บันทึกการเดินทาง Neuschwanstein - Romantische Straße


ความทรงจำจากการเดินทางโดยเส้นทางสายโรแมนติคในเยอรมนี La route romantique

จริงๆแล้วก็ไม่อยู่ในช่วงเวลาที่ควรจะคิดถึงเรื่องเดินทางท่องเที่ยวมากนัก จะว่าเลยเวลานั้นมาแล้วก็คงไม่ผิด.... แต่หากการทบทวนรำลึกความทรงจำที่ดี จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง ก็คงไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไรนัก ที่สำคัญไม่อยากให้ช่วงเวลาน่าประทับใจผ่านเลยไปโดยปราศจากการบันทึก  เผื่อไว้มาอ่านตอนแก่ๆก็ยังดี ^^ ที่สำคัญภาพถ่ายที่เก็บไว้ใน External HD ก็กลับบ้านเก่าไปหมด เหลือเพียงไม่กี่ภาพ น่าเศร้าจริงๆค่ะ

................................................................... 

 

         แม้ว่าจะผ่านมาหลายปี แต่การเดินทางครั้งนั้นยังคงชัดเจนอยู่เสมอในความทรงจำ ทำให้ยิ้มได้ทุกครั้งที่นึกถึงผู้ร่วมเดินทาง และในการเดินทางแต่ละครั้งจะมีเรื่องขำๆเกิดขึ้นเสมอๆ

 

         ทริปที่น่าประทับใจอีกหนึ่งทริปนอกจากที่เคยเล่าไปแล้วครั้งก่อนๆ ก็คือทริป Neuschwanstein สถานที่ที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ยังอยากไปเยือนอยู่เสมอ เพราะเมื่อฤดูกาลเปลี่ยนไป...ความงามของธรรมชาติในสถานที่นั้นย่อมเปลี่ยนไปด้วย 

 

        เป็นการเดินทางแบบ Backpacker ตามวัย ^^ พวกเราเริ่มเดินทางจาก Strasbourg ไปยัง Frankfurt Hauptbahnhof เพราะตั้งใจว่าจะไปขึ้นรถบัสจากที่นั่น ปกติแล้วสามารถไปได้โดยรถไฟ Strasbourg-München-Füssen-Neuschwanstein แต่ครั้งนี้ขอแบบไม่ธรรมดานิดนึง จึงตกลงกันว่าไปรอรถบัส  ซึ่งเค้าเรียกกันว่า La route romantique แม้ว่าจะดูไม่เข้ากับพวกเรานัก             แต่คิดเสียว่าถ้าไม่ไปตอนนี้...อาจไม่มีโอกาสโรมองติ๊กอีกเลยทั้งชาติก็เป็นได้ ^^" สรุปว่าไปก่อนย่อมดีกว่ารอดาบหน้าค่ะ

 

        ออกเดินทางกันตั้งแต่ตีสี่เพื่อให้ไปทันรถบัสซึ่งจะจอดตามเวลาที่เค้าประกาศไว้ ถ้าใครอยู่เมืองไหนก็ไปดักขึ้นรถได้ตามสถานีรถไฟ จำได้ว่าต้นทางอยู่ที่ Würzburg เมื่อถึง Frankfurt ก็ต้องหารถต่อเพื่อไปเริ่มต้นการเดินทาง พวกเราโชคดีไปทันรถโค้ชค่ะ  ซื้อตั๋วจากคนขับรถท่าทางใจดี (ยืนยันว่าตั้งแต่เดินทางมา ยังไม่เคยเจอคนเยอรมันใจร้ายเลยนะ) ซึ่งราคาตั๋วไม่แพงมากจำได้ว่าถูกกว่ารถไฟน้ำแข็ง (ICE) เข้าใจว่าเพราะใช้เวลาเดินทางนานหน่อย  ซื้อแล้วโดดขึ้นไปเลย... หาที่นั่งเหมาะๆได้ ก็นั่งกันไป...สังเกตว่ามีผู้โดยสารอื่นๆที่แบกเป้แบกกระเป๋ามาแบบเราหลายคน  คนขับแนะนำตัว และบรรยายไปด้วยระหว่างที่ขับถ้าหากผ่านสถานที่สำคัญๆ  

 

       ข้อดีของการนั่งรถก็คือ คนขับจอดแวะให้เราลงเดินเล่น ถ่ายภาพ ได้ตามแต่ละเมืองที่ผ่านไปค่ะ โดยเค้าจะบอกเวลาให้มารวมกันกีโมง  ถ้าพอนึกภาพแผนที่ออก จะเห็นว่าเรานั่งรถไล่จากเหนือลงใต้ เส้นทางสวยงาม ธรรมชาติแปลกตา โดยเฉพาะเดินทางในฤดูหนาวจะดีไปอีกแบบ

 

      รถแล่นผ่านหมู่บ้านเล็กๆในหุบเขา... ข้ามสะพานที่ทอดตัวเหนือลำธารซึ่งน่าจะเย็นเฉียบ แต่ยังไม่เป็นน้ำแข็ง สะพานก่อจากหินสีตัดกับทัศนียภาพโดยรอบ ต้นฤดูหนาวใบไม้ยังร่วงไม่หมด จึงพอเหลือสีส้มน้ำตาลให้เห็นประปราย บ้างก็ปลิดปลิวมากองกับพื้นหินสวยงามเหมือนภาพที่เคยเห็นจากหนังสือไม่ผิดเพี้ยน

             อย่างนี้นี่เอง ^^      

....พอกลับขึ้นรถ เริ่มสังเกตว่าจากที่เคยพูดคุยกัน เสียงเริ่มเงียบลง...ต่างคนต่างมองไปนอกหน้าต่าง..มีโลกของตัวเอง...เงียบสนิททั้งรถค่ะ

 

    บางคนจดบันทึก....บางคนเก็บภาพ...แต่มีคนหลับด้วย (ไม่น่าเชื่อ)  รถแล่นไปเรื่อยๆไม่เร่งรีบ และจอดรับคนเพิ่มตามสถานีรถไฟในเมืองใหญ่ๆ คนเริ่มมากขึ้นเกือบเต็มคันรถค่ะ 

 

    นั่งไปเรื่อยๆๆๆแบบนี้ทั้งวัน อาหารเที่ยงก็หาซื้อมาทานกันบนรถ จนกระทั่งเริ่มเข้าสู่ปลายทาง คนขับจึงแวะจอดเพื่อส่งผู้โดยสารที่ต้องการลงตามโรงแรมที่พักระหว่างทาง  การเดินทางโดยรถบัสนี้จะใช้เส้นทางทิศตะวันตกของตัวปราสาท นั่นคือเราจะมาถึง Neuschwanstein โดยไม่ผ่านตัวเมือง Füssen (หรือจะนั่งต่อไปก็ได้เพราะเป็นปลายทาง) ในขณะที่การเดินทางโดยรถไฟนั้นเราจะลงที่เมือง Füssen แล้วนั่งรถเมล์ต่อมาถึง Neuschwanstein  

 

    เราไปถึง Neuschwanstein ในตอนค่ำ ประมาณหนึ่งทุ่ม ปราสาทมีไฟสลัวๆสวยงามแบบลึกลับ แต่เราไม่ได้พักแถวนั้น ทำให้ต้องนั่งรถต่อไปจนเข้าเมือง Füssen ซึ่งเป็นเมืองเล็กมากๆ ประมาณ ๑๐-๑๕ นาทีจาก Neuschwanstein  เก็บข้าวของเสร็จ...ก็ทานข้าวเย็นค่ะ จริงๆแล้วทริปนี้ค่อนข้างฉุกละหุก เพราะเพื่อนที่ชวนมานั้นสติแตกจากการรอผลสอบ นั่งไม่ติด ทุรนทุรายคล้ายจะเป็นอะไรไปหากยังนั่งอยู่ในหอพัก  ทำให้ไม่สามารถหาที่พักแถวๆปราสาทได้ในราคาไม่แพง เลยต้องระเห็จมาอยู่อีกที่ แต่ก็ใช้ได้ค่ะ

 

        รุ่งเช้าก็นั่งรถเมล์กลับไปที่เชิงเขา  ซื้อตั๋ว...รอเวลาด้วยการเดินเล่น ที่สำคัญคือ เราต้องเดินขึ้นค่ะ ถึงจะได้บรรยากาศ ไม่แนะนำให้นั่งรถ อย่าลืมแวะ Hohenschwangau ปราสาทสีเหลือง ที่จะเดินผ่านก่อนขึ้นไปข้างบนด้วยค่ะ ส่วนภายในแต่ละปราสาทเป็นอย่างไรนั้น ขอไม่เล่าคราวนี้ค่ะ แต่ตามความเห็นส่วนตัวเลือก Neuschwanstein มากกว่า Versailles แน่นอน สไตล์ต่างกันลิบลับ โดยเฉพาะภายใน... ยังอดคิดไม่ได้ว่าผู้ชายอาไร้เลือกหงส์เป็นสัญลักษณ์ประดับตามหน้าต่าง แม้แต่ก็อกน้ำอ่างล้างหน้าในห้องนอน ถ้าเป็นห้องเจ้าหญิงก็คงดูน่ารักอยู่ แต่นี่....ไม่อยากคิดต่อค่ะ  แม้ว่าจะดูดีกว่า Salamander สัตว์เลี้ยงแสนรักของ François I เจ้าของ Chateau de Chambord ก็ตามที ^^   

 

       ทริปนี้ราบรื่น ไม่ค่อยมีอะไรอับอายขายหน้าหรือตื่นเต้นมากนักค่ะ ไม่เหมือนทริปอื่นค่ะ ^^  

       มีอยู่ครั้งหนึ่ง ไปที่นี่เหมือนกันแต่นั่งรถไฟ ไปซื้อตั๋วแล้วคนขายไม่ยอมขายให้จนกว่าจะออกเสียงคำว่า Neuschwanstein ได้ชัดๆๆ กว่าจะได้ซื้อ...เหนื่อยมากๆค่ะ แต่เห็นได้เลยว่าเค้าอารมณ์ดีกันจริงๆนะ มีเวลามาสอนนักท่องเที่ยวอีก   

 

    หมายเหตุ  การเสียชีวิตที่เป็นปริศนาของลุดวิกก็เป็นเรื่องน่าสนใจ ที่ทำให้การท่องเที่ยวออกรสมากขึ้น โดยเฉพาะพวกชอบจินตนาการค่ะ เพราะสงสัยว่าลุดวิกน่าจะเสียชีวิตเพราะการเมืองเป็นเหตุมากกว่าจะจิตวิปลาสตามที่แพทย์สมัยนั้นลงความเห็น เป็นไปได้หรือไม่ว่าใช้เงินฟุ่มเฟือยสร้างปราสาท และปลีกตัวมานั่งเล่นอยู่ที่นี่ในขณะที่บาวาเรียกำลังมีปัญหาเศรษฐกิจในตอนนั้น...   

หมายเลขบันทึก: 483877เขียนเมื่อ 1 เมษายน 2012 03:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2012 11:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เคยไปเที่ยวเยอรมัน มาก่อน ตอนไปก็นึกว่าอย่างั้นๆ แต่พอไปเข้าจริง ชอบใจยุโรปจริงๆ มีของเก่าๆให้ดูเยอะ โดยเฉพาะปราสาทราชวัง ดูไปก็สงสัยไป ว่าปราสาทอยู่บนภูเขา จะเอาน้ำที่ไหนมาอาบ แล้วจะเข้าห้องน้ำกันอย่างไร กว่าจะขึ้นไปก็แย่แล้ว ไม่เห็นมีห้องน้ำในปราสาท สงสัยเวลาจะเข้าห้องน้ำ ต้องออกไปตามป่า ถ่ายรูปเป็นฟิลม์สมัยก่อน เอามาดูก็เพลินๆดีเหมือนกันครับ อยู่ปราสาทก็ต้องมีดนตรีมากล่อมเจ้าของปราสาท ไม่งั้นก็เหงาแย่ นี่เป็นที่มาของดนตรีคลาสิกของชาวยุโป เพราะวันๆหนึ่งไม่รู้จะทำอะไร ชอบเกือยทั้งหมด เสียอย่างเดียวเด็กวัยรุ่นชาวเยอรมัน ติดบุหรี่กันมาก

เหลือรูปให้ดูไม่กี่รูปเองค่ะ เพราะหายไปกับตัว External HD และความที่มีรูปเยอะมากเกิน จึงไม่ค่อยอัดไว้เป็นแผ่นๆ ข้อเสียของยุคดิจิตอลค่ะ

ประทับใจภายในตัวปราสาท (เค้าห้ามถ่ายภาพค่ะ เพราะเค้ามีหนังสือขาย) ที่เป็นโทนสีโอ๊คทั้งหมด แม้แต่เตียงนอนก็เป็นไม้ ดูขรึมๆอบอุ่น แต่แอบน่ารักเพราะมีหงส์สีขาวสะอาดมาประดับไว้ตามที่ต่างๆ ในปราสาทมีโรงละครค่ะ ท่าทางจะใช้งานบ่อยทั้งหน้าหนาว หน้าร้อน

จริงๆแถวๆนั้นมีทะเลสาบ อาจใช้วิธีผันน้ำจากทะเลสาบขึ้นมาเก็บไว้ใช้ก็ได้ค่ะ

เป็นความตั้งใจที่ครั้งหนึ่ง ควรไปยุโรป เรียนรู้กับการเดินทาง....

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท