สู้กับลัทธิศรัทธา ด้วยการเจริญปัญญาผ่านโครงงานและการภาวนาปฏิบัติ


วันนี้เป็นวันที่ผมได้เรียนรู้จากการฟัง และมีความสุขกับการได้รู้ มากกว่าที่สุดวันหนึ่ง ผมรู้สึกว่าหากต้องค้นคว้าอ่านเองคงต้องใช้เวลานานเป็นปีทีเดียว จึงอยากบันทึกไว้เป็นหลักฐานว่า เหตุการณ์ที่ปราชญ์ท่านหนึ่ง(ที่ผมสนทนากับท่าน) ทำนายไว้จะเป็นจริงหรือไม่ในอนาคต  เนื่องจากเป็นการอนุมานหรือทำนายลิขิต จึงขอปิดไว้เป็นความลับว่าท่านเป็นใคร  ผมจับประเด็นมาได้ดังนี้ครับ

ตอนนี้ศีลธรรมของเรา(ประเทศไทย)เสื่อมลงจนถึงจุดวิกฤต เกิดความแตกแยกขึ้นในวงการประชาชนและหมู่คนที่บวชเป็นพระ สถานการณ์ 3 อย่างเกิดมีครบแล้ว คือ..1)อธรรมราคะรุนแรง มีข่าวพ่อข่มขืนลูก  พี่น้องร่วมรักกัน ชายกับชาย หญิงกับหญิง มีการสมสู่แบบไม่เลือกคู่ 2)วิสมโลภะ คือความโลภทางทุจริตรุนแรง เห็นได้ทั่วไปในยุคทุนนิยมสุดขั้ว จนไม่รู้ตัว ตั้งแต่รากหญ้ายันจนระดับแนวหน้าของประเทศ และ 3)มิจฉาธรรม คำสอนผิด ความเชื่อผิด เริ่มผุดและขยายขึ้น พุทธศาสนาถูกบิดเบือนอย่างรุนแรงตั้งแต่ระดับล่าง กลาง และระดับโครงสร้างศาสนาของประเทศ....ใกล้ถึงวันที่จะเกิดผลของคนต่างๆ ที่ร่วมกันทำกรรมที่เป็นเหตุข้างต้น (คนคริสต์เขาเรียกว่าวันพิพากย์ษา) คือวันตายหมู่ แบบที่รู้ๆ ว่าเป็นไปได้และเป็นไปแล้ว เช่น สินามิ แผ่นดินไหว เป็นต้น 

วันนั้นใกล้มาถึงแล้ว...แผ่นดินกรุงเทพฯจะทรุดตัวลงขนาดใหญ่คนตายกันระนาว ก่อนเกิดเหตุการณ์ คนที่ไม่ถึงคราวจะหนาวๆ ร้อนๆ นอนใจไม่อยู่ไม่ได้จนต้องจรจอรรีหนีมาอยู่เหนือหรืออีสาน ส่วนพวกคนที่ถึงการณ์จะต้องตอบแทนกรรม ก็จะต้องมีอะไรต้องทำที่กรุงเทพฯ ในตอนนั้น อาจเป็นแบบไปด้วยความมุ่งมั่นในอุดมการณ์ หรืออาจเป็นเหมือนลูกหลานที่โดนหลอกไปร่วมขบวน ชักชวนกันไปโดยหวังว่าใครจะให้หรือจะได้อะไรบางอย่าง หารู้ไม่ว่าปลายทางคือความตาย....

(ผมไม่ได้ถามท่านว่า มันต้องเกิดขึ้น หรือ มันมีโอกาสไม่เกิดขึ้นได้หรือไม่)

ต่อมาอีกวาระหนึ่งของการสนทนากับท่าน ผมเอาความท่านมาขยายประเด็นที่ 3) ดังนี้ครับ

คำสอนผิดๆ ความเชื่อผิดๆ การบิดเบือนหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า จนเกิดเป็นลัทธิครอบงำขนาดใหญ่ที่แม้เป็นใครก็ยากแล้วที่จะแก้ ...ตอนนี้ตัวใครตัวมันไปก่อน.... ลัทธินี้สอนเน้น "ศรัทธา" สวนทางกับการเน้น "ปัญญา" ของพุทธธรรม ลัทธินี้ไม่ได้สอนให้รู้ทุกข์ แต่กลับสอนให้ติดสุขของสมาธิ ไม่ได้พิจารณาเหตุแห่งทุกข์ แต่สอนให้ผูกใจไว้กับจุดเพ่ง จึงไม่มีทางที่จะเข้าถึงนิโรธ เพราะแม้แต่ความโกรธที่เป็นกิเลสหยาบธรรมดา ก็จะกลับมาเมื่อจิตถอยจากฌาน ไม่ต้องกล่าวถึงการณ์ที่จะเข้าถึงธรรมด้วยมรรค...

ที่น่ากลัวคือ ตอนนี้ลัทธิแห่งศรัทธานี้ ขยายแผ่ไปไม่ใช่เฉพาะกว้าง แต่ลึกเข้าไปถึงหน่วยงานที่สามารถกำกับและจัดการกับ "คน" "เงิน" และโครงสร้างต่างๆ ของไทย มีการดำเนินงานอย่างมีแผน มีระบบ และยุทธศาสตร์ แบบที่คนไทยมักเรียกว่าฉลาดแกมโกง เรื่อง "คน" ตอนนี้มีสาวกที่ยึดโยงอำนาจของประเทศไว้ได้แล้ว กำลังใช้เงินดูดพวกศรัทธาแผ่วปัญญาน้อยที่คอยแต่จะให้คนอื่นชี้นำ และที่สำคัญจริงๆ คือลัทธินี้กำลังเจาะเข้าไปปลูกฝังความเชื่อเพี้ยนๆ ให้กับนักเรียนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ

ผมเรียนท่านว่า ตอนนี้มีเพื่อนๆ คนรุ่นใหม่ หันมาสนใจการเจริญสติวิปัสนาเยอะมาก เป็นการเจริญปัญญาด้วยภาวนาปฏิบัติ ผมเรียนท่านว่า คนกลุ่มนี้แหละ ที่จะทำงานแข่งกับลัทธินี้ เพื่อให้ลูกหลานเรามีอนาคตที่ดีต่อไปในภายหน้า 

ความจริงท่านเล่าเรื่องให้ผมฟังอย่างละเอียด....ผมเห็นความเครียดที่เกิดขึ้นกับตนเองเป็นระยะๆ ตลอดเวลาเดินทางเกือบ 1 ชั่วโมง.... 

แต่ผมไม่เครียดครับ 

สู้ ครับ .... ผมว่าต้องมีใครทำอะไรสักอย่าง ไม่งั้นเราจะหลงทางกันหมด

หมายเลขบันทึก: 482662เขียนเมื่อ 20 มีนาคม 2012 22:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 ตุลาคม 2012 21:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท