1. ทำไมต้องบูรณาการสอน
“ทำไมต้องบูรณาการสอน” คุณครูหลายคนถามผมอย่างนี้ และพวกเขายังถามต่อไปอีกว่า “ถ้าไม่บูรณาการ แล้วจะสอนได้ไหม” ผมฟังคำถามเหล่านี้แล้วมักจะยิ้มมากกว่าตอบ เพราะคำถามอย่างนี้น้อยครั้งที่ผู้ถามจะต้องการคำตอบ แต่เขาต้องการหาเรื่องจากการตอบคำถามมากกว่า
ผมชอบตอบคำถามของคุณครูที่ถามผมว่า “จำเป็นไหมที่เราจะต้องบูรณาการให้ครบทั้ง 8 สาระวิชา” คำถามอย่างนี้ผู้ถามต้องการคำตอบที่สามารถแก้ปัญหาที่ค้างคาหัวใจผู้ถามอยู่ และคำตอบที่ผมตอบก็คือ ผมจะย้อนถามกลับไปว่า “จำเป็นไหมที่เราจะต้องชวนทุกคนในครอบครัวไปหาอาหารรับประทานนอกบ้านทุกมื้อ” คำตอบที่ตอบกลับมา คือ ไม่จำเป็น บางครั้งก็จะชวนพ่อบ้าน (หรือแม่บ้าน) ไปรับประทานอาหาร ส่วนลูก ๆ เขาจะอยู่บ้าน และบางครั้งก็จะไปกันทั้งครอบครัว นี่คือคำตอบที่ซ่อนอยู่ในคำถาม เป็นเหตุผลชวนคิดที่ผมไม่ต้องเสียเวลาอธิบายหรือยกแม่น้ำทั้งห้ามาอ้างอิง ผู้ถามจะเข้าใจง่าย เพราะถามเองตอบเอง
ความจริงแล้วนั้น กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการได้ระบุไว้ชัดเจนในแนวดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตั้งแต่ “หลักสูตรประถมศึกษา พุทธศักราช 2521 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2533 ) ที่กำหนดแนวดำเนินการไว้ว่า
1. จัดการเรียนการสอนให้ยืดหยุ่นตามเหตุการณ์และสภาพท้องถิ่น โดยให้ท้องถิ่นพัฒนาหลักสูตรและสื่อการเรียนการสอนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับท้องถิ่นตามความเหมาะสม
2. จัดการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางให้สอดคล้องกับความสนใจและสภาพชีวิตจริงของผู้เรียนและให้โอกาสเท่าเทียมกันในการพัฒนาตนเองตามความสามารถ
3. จัดการเรียนการสอนให้มีความสัมพันธ์ เชื่อมโยงหรือบูรณาการ ทั้งภายในกลุ่มประสบการณ์ และระหว่างกลุ่มประสบการณ์ให้มากที่สุด
4. จัดการเรียนการสอนโดยเน้นกระบวนการเรียนรู้ กระบวนการคิดอย่างมีเหตุผลและสร้างสรรค์ และกระบวนการกลุ่ม
5. จัดการเรียนการสอนโดยให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติจริงมากที่สุด และเน้นให้เกิดความคิดรวบยอดในกลุ่มประสบการณ์ต่าง ๆ
6. จัดให้มีการศึกษา ติดตามและแก้ไขข้อบกพร่องของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง
7. ให้สอดแทรกการอบรมด้านจริยธรรมและค่านิยมที่พึงประสงค์ในการจัดการเรียนการสอนและกิจกรรมต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ
8. ในการเสริมสร้างค่านิยมที่ระบุไว้ในจุดหมาย ต้องปลูกฝังค่านิยมที่เป็นพื้นฐาน เช่น ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน มีวินัย รับผิดชอบ ฯลฯ ควบคู่ไปด้วย
9. จัดสภาพแวดล้อมและสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้และการปฏิบัติจริงของผู้เรียน
ถ้าหากเราอ่านหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 อย่างพินิจพิจารณา วิเคราะห์ทุกข้อความแล้ว เราจะพบว่า “แนวดำเนินการ” ทั้ง 9 ข้อที่คัดมาจาก หลักสูตรประถมศึกษา พุทธศักราช 2521 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2533 ) นั้น ซ่อนอยู่ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งนั้น เพียงแต่ว่าไม่ได้เขียนระบุชัดเจนเป็นรายชื่อดั่งแต่ก่อน เช่นในหน้าที่ 9 ของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 กล่าวถึง การจัดหลักสูตร ที่เน้นให้เห็นภาพการจัดหลักสูตรช่วงชั้นที่ 1 และช่วงชั้นที่ 2 ว่า
“การศึกษาระดับนี้เป็นช่วงชั้นแรกของการศึกษาภาคบังคับ หลักสูตรที่จัดขึ้น มุ่งเน้นให้ผู้เรียนพัฒนาคุณภาพชีวิต กระบวนการเรียนรู้ทางสังคม ทักษะพื้นฐานด้านการอ่าน การเขียน การคิดคำนวณ การคิดวิเคราะห์ การติดต่อสื่อสาร และพื้นฐานความเป็นมนุษย์ เน้นการบูรณาการอย่างสมดุลทั้งในด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ สังคมและวัฒนธรรม”
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็จะเห็นได้ว่า หลักสูตรประถมศึกษา พุทธศักราช 2521 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2533) นั้นจะเน้นการบูรณาการในเชิงรูปธรรม กล่าวคือ มุ่งเน้นให้ผู้จัดกิจกรรม การเรียนการสอน บูรณาการสรรพวิชาต่าง ๆ เข้าด้วยกัน แล้วนำสอน เพื่อให้ผู้เรียนเรียนรู้ในรูปแบบเรียนเป็นเรื่องเดียวกัน แต่ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 จะเน้นผลผลิตที่ได้จากการบูรณาการสาระการเรียนรู้ออกมาในด้านนามธรรม กล่าวคือ ผู้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนจะต้องบูรณาการสรรพสาระการเรียนรู้เข้าเป็นเรื่องเดียวกัน โดยที่ผู้เรียนเรียนรู้ จนถึงขั้นสามารถพัฒนาการคุณภาพชีวิตของตน อย่างสมดุลทั้งในด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ สังคมและวัฒนธรรม นี่คือความลึกซึ้งของการบูรณาการการเรียนรู้ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 หรือจะพูดง่าย ๆ ว่า จะต้องจัดการศึกษาให้เข้าถึงจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์นั่นเอง
|
เมื่อสังเกต ศึกษา ลึกเข้าไปให้ถึงหน้า 21 ของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ก็จะพบว่า ภารกิจสำคัญที่ครูผู้สอนและสถานศึกษาจะต้องจัดการเรียนรู้ นั่นคือ
“....การจัดการเรียนรู้ในแต่ละช่วงชั้น ควรใช้รูปแบบ/วิธีการที่หลากหลาย เน้นการจัดการเรียนการสอนตามสภาพจริง การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้ร่วมกัน การเรียนรู้จากธรรมชาติ การเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง และการเรียนรู้แบบบูรณาการ การให้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ การเรียนรู้คู่คุณธรรม “ทั้งนี้ต้องพยายามนำกระบวนการจัดการ กระบวนการอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม กระบวนการคิดและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปสอดแทรกในการเรียนการสอนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ซึ่งการเรียนรู้ในลักษณะองค์รวมการบูรณาการเป็นการกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ร่วมกัน ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยนำกระบวนการเรียนรู้จากกลุ่มสาระเดียวกันหรือต่างกลุ่มสาระการเรียนรู้มาบูรณาการ ในการจัดการเรียนการสอน.....”
ผมคิดว่าเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ความชัดเจนของเหตุผลที่จะตอบคำถามว่า “ทำไมจึงต้องบูรณาการการสอน” พอที่จะทำความเข้าใจในคำถามและคำตอบได้
นอกจากนี้ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ยังตอบคำถามที่ถามว่า “แล้วจะบูรณาการอย่างไร” ได้อย่างชัดเจนมาก ถ้าหากเราเปิดไปอ่านในหน้า 20 และ 30 ซึ่งเขียนไว้ว่า
“1. การกำหนดสาระการเรียนรู้และผลการเรียนรู้ที่คาดหวังรายปีหรือรายภาค....สามารถกำหนดในลักษณะผสมผสานบูรณาการ จัดเป็นชุดการเรียนแบบยึดหัวข้อเรื่องหรือจัดเป็นโครงงานได้”
และใน แนวทางการจัดหลักสูตรสถานศึกษา (หน้า 31 ,32 และ 33 ) ก็ได้กล่าวถึงเรื่อง การจัดทำหน่วยการเรียนรู้ ไว้ว่า
“ 5 การจัดหน่วยการเรียนรู้ โดยการนำเอาสาระการเรียนรู้รายปีหรือรายภาคที่กำหนดไว้ไปบูรณาการจัดทำเป็นหน่วยการเรียนรู้หน่วยย่อย ๆ เพื่อสะดวกในการจัดการเรียนรู้และผู้เรียนได้เรียนรู้ในลักษณะองค์รวม....”
“ในการจัดทำหน่วยการเรียนรู้ อาจบูรณาการทั้งภายในและระหว่างสาระการเรียนรู้ หรือเป็นการบูรณาการเฉพาะเรื่องตามลักษณะการเรียนรู้ หรือเป็นการบูรณาการที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้เรียน....”
มาถึงตรงนี้ ก็จะเห็นได้ชัดเจนว่า การบูรณาการนั้นมีกำหนดอยู่ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 อีกทั้งยังระบุชัดเจน ว่าจะให้ทำอย่างไร ในเรื่องอะไร หวังผลแค่ไหน ขอเพียงแต่เราช่วยกันถอดรหัสที่ซ่อนอยู่ในหลักสูตรออกมา บันทึกไว้ให้เห็นภาพชัดเจน แล้วนำสู่การปฏิบัติอย่างแท้จริง
อยากรู้ว่า “เราจะบูรณาการสอนอย่างไร”
อ่านเป็นเล่มได้ที่ https://docs.google.com/docume...
|
ไม่มีความเห็น