เมื่อชีวิตเริ่มรู้สึกว่า...ทุกอย่างที่พบคือสมมติ


   สมมติ คือ สิ่งที่เรามีมติร่วมกันว่าอะไรคืออะไร การให้ความหมายแบบนี้ดูค่อนข้างมีปัญหาเพราะจะมีำคำถามต่อมาว่า "แล้วมันคืออะไร" ในการจัดการปัญหามี ๒ อย่างคือ อย่างแรก ไม่ต้องไปสนใจมันว่ามันหมายถึงอะไร อย่างที่สอง ต้องหาความหมายของมันให้ได้ 

  อย่างแรก เราไม่ต้องปวดหัวกับการหาความหมาย เพราะท้ายที่สุดความหมายที่เราพยายามแสวงหาความหมายมานั้นจะกลายเป็นสิ่งสูญเปล่า ส่วนอย่างที่สองเราต้องใช้กำลังความเพียรทั้งร่างกายและมันสมองในการขบคิดเพื่อตีความหมายออกมา อย่างไรก็ตาม ทั้งสองอย่างคือ "สมมติ" เพื่อแทนสิ่งหนึ่ง ในเวลาใดเวลาหนึ่งและบนพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเท่านั้น

  เราจะพบว่า ทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตล้วนแต่เป็นความพยายามสร้างความหมายให้แก่บางสิ่ง ขอให้พิจารณาตัวอย่าง ๓ ตัวอย่างดังต่อไปนี้

  ก. กลุ่มบุคคลตรากฎหมายขึ้นมาเพื่อความสงบสุขของมวลชน

  ข. กฎหมายที่บุคคลตราขึ้นมานั้น เปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา

  ค. กฎหมายมีอำนาจบังคับให้ยอมตาม หากไม่ยอมตามจะมีผลทางกฎหมายที่กลุ่มบุคคลได้ระบุไว้จัดเจนแล้ว

  ในข้อ ก. คำถามคือ ถ้าเราไม่มีกฎหมาย ความสงบสุขจะไม่มีใช่หรือไม่ ประการต่อมา ในสถานการณ์ที่ไร้กฎหมาย เรายึดหลักอะไรไว้ตัดสิน ในข้อ ข. สิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้คือความจริงหรือสิ่งสมมติ และสิ่งที่ไม่มีและเราสร้างให้มีเป็นความจริงหรือสิ่งสมมติ ส่วนในข้อ ค.สถานภาพของมนุษย์ควรอยู่อย่างอิสระหรือว่าต้องอาศัยกฎเกณฑ์

  ในความคิดของผม กำลังมองหาว่า "อะไรคือความจริง" และค่อนข้างเอนเอียงไปว่า ความจริงไม่มี มีแต่สิ่งสมมติ ถ้าเป็นอย่างนี้ ประโยชน์อะไรกับการเข้าไปยึดติดกับสิ่งสมมตินั้นเล่า

  

หมายเลขบันทึก: 483062เขียนเมื่อ 24 มีนาคม 2012 11:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 ตุลาคม 2015 10:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

 ชอบประโยคนี้ครับ

ความจริงไม่มี มีแต่สิ่งสมมติ ถ้าเป็นอย่างนี้ ประโยชน์อะไรกับการเข้าไปยึดติดกับสิ่งสมมตินั้นเล่า

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท