พาร์กินสัน เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุเป็นส่วนใหญ่ คนไทยเรียกว่า โรค “สั่นสันนิบาต” โรคพาร์กินสันนั้นถูกจัดอยู่ในกลุ่มของโรคที่เรียกว่าการผิดปกติของการเคลื่อนที่ การเคลื่อนไหวร่างกายและมีอาการอื่นควบคู่ด้วย ส่งผลต่อความสามารถในการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงสุขภาวะของคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยอีกด้วย
Parkinson’s disease
เป็นโรคที่มีสาเหตุเกิดจากความผิดปกติทางระบบประสาท คนไทยเรียกว่า
โรคสั่นสันนิบาต มีผลทำให้มีความผิดปกติของการเคลื่อนที่
และเคลื่อนไหวร่างกาย
สาเหตุของโรค
เกิดจากการตายของ substantia nigra
ซึ่งมีการผลิตโดปามีน ทำให้สูญเสียความสมดุล
เนื่องจากสารโดปามีนควบคุมระบบการเคลื่อนไหวของร่างกาย
จึงเกิดอาการเคลื่อนไหวผิดปกติขึ้น
อาการของโรค
- อาการสั่นและอาการเกร็ง
- อาการเคลื่อนไหวช้า
- การทรงตัวไม่ดี เดินในท่าผิดปกติ
- ใบหน้าเฉยเมย (เสื้อยิ้มยาก) น้ำลายสอมุมปาก
อาการแทรกซ้อน
ท้องผูก ท้อแท้เศร้าซึม อ่อนเพลีย ภาวะสมองเสื่อม
การป้องกันโรค
- ควรพักผ่อนให้เพียงพอ
- พยายามอย่าเครียด ทำใจให้ผ่อนคลาย
- เวลาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ทานวิตามินบำรุงสมองหรืออาหารที่มีวิตามินบีสูง
- ควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
- ตรวจร่างกายทุกปี
บทบาททางกิจกรรมบำบัด
สำหรับผู้ป่วย Parkinson’s disease
วิเคราะห์ปัจจัยโดยใช้กรอบอ้างอิง MOHO ดังนี้
1.
Volition (เจตจำนงของผู้ป่วย)
มีรายละเอียดคือ
- Confidence ; การเสริมสร้างความมั่นใจของผู้ป่วย
โดยใช้กิจกรรมที่ผู้ป่วยสนใจเป็นแรงกระตุ้น
ซึ่งปัจจัยนี้ส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิต และประสิทธิภาพการทำงาน
- Interest ; ความสนใจต่อกิจกรรมหรือสิ่งต่างๆ
สิ่งกระตุ้นให้เกิดความมั่นใจในการดำเนินชีวิต
เนื่องจากผู้ป่วยจะทำในสิ่งที่สนใจได้ดี และมีความพึงพอใจ
2. Habituation (อุปนิสัยของผู้ป่วย)
มีรายละเอียดคือ
- Self-care ; การดูแลตนเองในการทำกิจวัตรประจำวัน (ADL)
โดยจะให้ความสำคัญกับกิจวัตรประจำวันพื้นฐานก่อน เช่น การขับถ่าย
อาบน้ำ แปรงฟัน รับประทานอาหาร แต่งตัว เคลื่อนย้ายตัว เป็นต้น
- Productivity ; จะกล่าวถึงเกี่ยวกับบทบาทที่ทำเป็นประจำ
หรือมีผลงานที่สามารถเห็นได้
โดยอาจมีความเชื่อมโยงกับเจตจำนงของผู้ป่วย โดยผลผลิตอาจมาจากความสนใจ
และความพึงพอใจ
- Leisure ; การพักผ่อนและกิจกรรมยามว่าง เป็นสิ่งสำคัญเพื่อลด
ป้องกันอาการแทรกซ้อน และเพื่อให้กล้ามเนื้อได้พักผ่อน
พร้อมสำหรับการฝึก บำบัดฟื้นฟูต่อๆไป
3. Performance (ความสามารถของผู้ป่วย)
มีรายละเอียดคือ
- Interpersonal skill ;
ผู้ป่วยสามารถทักษะการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคล
เพื่อเพิ่มความสัมพันธ์ และใกล้ชิดกับคนรอบข้าง
เพื่อไม่ให้เกิดอาการซึมเศร้าแทรกซ้อน หรือกังวลกับอาการของโรค
- Cognitive ability ; พัฒนาทักษะระดับสติปัญญา ความรู้คิด
โดยการเล่นเกมส์ที่มีการใช้ตรรกะในการเล่นเกมส์
- Physical ability ; พัฒนา บำบัด
ฟื้นฟูการทำงานของร่างกายที่ผิดปกติไป
รวมทั้งพัฒนาสภาพจิตใจให้อยู่ในแง่บวกตลอดเวลา ป้องกันการเกิดข้อติด
หรืออาการแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้น
4. Environment (สิ่งแวดล้อมของผู้ป่วย)
มีรายละเอียดคือ
- Physical environment ; สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ควรจัดให้เหมาะสม
ควรจัดของเป็นระเบียบ และมีระยะห่างพอสมควร
เนื่องจากผู้ป่วยมีอาการสั่น การควบคุมอาจทำได้ไม่ดี
และควรระมัดระวังสิ่งของที่อาจทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้ป่วยด้วย
- Social support ; การสนับสนุนทางสังคม
ควรสร้างโอกาสให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในสังคมกับกิจกรรมต่างๆ
การสนับสนุนเกี่ยวกับผู้ผิดปกติทางร่างกายของรัฐบาลควรกระจายอย่างทั่วถึงกับผู้ป่วย
รวมไปถึงสิทธิ์ที่ควรได้รับต่างๆ
สิ่งที่ผู้ป่วยควรได้รับคืออุปกรณ์เสริมเพื่อทดแทนการทำงานที่มีประสิทธิภาพที่น้อยลงของผู้ป่วย
เช่น ไม้เท้า , weight cuff, แป้นพิมพ์ขนาดใหญ่ เป็นต้น
และต้องได้รับการฝึกการใช้งานจากนักกิจกรรมบำบัด
นอกจากนั้นควรฝึกการสื่อสารเพื่อให้บอกในสิ่งที่ตนต้องการได้
เน้นความปลอดภัยในการทำกิจกรรมของผู้ป่วย และลดขั้นตอนการทำงาน
เพื่อให้ทำกิจกรรมดำเนินชีวิตประจำวันได้ด้วยตนเอง
จากนั้นก็ทำการประเมินซ้ำ เพื่อพัฒนาเป้าประสงค์
และคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น