2. ครูบูรณาการสอนอย่างไร
ตลอดเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา ผมคอยถามตัวเองเสมอมาว่า บูรณาการสอนอย่างไรให้สนุก และเกิดการเรียนรู้ ควบคู่ไปด้วย คิดวิธีสอนแบบบูรณาการแล้วทดลองสอน สังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนบันทึกไว้ นำผลที่สรุปได้จากการสังเกต มาทบทวนพัฒนาวิธีการสอนที่จะให้สนุกและเกิดการเรียนรู้ควบคู่ไปด้วยนั้น มีอยู่ 2 แบบ คือ
1. แบบผสมกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน วิธีนี้ ผมเรียกว่า วิธีการบูรณาการแบบยาแอสไพริน กล่าวคือ เราสามารถนำส่วนประกอบต่าง ๆ ของแต่ละสาระการเรียนรู้มาหลอมรวมกันจนไม่เห็นส่วนปลีกย่อยในสิ่งใหม่ เช่น เรารับประทานยาแอสไพรินเข้าไป 1 เม็ด เราเห็นว่านั่นคือ ยาแอสไพริน จำนวน 1 เม็ด แต่เราไม่เห็นหรือไม่สนใจเลยว่ายาเม็ดนั้นมีส่วนประกอบเนื้อยาปลีกย่อยอะไรบ้าง เพราะทุกอย่างถูกบดเข้าเป็นยาเม็ดเดียวกันหมด
การสอนบูรณาการด้วยวิธีที่ 1 นี้ก็เช่นเดียวกัน ผู้จัดทำเรื่องราวสอนจะต้องนำกิจกรรม สถานการณ์(เนื้อหาสาระ) และจุดประสงค์ของเนื้อหา/ กิจกรรมนั้น ๆ มาหลอมรวมผูกให้เป็นเรื่องเดียวกัน เวลานำสอน เด็ก ๆ ผู้เรียนจะเรียนไป ๆ โดยไม่นึกถึงว่าตนกำลังเรียนสาระการเรียนรู้ใด แต่เขาสนุกเพลินและรู้เรื่องราวที่เรียนเหล่านั้น แม้แต่การวัดและประเมินผลก็สามารถวัดประเมินผลแบบองค์รวม หรือแยกย่อยรายสาระการเรียนรู้ก็ย่อมได้ วิธีการนี้เรียกว่า หลอมรวมองค์ประกอบย่อยให้เป็นของใหม่โดยไม่เห็นรูปลักษณ์เดิม
การสอนบูรณาการด้วยวิธีที่ 2 เป็นการสอนแบบหลอมรวมองค์ประกอบย่อยเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แต่ยังคงเห็นองค์ประกอบย่อยเหล่านั้น ผมเรียกวิธีสอนแบบนี้ว่า การบูรณาการสอนแบบส้มตำ เวลาเรารับประทานส้มตำนั้น เราจะอร่อยกับรสชาติของส้มตำ โดยไม่แยกว่านี่เป็นรสของมะละกอ นี่รสของถั่วลิสง นี่รสของมะนาว มันเป็นรสของส้มตำแท้ ๆ แต่พอเรานั่งดูในส้มตำนั้น จะเห็นมะละกอ มะนาว ถั่วลิสง กุ้งแห้ง พริกโขลก คลุกกันอยู่ในจานใบนั้น จานส้มตำนั่นเอง รสชาติส้มตำเป็นรสชาติใหม่ที่มีส่วนผสมเก่า ซึ่งผู้รับประทานส้มตำก็เพลินในรสชาติส้มตำ ไม่สนใจต่อส่วนผสมที่โขลกรวมเข้าด้วยกัน ฉันใดก็ดี การสอนบูรณาการแบบวิธีที่ 2 นี้ ผู้เรียนจะเรียนไปตามเรื่องที่ผู้สอนผูกโยงขึ้นอย่างไม่คิดว่านี่คณิตศาสตร์นะ นั่นวิทยาศาสตร์นะ แต่ทว่าทุกอย่างเป็นเรื่องเดียวกันหมด เพียงแต่นำกระบวนการและวิธีการของสาระการเรียนรู้แบบซ่อนรายวิชาเก่า ๆ เอาไว้ ในกิจกรรมที่นำมาเรียงร้อยใหม่ ใช้ชื่อเรื่องใหม่ จนเกิดบทสรุปใหม่เป็นทฤษฎีใหม่แต่ยังเห็นเค้าของเก่าอยู่
รูปแบบการสอนทั้งสองแบบนี้ มีความเหมือนในความต่าง คือ
แบบที่ 1 เป็นการสังเคราะห์จากการนำส่วนประกอบหลากหลายอย่างมาหลอมรวมกันเข้าจนเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์เดิมมาสู่รูปลักษณ์ใหม่เกิดเป็นสิ่งใหม่ขึ้นมา แทบจะมองหาภาพเดิมของส่วนประกอบที่มาหลอมรวมไม่เห็น
แบบที่ 2 นำส่วนประกอบเดิม ๆ มาหลอมรวมกันเข้าจนกลายเป็นของใหม่ แต่ยังคงมองเห็นเค้าโครงเดิมอยู่
การจัดทำแผนการเรียนรู้แบบบูรณาการนั้น ถ้าคุณครูมัวห่วงใยอยู่กับรายละเอียดของแต่ละสาระการเรียนรู้ มุ่งประเด็นจะสอนให้จบเนื้อหาของวิชานั้น ๆ ในหนังสือตำราเล่มนั้นแล้วจะยากต่อการจัดทำแผนการเรียนรู้แบบบูรณาการ แต่ใช่ว่าผู้จัดทำจะไม่สนใจต่อเนื้อหาสาระเสียเลยทีเดียว ผมหมายถึงว่า ผู้จัดทำแผนบูรณาการต้องเข้าถึงจุดประสงค์ของเนื้อหาสาระนั้นจนถึงแก่นแท้เสียก่อนเข้าถึงแบบรู้ว่า
สอนไปทำไม ( จุดประสงค์ )
สอนด้วยวิธีการใด (วิธีการเรียนรู้)
ผู้เรียนจะรู้อะไรหรือได้อะไร ( เนื้อหาสาระ )
ทั้ง 3 ประเด็นนี้ครูผู้จัดทำแผนแบบบูรณาการต้องเข้าให้ถึง เพราะนี่คือ แก่นแท้ เมื่อเห็นเนื้อแท้ของสิ่งนั้นก็ย่อมจะนำมาโขลก คลุก เข้าให้เป็นของใหม่ได้โดยไม่เสียส่วนเดิม เหมือนยาแอสไพริน แม้จะเป็นยาใหม่แต่สรรพคุณของสมุนไพรไม่เปลี่ยนแปลง แถมรสชาติดีกว่ากันอีกเยอะเลย นี่แหละคือ สอนให้สนุกแต่เกิดการเรียนรู้ในเรื่องที่เรียน
ถามว่าแล้วจะทำอย่างไร
นี่คือปัญหาที่ต้องการคำตอบ
อ่านเป็นเล่มได้ที่ https://docs.google.com/docume...
ไม่มีความเห็น