530 อัศจรรย์ที่วัดอัศคิริยะเคติเคราชามหาวิหาร แคนดี้


ใจถึงใจ

 

 

วัดอัศคิริยะเคติเค ราชามหาวิหาร

 

ในโอกาสที่ไปแคนดี้ไปกรราบนมัสการสังฆราชของทั้งสองนิกายคือมัลวัตตะและอัศคิริยะซึ่งสืบเชื้อสายมาจากสยามวงศ์รวมทั้งสักการะพระเขี้ยวแก้วแล้ว โปรแกรมที่ทำให้ผมได้พบกับเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นก็คือการไปวัดอัศคิริยะราชามหาวิหารซึ่งอยู่ไม่ไกลวัดพระเขี้ยวแก้ว ออกจากวัดพระเขี้ยวแก้วก็เพียงแป๊บเดียวถึงวัดนี้แล้ว ผมได้ไปกราบท่านเจ้าอาวาส Ven.Wendaruwe Sri Upali Niyaka Thero (M.A.) และได้รับทราบเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจว่า ในวัดเล็กๆ แห่งนี้ มีวิหารขนาดเล็กซึ่งมีความสำคัญไม่น้อยเพราะเป็นจุดที่นำพระเขี้ยวแก้วมาพักชั่วคราว ในช่วงการแห่เปราเฮราประจำปีของวัดพระเขี้ยวแก้ว แคนดี้ ภายในวิหารมีขนาดเล็กมีพระพุทธรูปและภาพวาดที่สวยงามตามแบบพุทธศิลป์ของศรีลังกา ข้างๆ วิหารเล็กมีสิ่งก่อสร้างที่เรียกว่าอุโบสถ กำลังก่อสร้าง มีฝา 4 ด้านแล้วแต่ยังเป็นอิฐก่อไม่ได้ฉาบปูน ท่าน  Wendaruwe    บอกว่าเป็นคณะศรัทธาจากประเทศไทยที่มีจิตกุศลมาช่วยสร้าง สิ่งที่ผมเห็นคืออุโบสถเล็กๆ แต่น่าชมมาก ตัวอุโบสถก่อสร้างด้วยอิฐก่อมีฝาขึ้นโดยรอบแล้ว ตรงกลางอุโบสถมีพระพุทธรูปเหลืองอร่ามองค์หนึ่งประดิษฐานอยู่อย่างสง่างาม เป็นภาพที่สวยงามมากภาพหนึ่งที่ผมพบตั้งแต่มาอยู่ที่แคนดี้ แม้การก่อสร้างยังไม่เสร็จแต่ผมก็เห็นความงามของอุโบสถแห่งนี้ ซึ่งคงจะงดงามมากเมื่อสร้างเสร็จแล้ว ขออนุโมทนาบุญกับท่านที่เป็นเจ้าภาพและผู้ร่วมบุญทุกท่าน ท่านได้สร้างมหากุศลแล้วโดยการมาสร่างอุโบสถที่งดงามในดินแดนพุทธศาสนาที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกที่ศรีลังกา

สิ่งที่ผมบอกว่าน่าตื่นเต้นก็คือหน้าวัดมีศาลาเล็กๆ แห่งหนึ่ง มองไปก็เห็นรูปหล่อของพระองค์หนึ่งตั้งอยู่ข้างใน เมื่อไปดูใกล้ๆ จึงเห็นว่าเป็นรูปหล่อของพระอุบาลี ในป้ายบอกว่าสร้างโดยครูบาชัยวงศา โอ้ นี่ละน่าตื่นเต้นยิ่งนัก เพราะครูบาชัยวงศาคืออาจารย์ที่ผมนับถือและเป็นลูกศิษย์มาช้านานแล้ว ก่อนมาศรีลังกาผมก็ได้มีโอกาสไปกราบสรีระของท่านที่วัดพุทธบาทห้วยต้มเพื่อลาท่าน ไม่นึกเลยว่าจะมาเจอสิ่งที่ท่านสร้างทิ้งไว้ที่แคนดี้

