ควันหลงจากการถูกขโมยเข้าไปล้วงคอ(เมื่อเดือนที่แล้ว) พี่นับถือคนหนึ่งแนะนำเมื่อช่วงเหตุการณ์เพิ่งผ่านพ้นสดๆ ร้อนๆ ควันยังไม่จางหายไปจากความรู้สึกพรั่นพรึง
" ลองจุดธูป-บอกกล่าว บนบาน สิ่งศักดิ์สิทธิ์... อาจได้ผลนะ "
แหม....ไม่ใช่ไม่เคยลองบนบานศาลกล่าว.....แต่ไม่มีรายไหนรับสินบน สักที...
ความเจ็บช้ำส่งผลให้อยากลองอีกสักครั้งหนึ่ง...ลงทุนขับรถกลับไปบ้านด้วยใจสั่นไหวปนหวาดผวา ค่อยๆ ไขกุญแจบ้าน ขาเริ่มสั่น " เอ๊ะ…. ควรเดินอ้อมไปด้านหน้าต่างก่อนดีกว่าไหม เผื่อมันกลับมาเยี่ยมเยียนอีก ไปจ๊ะเอ๋กันในบ้านคงไม่เหมาะ "
สอดส่องสายตาเข้าไปด้านใน อย่างลุ้นระทึก.... เมื่อไม่พบเห็นผู้ใด จึงก้าวเข้าบ้านไปด้วยความหวาดหวั่นเล็กๆ
จุดธูป 3 ดอก กราบพระที่เหลือบนหิ้ง หลังสวดมนต์ฉบับสั้นๆ เสร็จ จึงพึมพาไปตามความรู้สึกนึกคิดที่ค้างคาในใจ
“ สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงหรือไม่ อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน ทำไมถึงปล่อยให้เขาอุ้มพาไปเสียงั้น ไม่แสดงอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ ใดๆให้มันรับรู้ .”
กล่าวจบก็ปักธูปลงกระถาง และจุดธูปต่ออีก 5 ดอก ไปพนมมือไหว้ข้างสนามหญ้าหน้าบ้าน
" เจ้าที่-เจ้าทาง เทพยดา ผีบ้าน-ผีเรือน มีจริงหรือปล่าวเนี่ย ทำไมไม่ช่วยปกปักษ์รักษา บ้าน ปล่อยให้พวกหัวขโมย มันเข้ามาหยามเกียรติ ลักขโมยของ ตั้ง 10 กว่าครั้ง ได้ไงกัน "
ต่อว่า-ต่อขานเสร็จจึงปักธูปลงกลางดินในสนาม.. " ปึ้ก " เนื่องจากไม่มีกระถางปักธูป (หารู้ไม่ว่า...ทางความเชื่อถือว่า...หากปักธูปลงกับดินเป็นการสาปแช่ง ธรณีสะเทือนเลื่อนลั่น) ....รีบเร่งขับรถกลับไปสอนตามปกติ เพราะใกล้ถึงเวลาพอดี
สอนเสร็จตามกำหนดเวลา โทรฯหาเพื่อนเพราะนัดหมายจะเข้า กทม. ด้วยกัน ตั้งใจว่าจะไม่ทานข้าว เพราะกลัวไม่ทันเวลานัด
“ เธอไปทานข้าวก่อนแล้วกัน ยังพอมีเวลา เดี๋ยวค่อยออกเดินทาง ” ... เพื่อนรีบบอกให้หาอาหารรับประทาน
เดินจ้ำอ้าวไปที่โครงการอาหารกลางวันสำหรับครู สะดุดตากับสาวแปลกหน้านางหนึ่ง สวยดี แต่แต่งกายด้านบนค่อนไปทางเซ็กซี่ ได้ทักทาย-พูดคุยกันตามมารยาท ไม่นานนัก เธอคนนั้นก็เดินไปล้างมือที่อ่าง น้องร่วมงานกระซิบให้ฟังเบาๆ
" เขาเป็นร่างทรงนะคะ ลองถามเรื่องของหายดีไหม "
พี่อีกคนหนึ่งกล่าวนำคำถามให้ คุณเธอจึงหันมาสบตาด้วย แล้วกล่าวว่า
" บ้านเธอมันเป็นช่องทางผ่าน ขโมยจึงชอบเข้า วัยรุ่นมันเข้าไปเอาของ แล้วเอาไปขายแล้วหล่ะ เธอเป็นคนไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้ ไม่เคยบอกกล่าวเจ้าที่-เจ้าทาง ไม่เคยชายตามอง ข้ามหัวเขาไป ไม่กราบ-ไม่ไหว้ เขาก็รอว่าเมื่อไหร่เธอจะยอมรับเขา เมื่อเธอเรียกร้อง เขาถึงได้มาพบ... นี่ไง "
ขนแขนลุกซู่ ตั้งตัวแทบไม่ทัน คิดในใจว่า.... เฮ้ย…. ปักธูปไปยังไม่ถึง 2 ชั่วโมง มาแล้วเหรอ ทำไมไวจัง รู้ได้ไงล่ะเนี่ย ยังไม่ได้บอกใครเลย ... แต่ก็ยังใจกล้า กล่าวต่อว่า-ต่อขาน ตามประสาคนเจ็บช้ำใจ
" อ้าว มีอะไร ทำไมไม่พูดกันตรงๆ ทำไมไม่มาพบพูดจากันให้รู้เรื่องไปเลย ว่าจะเอาอย่างไร "
" นี่เธอไม่เข้าใจกฎของสวรรค์เหรอ มันไม่สามารถสื่อผ่านกันได้โดยตรง ต้องผ่านร่างทรง "
" แล้วของเนี่ยจะได้คืนบ้างไหม "
" ได้ซิ หากเธอปฏิบัติตาม รับรองว่าได้คืนจนครบ มากกว่าเดิมอีก เป็นล้านๆ เลยแหละ เพียงแค่ให้เธอปฏิบัติธรรม สวดมนต์ไหว้พระทุกคืน กินเจ หากกินเนื้อสัตว์ควรแผ่เมตตาให้กับพวกเขาด้วย "
...ตาโตทันทีเมื่อได้ยินเรื่องเงินล้าน มันก็น่าสนเหมือนกันนะ แต่ยังไม่วายสงสัย
" จะรวยได้ไง ไม่ได้ประกอบอาชีพอื่นเสริม หรือรับจ๊อบ "
" ได้ซิ...เดี๋ยวมันมาเองแหละ "
ดำเนินการต่อรอง....
" กินแต่อาหารเจ สารอาหารมันครบที่ไหนกัน โปรตีนจากเนื้อสัตว์ นี่จำเป็นต่อร่างกายมนุษย์นะ ไม่งั้นตัวเหลืองหมด "
" สัปดาห์หนึ่งกินแค่วันเดียว วันเกิดของเธอก็ได้ "
" สวดมนต์ทุกคืน โห…..ไม่มีเวลา เล่น FB เลยนิ "
" เล่นได้ ก็แค่สวดมนต์ก่อนนอน "
" จะพยายาม ทำเท่าที่ทำได้ละกัน "
" เธอรู้ไหม ว่าเธอมีองค์คุ้มครองเธอด้วยนะ คือเจ้าแม่กาลี "
" ห๊า เจ้าแม่กาลี เชียวเหรอ " ใจนึกถึงรูปปั้นเจ้าแม่กาลี ที่ประเทศเนปาลมีคาบเลือดสีแดงที่มุมปาก หน้าตาดุดัน ตาโปน ตัวหนา ขนาดสบตากับรูปปั้น ยังขยาดเลย
“ ที่เธอแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ด ไว้เล็บยาวแบบนี่น่ะ เป็นตัวตนของเจ้าแม่กาลีเลยละ คนอย่างเธอ ยอมใครที่ไหนกัน ใครอย่าได้มาเหยียบเงา เหยียบหางเธอนะ เป็นเรื่อง วีนสุดฤทธิ์เลย ”
..... เอ๊ะ-เอ๊ะ ชักเข้าเค้าเหมือนกันนะเนี่ย.....
" แต่ฉันต้องการจะเปลี่ยนเธอให้เป็นเจ้าแม่อุมา เขาจะสวยหวาน ต้องแต่งกายแบบฉันนี่ เจ้าแม่อุมาเป็นอีกภาคหนึ่งของเจ้าแม่กาลี ผมก็ห้ามซอย ไม่งั้นชีวิตของเธอมันจะขาดวิ่น เธอต้องไว้ผมยาว เท่าๆกัน สไลด์เฉพาะด้านข้าง คล้ายๆบ๊อบ "
" โห สวยตายละ ผมหนาแบบนั้น "
" เธอจะเปลี่ยนไปเองโดยอัตโนมัติ หากเธอปฏิบัติธรรม องค์ของเธอจะเปลี่ยนภาคเป็นเจ้าแม่อุมา "
XxxxxxxxxxxX
ระยะนี้เกิดอาการป่วย(ทางใจ) ค่อนข้างหนัก เนื่องจากมีปัญหาหลายอย่างแทรกเข้ามารุมเร้าอยู่หลายประเด็น จนเกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย แม้จะมีความเข้มแข็งเป็นทุนเดิมและทำใจยอมรับสภาพได้กว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่จำนวน 10 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือก็เปราะบางเหลือเกิน หากมีสิ่งใดๆ มากระทบ จึงกลายเป็นเติมเชื้อให้มันปะทุ ระเบิดขึ้นมาได้โดยง่าย
ที่พึ่งของผู้ป่วย(ทางใจ) ที่ดีที่สุดคือ การได้พูดคุย-ระบายปัญหากับผู้ชิดใกล้ ทั้งญาติๆและเพื่อนสนิท แต่ควรเลือกปรึกษากับบุคคลที่มีความรู้-ประสบการณ์ มีความคิด-ความอ่าน มิเช่นนั้นจะชักนำกันไปผิดทิศ-ผิดทาง อาจกลายเป็นเหยื่อของพวก 18 มงกุฎ หมอดู-หมอเดาเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ช่วยรักษาอาการป่วย (ทางใจ) แต่ไม่ควรงมงาย ตั้งสติที่จะรับฟัง นำมาวิเคราะห์ เพื่อหาทางออก อย่างดีที่สุด
ผู้เขียน เองบ่อยครั้งอาศัยหมอดูเป็นที่พึ่งทางใจ แต่ดูเหมือนว่า อาการป่วย(ทางใจ) ไม่ค่อยได้แสดงออกมาให้เห็น การทายทักมักจะเป็นเรื่องดีๆ ทั้งนั้น หรือว่าวิชาความรู้ยังไม่แก่กล้าพอที่จะคาดเดาได้ขนาดนั้น น้องชายจอมกวนบอกว่า ไปสนใจอะไรกับพวกหมอดู พวกนี้มีจุดประสงค์อยู่แค่ 2 อย่างเท่านั้นแหละ
1 หาเงิน
2. หาเพื่อนคุย
การไปให้หมอดูทายทักแต่ละครั้ง จึงไม่ค่อยได้คิดหวังผลอะไรมากมาย….ถือเสียว่า นำเงินไปแบ่งปันกันใช้ และมีเพื่อนพูดคุย (ต่างคน-ต่างคุย)
หมอดูรายหนึ่ง ทำนายทายทักจากลายมือในครั้งแรกที่พบกันว่า จะได้โชคลาภและจะถูกหวย รางวัลใหญ่พอควร เรื่องโชคลาภนี่ ใครๆก็ไม่อยากปฏิเสธ แต่มีข้อแม้ให้ไปใส่บาตรพระ ถวายดอกบัว 9 ดอก และปล่อยปลา ….แต่ตนเองกลับปล่อยเวลาให้ผ่านพ้นไป โดยใช้ข้ออ้างว่าไม่สะดวก
