ช่วงบ่ายวันหนึ่งของสัปดาห์ที่ ๒ ขณะที่คุณครูหลายท่านนั่งก้มหน้าก้มตาตรวจงานกันอยู่นั้น คุณครูเนย (ครูผู้สอนหน่วยวิชาภูมิปัญญาภาษาไทย) ก็พูดขึ้นมาว่า “เนยว่าเทอมนี้แชมป์ดีขึ้นนะคะ”
แล้วคุณครูที่อยู่ในห้องพักครูต่างก็วางงานที่ทำอยู่ หันหน้าเข้ามาหากัน แล้วเสียง “อืมมมมม จริง /ใช่” ก็ดังขึ้นพร้อมกัน ต่างคนก็ต่างเล่าอาการของแชมป์ที่เปลี่ยนไปว่า “ในห้องพี่ไม่ค่อยได้เรียกชื่อแชมป์แล้วนะ” เสียงคุณครูแคทพูดขึ้น “ในคาบเนย แชมป์นิ่งฟังไม่เดินไปเดินมาเหมือนเทอมที่แล้วนะคะ” “ในคาบผมก็เหมือนกัน” คุณครูแม็กซ์ครูผู้สอนหน่วยวิชาคณิตศาสตร์พูดเสริม
หลังจากคุยกันวันนั้นครูแคทก็เก็บงำความสงสัยไว้ตลอด เกิดอะไรขึ้นกับแชมป์นะนี่ วันก่อนคุณแม่เข้ามาคุยหลายเรื่อง แล้วคุณแม่ก็พูดขึ้นมาคำหนึ่งว่า “เทอมที่แล้วไม่ค่อยได้ดูแล ถึงขั้นปล่อยเลยก็ว่าได้”
เอ...หรือว่าคุณแม่ไปทำอะไรแชมป์ที่ทำให้แชมป์ดีขึ้นนะ...
เป็นความโชคดีที่สมัยนี้เทคโนโลยีทันสมัย จะติดต่อกับใครมันก็ช่างง่ายดายดังใจนึก ครูแคทจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเปิดโปรแกรม WhatsApp เล่าเหตุการณ์ในห้องพักครูให้คุณแม่ฟัง คุณแม่ดีใจใหญ่มากบอกว่าที่ไปเรียนฟุตบอลโค้ชก็ชม ครูแคทก็เลยถามคุณแม่ไปว่า
“เทอมนี้คุณแม่ทำอย่างไรหรือคะ จำได้ว่าเทอมที่แล้วคุณแม่บอกปล่อย เทอมนี้น่าจะทำอะไรบางอย่างถึงเปลี่ยนแปลง” คำตอบที่ได้มาทำให้แปลกใจเล็กน้อย เพราะทีแรกคิดว่าคุณแม่จะเคร่งครัด และเอาจริงเอาจังกับแชมป์มากขึ้นเสียอีก
คุณแม่ของแชมป์บอกว่า “แม่ทำตัวเป็นนางฟ้า เป็นแม่พระค่ะ ไม่ดุ ไม่ใช้อารมณ์ ข่มใจอย่างเดียวค่ะ” และทุกคืนก่อนนอนกับตอนตื่นนอน จะอวยพรเค้าทุกวันค่ะ ก่อนนอนก็จะอวยพรให้แชมป์มีพลังกายพลังใจที่ดีและเข้มแข็ง ตื่นนอนก็จะกระซิบข้างหูว่าให้แชมป์เป็นเด็กดีของครู เชื่อฟังครู ตั้งใจเรียน”
ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่แม่ทำ เพียงเท่านี้ จะทำให้เด็กคนหนึ่งที่เมื่อก่อนจะนั่งเรียนนิ่งๆ ไม่ได้เลย กลับมานั่งเรียนได้ และมีพัฒนาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในทุกวิชา
เรื่องของแชมป์ทำให้ย้อนนึกไปถึงตอนที่ตัวเองเล่ามหาภารตยุทธให้เด็กๆ ฟังว่ามีหลายตอนที่กล่าวถึงความรักของแม่ที่มีต่อลูก และไม่ว่าแม่จะพูดอะไรลูกก็จะต้องทำหรือเป็นไปตามนั้น จำได้ว่าตอนนั้นได้บอกเด็ก ๆ ไปว่า “คำพูดของแม่ศักดิ์สิทธิ์นะ” แม่ของครูแคทจะไม่พูดอะไรก็ตามที่ไม่ดีกับลูก เพราะกลัวว่าลูกจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ
คงเป็นเรื่องที่ประจวบเหมาะกันพอดีกับเรื่องที่เคยเล่าในห้องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ กับคำอวยพรของคุณแม่ที่เข้าไปทำงานกับชีวิตด้านใน แล้วไปก่อให้เกิดผลคือการเปลี่ยนแปลงขึ้นในตัวแชมป์ได้อย่างมหัศจรรย์
“ข่มใจอย่างเดียว” ที่คุณแม่บอก คงเป็นพลังของความหักห้ามใจด้านลบ ที่แทนที่ด้วยพลังของความเมตตา และพลังสติแห่งสติที่คุณแม่ได้สั่งสมมาแล้วมากมาย
การคิดอยากจะเปลี่ยนแปลงใครสักคน คงต้องเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงที่ตัวเองก่อน ...ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะพ้นไปจากความคุ้นชินเดิมๆ ที่เรายึดเอาไว้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินความพยายาม เพราะทุกคนต่างก็มีพลังแห่งสติ และพลังของความรัก ความเมตตาที่เป็นขุมทรัพย์อยู่ภายในตน
จิตใต้สำนึกจะทำงานตอนสมองอยุ่ในช่วงสงบเราจะสือสารกับจิตใต้สำนึกได้บอกเขาตอนก่อนนอนและตอนเพิ่งตื่นนอนมันจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงพถกติกรรม