ป้านิ่มที่ฉันรู้จักเมื่อสมัยที่ฉันเรียนมัธยม แกขายน้ำแข็งใสที่อร่อยที่สุดในอำเภอพิมาย เครื่องน้ำแข็งใสที่แกทำแกจะทำเองแทบทั้งหมด ทั้งเชื่อมมัน เผือก รอดช่อง รากบัวเชื่อม ทับทิมกรอบ และอีกหลายอย่าง อีกทั้ง กะทิที่แกใช้ก็เป็นกะทิสด เรียกว่าใครได้รับประทานเป็นต้องติดใจทุกคน แกเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ครอบครัวแก มีพี่น้อง 2 คน แกเป็นสาวโสด คอยดูแล แม่และพี่ชาย แม่ป้านิ่ม เป็นอัมพาต แผลกดทับ และ โรคอัลไซเมอร์ ส่วนพี่ชาย เป็นโรคลมชัก และหลอดเลือดสมองแตก อัมพาตเหมือนแม่ เมื่อ 3 ปีก่อน ฉันไม่ได้เจอแกอีกเลย ขับรถผ่านบริเวณที่แกเคยขายของก็ไม่เคยเห็นแก ได้ข่าวว่าเพียงว่า แม่แกเสียชีวิต แล้ว ฉันก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะจะว่าไปก็ไม่ใช่ญาติ ที่รู้จักเพราะเป็นลูกค้าน้ำแข็งใสแก วันนี้มีโอกาส ได้เจอแกอีกครั้ง ฉันประหลาดใจมาก ป้านิ่มเดินเข้ามาหายกมือไหว้ หมดฉันปวดแขน มาตรวจเรื่องปวดแขน นั่งดูไปก็เหมือนไม่มีอะไร แต่การพูดจาของป้านิ่มเปลี่ยนไป ป้านิ่มพูดตะกุกตะกัก ไม่ชัด เดินตัวแข็งๆ เประปะไม่ตรงทาง ทั้งๆที่แกพยายามทรงตัวเต็มที่ สอบถามประวัติเพิ่มเติมทราบว่า เมื่อ 2 ปี ก่อนป้านิ่มถูกรถเชี่ยวศีรษะฟาดกับพื้นมารักษาที่ โรงพยาบาลพิมาย ส่งไปรักษาที่ รพ.มหาราช แต่ป้านิ่มแกไม่อยู่รักษา เพราะแกห่วงพี่ชายที่นอนเป็นอัมพาต และ โรคลมชักที่บ้านว่าจะไม่มีคนดูแล ไม่มีใครให้อาหารทางสายยาง แล้วก็ไม่ได้ไปรักษาอีกเลย สัก 2 เดือนนี่รู้สึก แขนขาไม่ค่อยมีแรง เดินทรงตัวไม่ได้ หยิบจับอะไรไม่ถนัด แต่เพราะไม่มีคนดูแลพี่ชาย จึงไม่มารักษา พอดีวันนี้พี่ชายมีอาการชักอีก คนข้างบ้านมาส่ง แกจึงถือโอกาสมาขอยาแก้ปวด แต่ เจอชลัญธร พยาบาลผู้เชี่ยวชาญระบบประสาท จะให้ case อย่างนี้หลุดรอดได้อย่างไร จึงนำป้านิ่ม ไปให้ นพ.อธิคม อายุรแพทย์ ตรวจอย่างละเอียด แพทย์ อธิคมสงความเห็นว่า น่าจะมีก้อนในสมอง อนิจจา...! ฉันอุทานในใจ กรรมอะไรของแกนี่ พี่ชายอาหารก็ทรงๆ ทรุดๆ แล้วจะทำยังไงดี สุดท้ายแพทย์อธิคมก็มาปรึกษาฉัน
" พี่โจ้เอายังไงกันดีเรา"
"ก็ต้องส่งมหาราชแหล่ะหมอ"
"แกจะไม่ยอมไป ห่วงพี่ชาย "
"ถ้าไม่ไป เป็นมากกว่านี้ใครจะดูแลใครล่ะหมอ "
สุดท้ายก็ต้องไปนั่งคุยกะแกคือแกห่วงพี่ชายมากถ้าไปมหาราชจะไม่มีคนดูแลพี่ ใครจะเอาข้าว+ยาให้กิน ขี้เองก็ไม่ได้ ต้องใช้มือล้วง แล้วจะทำยังไง ฉันก็ถามแกว่า จ้างสักวันได้มั๊ย ป้านิ่มก็บอกว่า ไม่ได้อย่างเดียว ไม่มีใครเลย แต่ฉันคิดว่ามีอะไรมากกว่านั้น ฉันถามป้านิ่มตรงๆ " ไม่มีเงินใช่มั๊ย " ป้านิ่มก้มหน้า น้ำตาไหล
" ป้านิ่มค่าจ้างคนดูแลพี่ชายป้า หนูจัดการให้ ป้านิ่มไปหาหมอเถอะ ล้วงขี้ไว้ตอนเช้าเสร็จจ้างคนให้อาหารให้ยา คงไม่ยาก สุดท้ายแกยอม ตามข้อเสนอ เพราะใจก็คิดว่า ถ้าตัวเองไม่รักษา แล้วเป็นอะไรไปก่อน ใครจะดูแลพี่
ฉันยื่นเงินให้ป้านิ่ม 500 บาท ก่อนเพื่อเป็นเงินที่พอจะเดินทางไปมหาราช ป้านิ่มยกมือไหว้น้ำตาไหล ตั้งแต่ ดูแลแม่และพี่ชายมาตัวเองก็ไม่ได้ขายของ ตอนตัวเองยังไม่ป่วยก็รับจ้างอย่างอื่นเล็กน้อย ตอนนี้ตัวเองป่วยอีกคน ก็เลยแทบไม่มีรายได้ ดีที่บางครั้งมีคนเอาข้าวสารมาให้ พอได้หุงกิน 2 พี่น้อง
"เป็นว่าฉันยืมหมอนะถ้าหาได้จะเอามาคืน "
เพื่อความสะบายใจของแกฉันก็พยักหน้าไป แต่ก็ไม่คิดว่าจะรับคืนจากแกหรอก พอแกไปรับพี่ชายที่ฉุกเฉิน ฉันก็เดินมา หา หมออธิคม
" อธิ ไหวมั๊ย case นี้"
อธิคมส่ายหน้า น่าจะเป็นมาก อาจต้องผ่าตัด หรือ ไม่รอด
แลวเราทั้ง 2 ก็มองหน้ากัน ถอนหายใจ
เฮ้อ ! ชีวิตรันทด............
อยากรู้เรื่องราวตอนต่อไป ขอเป็นกำลังใจให้ป้าและทีมหมอที่ดูแลทุกๆท่านครับ