เดินทางไปรับคำทำนายทายทักครั้งที่ 2 เมื่อเวลาผ่านเลยไปเกือบ 4 เดือน เหมือนเดิมเกือบทุกอย่าง เพิ่มเติมมาอีก 2 ข้อ ปกติก็ไม่ได้ละเลย เรื่องการทำบุญ-ทำทาน อยู่แล้ว ทำเท่าที่โอกาสจะอำนวย แต่ไม่ได้ปฏิบัติจนครบขั้นตอนเพราะคิดเพียงแค่ได้ทำบุญให้ใจรู้สึกสบาย ไม่ได้หวังผลเลอเลิศจากการทำบุญเหล่านั้น เนื่องจากไม่เคยรับโชคจากการติดสินบนเทวดา ฟ้า-ดิน หรือพระเจ้าองค์ไหนๆ ในโลกนี้เลย
หมอดูรายที่ 2 ตรวจดวงชะตาจากวันเดือน ปี เกิด เวลาตกฟาก ผูกเป็นดวงตาม ราศี-ลัคนา ทำนายทีละเรื่อง
“ คุณเกิดในช่วงเวลาของราชาโชค หน้าที่การงานดี เจริญก้าวหน้า มีชื่อเสียง มีทรัพย์สิน –เงินทอง แต่อย่าไปทะเลาะกับเจ้านาย เขาจะดีหรือไม่ แม้จะทำไม่ถูก(ใจ) ขอให้ปล่อยวาง….” “…ก็นั่นแหละที่ทำใจลำบาก(ว่ะ) 555 ”
คนเคยสนิทชอบว่าผู้เขียน ว่าชอบหาเรื่องวุ่นวายใส่ตัว อยู่เฉยๆไม่เป็น แหม…. ก็บ่อยครั้งไปที่วางท่าเฉยๆ ปล่อยให้ผู้อื่นมันหยามน้ำใจเล่นกัน เพลินไปเลย
XxxxxxxxxxxX
ช่วงนี้ปฏิบัติเรื่องวุ่นวาย อยู่สัก 2-3 อย่าง ได้ประสบการณ์คลายเครียด เพิ่มพูนอย่างครบครัน,
เรื่องแรก ปฏิบัติตามคำทำนายทายทักเพื่อโชคลาภ ด้วยการใส่บาตร แต่ลืมไปปล่อยปลา นึกขึ้นได้อีกครั้งเมื่อถึงวันหวยออก มีเวลาอยู่ครึ่งชั่วโมง ขับรถตระเวนหาคนท้องขายล็อตเตอรรี่ คนท้องสมัยนี้หายาก หากให้มานั่งขายล็อตเตอรรี่อีกยิ่งยากไปใหญ่ เจอะเจอน้องคนหนึ่งเป็นเซียนเรื่องหวยจึง แนะนำว่า
“ จินตนาการเอาเองซิว่า เขาท้อง “
“ ปัทโธ่ เดี๋ยวก็ไม่ถูกหรอก”
“ งั้นก็แก้เคล็ด ให้คนท้องซื้อให้ โน่นไง เดินอยู่ด้านหน้านั่น ท้องอยู่แล้วชัวร์ๆ”
“ ขอโทษนะคะ เอ้ออออ ท้องหรือเปล่าคะ “ วิ่งเข้าไปถามโดยไม่มีทางเลือก คนถูกถามวัยเกือบ 40 ปีหันหน้ากลับมามองแบบงง ๆ จึงทวนคำถามต่อว่า
“ คือ มีท้องหรือเปล่าคะ “
“ เปล่า นี่ “
รีบกล่าวขอโทษ และหมุนกายเดินจากไปก่อนจะโดนตบเสียก่อน ขับรถตระเวนไปแถบ รพ. มีแต่คนขายหวยที่ดูลักษณะอย่างไร ก็ไม่ท้อง
“ คนรอคลอดตั้งเยอะแยะ วานให้เขาไปซื้อให้ซิคะ “ น้องคนใหม่แนะนำ
“ โธ่เอ๊ย ….. ไปรบกวนเขาได้ไง คนเขาปวดท้องจะคลอดอยู่ จะวอนให้ถูกหมอตำหนิ หรือไงจ๊ะ “
... ชวดไปอีกงวดหนึ่ง ยังไม่มีโอกาสรับโชค ...
XxxxxxxxxxxX
หาเรื่องวุ่นวาย(คลายเครียด) เรื่องที่สองด้วยการไปหาซื้อบ้านใน เขต กทม.
อ่านประกาศจากโฆษณา “ สุขุมวิท 23 บ้าน 2 ชั้น เนื้อที่ 104 ตารางวา ” เออออ….แถบนี้ค่อยน่าสนหน่อย ราคา…..ลุ้นๆ ๆๆๆ " 49 ล้านบาท " เกิดใหม่อีก 5 ชาติ จะซื้อได้ไหมน้า
ไปดูแถบแจ้งวัฒนะ สะดวกทั้งรถตู้ –รถเมลล์ ใกล้ทางด่วน อนาคตรถไฟฟ้าสีชมพู มาแน่ แถมเดินได้-ไม่ไกลนัก
ลักษณะ/ประเภทของบ้าน
Townhouse คือ บ้านที่ใช้ผนังร่วมกันกับหลังอื่น มี 2 ชั้น
Townhome คือ บ้านที่ใช้ผนังร่วมกันกับหลังอื่น มี 3 ชั้นขึ้นไป
บ้านเดียว….แถบนี้ หายากมากแทบจะไม่มีขายแล้ว
โห….ราคาระดับนี้…. ทำไมคนกรุงเทพฯ มีรายได้ดีขนาดซื้อบ้านราคาแพงๆ กันได้นะ ทำมาหาเงินจากไหนกัน ถ้าเป็นข้าราชการระดับผู้เขียน สงสัยต้องค้ายา (ฮาไม่ออก) จึงอกหัก ม้วนเสื่อกลับอย่างหงอยๆ
ย้อนไปดูหมู่บ้านหนึ่ง เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ราคาเกือบ 3 ล้าน ขายหมดไปแล้ว … แต่ เอ๊ะ….มีอยู่หลังหนึ่งติดป้ายประกาศศขายอยู่…. ยังไม่เคยมีผู้พักอาศัยอยู่ จึงโทรฯ ติดต่อไป
“ อ้อ... มีคนซื้อแล้วครับ นัดโอนกันสัปดาห์หน้า 5 ล้านครับ “ ราคาขยับขึ้นสูงดีแท้เชียว ปีละล้านเชียวเน้ออออ!
ดั้นด้นไปดูอีกหลายโครงการฯ ห่างไกลออกไปจากทำเลเดิม เป็นสิบๆกิโลเมตร ลักษณะบ้านคล้ายกล่อง สี่เหลี่ยม จำกัด-จำเขี่ยเนื้อที่เหลือเกิน หันไปมองด้านข้าง เหลียวไปมองด้านหลัง ไม่เกิน 1 เมตร แต่ข้างในดีไซน์ดูดีเชียว ทำใจลำบากกับการเข้าไปอยู่ในกล่องมหัศจรรย์
แวะไปดู Townhouse มือสอง อยู่ไม่ไกลจากทำเลเดิม
“ วันนี้ไม่สะดวกครับ คือบ้านให้เขาเช่า ผู้เช่าบ้านนัดให้ดูวันเสาร์หน้า เวลาประมาณ 10-11 โมงเช้าครับ ” ตัวแทนประกาศขายบอกกล่าวผ่านโทรศัพท์
XxxxxxxxxxxX
“ อ๋อ….เขาขอเปลี่ยนเป็นวันอาทิตย์ครับ ”
" อ้าว แล้วทำไมไม่โทรบอกก่อน ดีนะที่ยังไม่ออกเดินทาง "
XxxxxxxxxxxX
“ คุณครับ เจ้าของเขาเปลี่ยนใจ ไม่ขายแล้วครับ ”
" ปัทโธ่ ให้ฉันเสียเวลานั่งรถมาตั้งเกือบ 400 กม. เนี่ยนะ แล้วบอกว่าเปลี่ยนใจ ตอนเนี๊ย "
ลองไปดูคนละฝั่งถนน…. ราคาถูกกว่าของใหม่เกือบครึ่งหนึ่ง ตกลงกันเกือบสำเร็จ แต่ผู้บอกขาย กลับคำเรื่องการจ่ายเงินค่าโอน เกี่ยงงอนให้ผู้ซื้อจ่ายเองครบจำนวน แถมขอเงินมัดจำครึ่งแสน ปัทโธ่ บ้านใหม่ๆราคา 6 ล้าน ยังจ่ายมัดจำไม่เกิน 2 หมื่นบาท ขัดเคืองใจยิ่งนัก งานนี้ป้าแกเขี้ยวยาวไปปล่าว.... เหอะๆ แต่ทำเลก็น่าสนอยู่นะ
***... วุ่นวายกับเรื่องต่างๆ ไปตามประสา บางเรื่องเหลือเชื่อ....แต่ได้ประสบการณ์คลายเครียด...ดีแท้เชียวค่ะ...ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมนะคะ ...***
ขอขอบคุณภาพเคลื่อนไหวจาก Animation Playhouse
ขอบคุณค่ะที่แบ่งปันเรื่องดีดี..เพลงเพราะค่ะ