ผมไปศรีลังกาตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2555 จนถึงวันที่เขียนบันทึกนี้ ก็ 36 วันพอดี (35 คืน) ก็ตั้งใจว่าจะนับวันไปเรื่อยๆ จนถึงวันสุดท้ายที่จะได้อยู่ในศรีลังกา 36 วันถามว่านานไหม ก็นานพอสมควร เพราะได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ มากมายและเป็นสิ่งใหม่ ต่างไปจากที่เคยคิดหรือเคยรู้ (จากหนังสือ) ศรีลังกาหรือโคลัมโบมีอะไรที่ทำให้ผมแปลกใจได้เสมอ
หนึ่งในเรื่องที่ทำให้แปลกใจคือเรื่องคนไทยในโคลัมโบ ผมคิดว่ามีไม่มากแต่ปรากฏว่าในวันที่ 3 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา สถานทูตจัดงานวันมาฆบูชาเพื่อส่งเสริมวันสำคัญทางพุทธศาสนาและชุมนุมคนไทยในโคลัมโบและบริเวณใกล้เคียง ปรากฏว่ามีคนไทยมามากกว่า 80 คน เป็นใคร มาจากไหนกันบ้าง
กงสุลสิริมิตรคงขยายความตรงนี้ได้ในโอกาสต่อไป แต่ผมจะขอกล่าวคร่าวๆ ว่ามีข้าราชการสถานทูตและครอบครัว 11 คน กลุ่มแม่บ้านคนไทยประมาณ 15-20 คน ไม่รวมเด็กเล็กซึ่งวันนั้นมากัน 5-6 คนทีเดียว นอกนั้นก็มีกลุ่มคนทำงานบริษัท จากการบินไทย บริษัทก่อสร้าง บริษัทผลิตผ้าลูกไม้ และพ่อครัวแม่ครัว ซึ่งมีร้านอาหารไทยประมาณ 5-6 ร้าน แต่ละร้านมีพ่อครัวแม่ครัวประมาณ 3 คน สุดท้ายที่พบก็คือพระสงฆ์ไทย ซึ่งมีอยู่จำนวนน้อยสุดคือเพียง 2 รูป
จำนวนคนไทยที่เหลือ ไม่ทราบแน่ชัดว่าทำอะไรและอยู่ที่ไหน หากไม่มีปัญหา ก็ยากที่จะทราบแน่ชัด แต่คงมีอยู่บ้างประปราย
ตัวเลขที่ได้รับทราบคือประมาณ 150 คน นี่ไม่นับรวมช้างพลายจากประเทศไทยจำนวน 3 เชือก.......และยังไม่รวมคนไทยในมัลดิฟส์ซึ่งสถานทูตดูแลด้วย
งานคนไทยในต่างแดน เป็นงานหนึ่งที่ผมให้ความสำคัญเพราะสถานทูตมีหน้าที่โดยตรงที่จะดูแลและรักษาผลประโยชน์ของคนไทยในต่างแดน จึงจัดให้คนไทยที่เดินทางไปต่างแดนได้แจ้งหรือลงทะเบียนให้สถานทูตทราบเมื่อเดินทางไปถึงประเทศนั้น เวลามีปัญหาหรือตกทุกข์ได้ยากจะได้ให้ความช่วยเหลือได้ แต่ก็ปรากฏเสมอๆ ว่าคนไทยบางส่วนไม่นิยมแจ้งหรือติดต่อสถานทูต จะเพราะเหตุผลใดก็ตาม ก็ทำให้สถานทูตไม่ทราบว่าท่านอยู่ที่ใดและเป็นอยู่อย่างไร เมื่อไม่ทราบก็ทำให้ไม่สามารถติดตามหรือช่วยเหลือได้...ทันท่วงที
อันตรายที่เกิดจากการไปต่างประเทศแบบหลบๆ ซ่อนๆ นั้นร้ายแรงมากขึ้นอยู่กับประเทศ แต่ที่ร้ายแรงมากก็ถึงชีวิต ทั้งจากกฏหมายบ้านเมืองและการถูกหลอกลวงจากทุจริตชน จึงเป็นเรื่องน่าห่วงมากครับ และไม่อยากให้เกิดกับคนไทยเลย
ภาพพจน์ของประเทศไทยและคนไทยนั้นเป็นที่ยอมรับจากคนทุกประเทศทั่วโลกว่ามีอัธยาศัยดี น่าคบ เป็นคนดี จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ส่วนน้อยเท่านั้นที่ไม่ได้รักษาภาพพจน์ที่ดีนี้ ยอมเสี่ยงชีวิตเสี่ยงตายตกเป็นเหยื่อขิงพวกมิจฉาชีพในต่างแดน
เขียนเรื่องคนไทยในศรีลังกา แต่ไม่ทราบว่ามาถึงเรื่องการเตือนภัยคนไทยในต่างแดนได้อย่างไร เอาเป็นว่า หากใครอยู่ในต่างแดนอย่างไม่ถูกกฏหมายหรือเสี่ยงตาย ก็ต้องระวังด้วนะครับ หากเปลี่ยนใจได้ ก็เปลี่ยนซะ มีปัญหาก็ติดต่อสถานทูต สถานกงสุลไทยได้ทุกแห่งนะครับ
เจริญสุขครับ
ปล.ผมจะได้หาโอกาสไปเยี่ยมคนไทยตามที่ต่างๆ ในศรีลังกาให้ครบ เพื่อจะได้ดำเนินการสร้างเครือข่ายและดูแลผลประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แวะมาเยี่ยมคนไทยในศรีลังกาครับ
noktalay, และ
ขอบคุณครับ
คนไทยที่ไปอยู่ที่ศรีลังกาคงไม่เพิ่มขึ้นมากเท่าใด แต่คนไทยที่ไปเที่ยวศรีลังกาน่าจะเพิ่มขึ้นแน่นอนครับเพราะมีสายการบินแอร์เอเชียบินกรุงเทพฯ โคลัมโบทุกวัน
หากมีโอกาสจะสอบถามคนไทยที่ไปเที่ยวว่าไปแล้วได้อะไรจากศรีลังกาบ้าง น่าสนใจครับ
สวัสดีค่ะ ชาวศรีลังกาพูดภาษาอะไรกันบ้างคะ เหมือนอินเดียไหม ติดตามอ่านนะคะ ขอให้มีความสุข
ต้องการจัดตั้งบริษัทนำเข้าและจัดจำหน่ายในศรีลังกา เป็นประเภทชิ้นส่วนอะไหล่เครื่องจักรในการก่อสร้างและเครื่องจักรกลต่าง ๆ สามารถหาข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจได้จากหน่วยงานใด
บริษัทหัวเหว่ย ลังกา สำนักงานอยู่ที่กรุงโคลอมโบกำลังหาผู้รับเหมาคนไทย ไปรัยจ้างติดตั้งเสาโทรคมนาคม สนใจติดต่อได้ค่ะ ส่วนตัวดิฉันเคยทำงานกับบริษัทนพวงศ์ก่อสร้าง ที่มีไซด์งานที่นั่น แต่พอพันธมิตรปิดสนามบิน ดิฉันโดนเลิกจ้างเพราะบริษัทนายจ้างไม่สามารถนำคนงานไทยจากเมืองไทย บินไปติดตั้งเสา ที่รับเหมามาจากหัวเหว่ยได้ทันเวลาตามสัญญาได้
ไปทำงานสมัยนั้นยังนับว่าอันตราย มีการลอบสังหารนายกรัฐมนตรี จากพวกทมิฬ ใครที่จะไปลงทุนที่ศรีลังกาต้องทำใจ เรื่องแรงงานชาวศรีลังกา อาชีพพขร. เขาสงวนสิทธิ์ให้ชาวศรีลังกา แถมไปเร่งให้เขารีบขับไม่ได้ แถมสี่โมงเย็นปุ๊บ พวกเขาจะต้องหยุดพักเพื่อเป็นฃ่วงเบรคดื่มชา Tea Time ซึ่งสมัยนั้นทำให้ปวดหัวกับเหล่าบรรดารถเครน รถเครนที่เราเช่าให้มาขนย้ายรถขุดแบ็คโฮเพื่อไปไซด์งาน ปัญหาเรื่องแรงงานศรีลังกาประท้วงค่าแรงก็เกิดบ่อยกับนักลงทุนชาวญี่ปุ่นที่นั่น พวกเขาไม่สนใจว่างานจะเสียหายหรือไม่ ถ้าเขาไม่พอใจก็ปิดถนนประท้วงบริษัทต่างชาติ ก็ต้องคิดไตร่ตรองดีๆ
แล้วขยะที่ตลาดสดจะมีอีกา มาคอยจิก คุ้ยเขี่ย ระบบกำจัดขยะมูลฝอยยังไม่ค่อยดี เดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่ามีคูระบายน้ำดีหรือยัง สมัยปี2008 ยังเห็นพวกคนศรีลังกา นุ่งผ้าขาวม้ายืนอาบน้ำริมถนนให้เกลื่อน (ไม่ใช่กรุงโคลอมโบ) หมายถึงแถวตจว.ของประเทศเขาน่ะค่ะ
ตอนนี้คงจะเจริญกว่าแต่ก่อนเยอะ อ้อ ถ้าไปซุปเปอร์มาเก็ตต้องมีถุงพลาสติกเตรียมไปเองนะคะ ไม่งั้นใบละ 2 รูปีศรีัลังกาค่ะ ตามสี่แยกไฟแดงก็มีขอทาน รถติดไฟแดงเมื่อไหร่ มาเคาะกระจกขอเงินแบบไม่ยอมให้รถไปซะด้วย