พระท่านเมื่อทราบว่าผมเป็นลูกศิษย์ครูบาวงศ์ ก็พลอยตื่นเต้นไปด้วย และยิ่งตื่นเต้นขึ้นไปอีกเมื่อผมนำภาพขนาดเล็กของครูบาวงศ์ที่ติดตัวเป็นประจำออกมาให้ดู ท่านรีบขอยืมภาพบอกว่าขอถ่ายภาพเก็บไว้ดูด้วย

ถัดมานอกศาลาเล็กผมเห็นเสาศิลาสร้างเป็นอนุสรณ์จุดที่ฌาปนกิจพระอุบาลี เป็นเสาศิลาสีดำมีป้ายบอกที่มาและผู้สร้างซึ่งก็คือสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ สมัยเมื่อดำรงตำแหน่งสมณศักดิ์เป็นพระธรรมปัญญาบดี นี่เป็นสิ่งที่ชาวพุทธไทยควรจะมารำลึกถึงเกียรติคุณของประเทศสยามที่มีต่อศรีลังกาในด้านพุทธศาสนา เกือบ 260 ปีแล้วที่เกิดสยามวงศ์โดยพระอุบาลีจากวัดธรรมาราม อยุธยา โดยมีผู้ที่มีบทบาทสำคัญเกี่ยวข้องหลายพระองค์และหลายท่านทั้งของศรีลังกาและสยาม

การมาแคนดี้ครั้งนี้มีความสุขเหลือเกินที่เห็นชาวพุทธไทยมีความสัมพันธ์ที่เหนี่ยวแน่นกับวัดพุทธและพระสงฆ์ศรีลังกาต่างก็ชื่นชมประเทศไทยและคนไทย ผมเห็นว่าสิ่งที่เชื่อมประเทศทั้งสองคือพุทธศาสนาซึ่งทำให้คนของทั้งสองประเทศรู้สึกคุ้นเคยกันแม้เพิ่งจะพบกันซี่งเป็นสิ่งพิเศษที่ไม่เกิดกับคนของประเทศในภูมิภาคนี้ สิ่งนี้จะต้องรักษาให้เข้มแข็งสืบไป เพราะในอนาคตไม่แน่ว่าไทยกับศรีลังกาคงจะได้พึ่งพากันอีกในเรื่องพุทธศาสนาในยามที่ต้องการ...เช่นในอดีตเกือบ 260 ปีมาแล้ว

หมายเลขบันทึก: 483797เขียนเมื่อ 31 มีนาคม 2012 10:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 กันยายน 2012 08:19 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

สวัสดีค่ะท่านเอกฯ

เห็นภาพแล้วก็รู้สึกได้ถึงความสงบ และสุขใจ

อนุโมทนา สาธุบุญ ด้วยเจ้า ขอบคุณค่ะ

 

ขอบคุณครับ อยู่ที่ศรีลังกาก็ต้องเป็นแบบคนศรีลังกา คือแต่งขาวเป็นปรกติซึ่งต้องยอมรับว่าดูใช้ได้เลยทีเดียว โดยเฉพาะวันอาทิตย์ คนส่วนใหญ่แต่งขาวกันหมด

ที่วัดเคติเคนี้จะต้องกลับไปอีก เพราะเป็นวัดที่เคยส่งเงินไปทำบุญผ่านคณะทัวร์ของหนูนัท ด้วยผลบุญนั้นทำให้วันนี้ได้ไปพบเห็นเรื่องราวดังที่เล่ามา

แล้วจะนำเรื่องราวมาเล่าอีกครับ

อนุโมทนาสาธุด้วยค่ะ

ถ้าแพรมีบุญคงได้ไปกราบพระเขี้ยวแก้วด้วย

คุณต้นกับรองเกดคงได้ไปร่วมงานวิสาขบูชาที่ศรีลังการค่ะ

ตอนนี้กำลังเตรียมงานกันอยู่ค่ะ

กราบสวัสดีปีใหม่ไทย ส่งใจระลึกถึงจากอันดาม้นค่ะท่านเอกฯ

Ico48

สวัสดีปีใหม่เช่นกันครับ ศรีลังกาก็ฉลองปีใหม่ตรงกันกับไทยครับ

อนุโมทนา สาธุค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท