไปหาหมอเถอะ  ล้วงขี้ไว้ตอนเช้าเสร็จจ้างคนให้อาหารให้ยา  คงไม่ยาก สุดท้ายแกยอม ตามข้อเสนอ เพราะใจก็คิดว่า  ถ้าตัวเองไม่รักษา แล้วเป็นอะไรไปก่อน ใครจะดูแลพี่ 

      ฉันยื่นเงินให้ป้านิ่ม 500 บาท  ก่อนเพื่อเป็นเงินที่พอจะเดินทางไปมหาราช  ป้านิ่มยกมือไหว้น้ำตาไหล  ตั้งแต่ ดูแลแม่และพี่ชายมาตัวเองก็ไม่ได้ขายของ  ตอนตัวเองยังไม่ป่วยก็รับจ้างอย่างอื่นเล็กน้อย ตอนนี้ตัวเองป่วยอีกคน  ก็เลยแทบไม่มีรายได้ ดีที่บางครั้งมีคนเอาข้าวสารมาให้  พอได้หุงกิน 2 พี่น้อง 

    "เป็นว่าฉันยืมหมอนะถ้าหาได้จะเอามาคืน "

      เพื่อความสะบายใจของแกฉันก็พยักหน้าไป  แต่ก็ไม่คิดว่าจะรับคืนจากแกหรอก พอแกไปรับพี่ชายที่ฉุกเฉิน ฉันก็เดินมา หา หมออธิคม 

    " อธิ ไหวมั๊ย case นี้"

    อธิคมส่ายหน้า  น่าจะเป็นมาก อาจต้องผ่าตัด  หรือ ไม่รอด

     แลวเราทั้ง 2 ก็มองหน้ากัน ถอนหายใจ

    เฮ้อ ! ชีวิตรันทด............

คำสำคัญ (Tags): #ชีวืตรันทด
หมายเลขบันทึก: 484043เขียนเมื่อ 2 เมษายน 2012 17:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 09:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

อยากรู้เรื่องราวตอนต่อไป ขอเป็นกำลังใจให้ป้าและทีมหมอที่ดูแลทุกๆท่านครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท